เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 798 เธอนี่มันชั่วร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ
โม่หว่านหว่านค้างที่นี่หนึ่งคืน เธอใช้เวลาทั้งคืนพูดเรื่องนี้กรอกหูซูย้าวไม่หยุด ซ้ำไปซ้ำมา จนคำว่า “โรคพูดมาก” ยังดูเหมือนใช้กับเธอไม่ได้
ซูย้าวได้แต่สงสัย เพราะมีลูกแล้วใช่ไหม เธอถึงได้กลายร่างเป็นมนุษย์แม่แบบนี้ กับแค่ปัญหาเรื่องเดียว พูดยังไงก็ไม่จบสักที
แต่ความสงสัยนี้ เพียงครู่เดียวก็ถูกเธอลบล้างไป
ทฤษฎีนี้ไม่น่าจะใช้ได้ เพราะถึงอย่างไร เธอก็มีลูกแล้วเหมือนกัน แถมยังมีตั้งสามคน ทำไมถึงไม่มีท่าทีของโรคพูดมากแบบนี้ให้เห็นเลยล่ะ
ดังนั้น นี่มันขึ้นอยู่กับคน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างหาก เธอมักจะตระหนักถึงเรื่องนี้เสมอ แต่ก็ยังยากที่จะรับฟังคำพร่ำพรรณนาทั้งหมดของโม่หว่านหว่านได้ กระทั่งเช้าวันต่อมา เธอถึงขนาดต้องขับรถไปส่งโม่หว่านหว่านกับลูกน้อยที่คฤหาสน์ตระกูลลู่ด้วยตัวเอง
และเพราะว่าข้างๆ ก็เป็นวิลล่าของลี่เฉินซี หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ก้าวลงจากรถแล้วเดินไปด้านในอยู่ดี
โม่หว่านหว่านที่ยืนอยู่ในสนามข้างๆ เฝ้ามองดูเธอทุกฝีก้าว ก่อนจะกระซิบเสียงเบาเพื่อ “ให้กำลังใจ” ซูย้าวว่า “สู้ๆ ให้โอกาสเขาสักครั้งเถอะ!”
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา ก่อนจะพุ่งเข้าไปฟาดเธอเบาๆ เป็นการบอกใบ้ให้เธอรีบอุ้มลูกน้อยเข้าบ้านได้แล้ว อย่ามามัวแต่ยืนจ้องเธออยู่ที่นี่
ขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า หญิงสาวกดกริ่งเบาๆ ไม่นานก็มีใครบางคนเดินออกมาเปิด
ทันทีที่บานประตูเปิดออก ซูย้าวถึงกับต้องชะงักไป
เพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ คือซูหยวน
ซูหยวนดูเหมือนเพิ่งลุกจากเตียง หล่อนมีท่าทีงัวเงียเล็กน้อย ผมลอนยาวจนถึงเอวถูกปล่อยสยายลงมาโดยไม่ได้จัดแต่ง อีกฝ่ายดูไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นเธออยู่ตรงนี้ ทั้งยังเบี่ยงตัวออกไปด้านข้างเป็นสัญญาณให้เธอเดินเข้าไป
ขณะเดียวกัน ซูหยวนก็หมุนตัวกลับ หล่อนรวบผมยาวสลวยไปพลาง พร้อมกับเดินไปทางห้องครัว
ปกติที่นี่จะมีลี่เฉินซีอยู่แค่คนเดียว ชายหนุ่มเคยชินกับการอยู่ด้วยตัวเอง ถ้าไม่มีเด็กๆ อยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยชอบจัดแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเข้ามา ดังนั้นในวิลล่าหลังใหญ่นี้จึงดูเหมือนว่าจะมีซูหยวนอยู่เพียงลำพัง
ซูหยวนเทกาแฟให้ตัวเองหนึ่งแก้ว แล้วก็ยกกาขึ้นพร้อมกับส่งสายตาให้ซูย้าว “จะกินไหม?”
ซูย้าวจะมีใจจากไหนมาแสดงท่าทีอะไรแบบนี้กับหล่อน เธอจึงส่ายหน้าเบาๆ เป็นการปฏิเสธไป
ซูหยวนยกกาแฟขึ้นจิบพร้อมกับเดินออกมา “มาหาลี่เฉินซีเหรอ?”
“อืม เขาล่ะ?” ซูย้าวถามกลับ
ซูหยวนยังคงก้มหน้าจิบกาแฟต่อไป ก่อนจะวางแก้วไว้ที่โต๊ะด้านข้างด้วยท่าทีสบายๆ ร่างเพรียวบางของเธอยืนพิงอยู่กับขอบโต๊ะ ใบหน้าอันสวยสง่า และนัยน์ตาสีแอปริคอทอันทรงเสน่ห์ มองมาที่ซูย้าวด้วยสายตาเย็นชาอย่างชัดเจน พร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้น “เธอนี่มันชั่วร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ไม่เห็นรึไง? ฉันกับลี่เฉินซีเราอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว นี่มันหมายถึงอะไร รู้ไหม?”
ขณะที่พูด เธอก็หลุบตาลงมองที่มือข้างซ้ายของตัวเอง จากนั้นก็ยกขึ้นมา จงใจให้ซูย้าวได้เห็นแหวนเพชรที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายนั่น “นี่คือลี่เฉินซีให้ฉันตอนที่อยู่ยุโรป ผู้ชายสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของผู้หญิง มันหมายถึงอะไร ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกเหรอ?”
ซูย้าวหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่มีอารมณ์จะมาฟังหล่อนพูดพล่ามเรื่องพวกนี้ ทันทีที่ดวงตาคู่สวยลืมขึ้น เธอก็ตอบกลับเสียงเรียบว่า “ยินดีกับการแต่งงานของทั้งสองคนด้วย แต่ลี่เฉินซีอยู่ไหน?”
“เฉินซีเขาไปที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว” ซูหยวนตอบกลับเบาๆ แต่ก็ยังใช้ท่าทีข่มเหงเธออยู่ “แต่ถ้าเธอไม่รังเกียจ จะอยู่ที่นี่รอเขาก็ได้นะ เขารับปากว่าจะกลับมาทานข้าวกลางวันกับฉัน เพราะงั้น อีกเดี๋ยวเขาก็คงกลับมาแล้ว”
สีหน้าของซูย้าวไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น เธอเพียงแค่ตอบไปหนึ่งคำว่า “อืม”
จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก
พอซูหยวนเห็นซูย้าวจะเดินออกไป นัยน์ตาสีแอปริคอทก็อดไม่ได้ที่จะเป็นประกายขึ้น นี่เป็นโอกาสที่จะได้โอ้อวดเรื่องของเธอ เธอจะพลาดไปไม่ได้ หญิงสาวจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนว่า “เธอจะไปวุ่นวายกับเขาแบบหน้าไม่อายอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไร?”
“ฉันรู้ว่าระหว่างพวกเธอยังมีเด็กๆ อยู่ เพราะงั้นเฉินซีถึงได้บอกกับฉันว่า ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนมันตัดให้ขาดได้ยาก แต่เธอจะมาอาศัยความรับผิดชอบของผู้ชายคนหนึ่ง แล้วคอยวนเวียนไม่ยอมปล่อยเขาแบบนี้ไม่ได้สิ!”
ซูหยวนถอนหายใจออกมาอย่างคลุมเครือ แสร้งทำเป็นขมวดคิ้วอย่างหมดหนทาง จากนั้นก็ก้มหน้าลงเขี่ยเล็บตัวเองเบาๆ “คนเราน่ะนะ ต้องรู้จักประมาณตนสิถึงจะเรียกฉลาด ในเมื่อรู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้รักเธอแล้ว เธอจะทำแบบนี้ต่อไปเพื่ออะไร?”
“เลิกกันในเวลาที่เหมาะสม ถึงจะลดความทรมานให้ตัวเองลงได้ มันไม่ดีกว่าเหรอ?”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูย้าวไม่คิดจะสนใจเธอเลยสักนิด ไม่ว่าเธอจะอาศัยอยู่ที่นี่จริงหรือไม่ หรือว่าจะมีความสัมพันธ์อะไรระหว่างลี่เฉินซี ซูย้าวไม่ได้อยากจะไปใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ทว่า ยิ่งฟังเธอพูดประโยคเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา ทั้งเสียดสีและประชดประชัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะหักห้ามความโกรธเอาไว้ได้
เพราะถึงอย่างไรคนเราก็มีอารมณ์ความรู้สึกด้วยกันทั้งนั้น ซูย้าวเองก็ไม่ต่าง
ขณะที่ซูหยวนยังคงจมดิ่งอยู่กับการโอ้อวดความเป็นผู้ชนะของตัวเอง อยู่ๆ ซูย้าวก็หมุนตัวกลับมา พร้อมกับพุ่งตรงเข้าไปหาเธอ
ระยะห่างเพียงไม่กี่ก้าว ขณะที่ซูย้าวเดินตรงเข้าไป หญิงสาวคว้ามือข้างซ้ายของซูหยวนขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว หลังจากพิจารณาแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“คุณอู๋คะ แหวนเพชรวงนี้ลี่เฉินซีเป็นคนมอบให้คุณจริงๆ เหรอ?” ซูย้าวถามเสียงเบา
ซูหยวนชักมือกลับอย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวกะพริบตาเบาๆ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นมั่นใจ “แน่นอนสิ! เธอรู้แล้วยังมาถามอีกทำไม?”
ซูย้าวเบิกตาขึ้นเล็กน้อย “เป็นฉันที่รู้แล้วยังมาถาม หรือว่าเป็นคุณที่กำลังหลอกตัวเอง?”
“แหวนเพชรวงนี้ใช้เพชรชมพูธรรมชาติบริสุทธิ์ เป็นแบรนด์เครื่องประดับภายใต้ชื่อบริษัทลี่ซื่อที่ถูกผลิตขึ้นมาเพียงหนึ่งร้อยวงในไตรมาสนี้ ถึงแม้ว่าหายาก แต่ก็ขายหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว เนื่องจากเป็นผลงานอันน่าภูมิใจของดีไซเนอร์ชื่อดังท่านหนึ่ง เพราะงั้นก็เลยขายดีมาก”
ซูย้าวเริ่มเกริ่นความเป็นมาของแหวนเพชรวงนี้ก่อน หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะกว้างขึ้นไปอีก “ดูท่าแล้วคุณคงจะยังรู้จักลี่เฉินซีไม่มากพอสินะ เขาไล่ตามความสมบูรณ์แบบมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การทำงาน หรือความรัก ยิ่งถ้าเป็นเรื่องแต่งงาน เขาจะยิ่งชอบความเป็นหนึ่งเดียวมากที่สุด ถ้าสมมติเขาจะขอคุณแต่งงานจริงๆ ทำไมเขาถึงได้ทำแบบขอไปทีอย่างนี้ล่ะ?”
“ขนาดตอนแรกที่ฉันถูกบังคับให้แต่งงานกับเขา แหวนแต่งงานยังถูกทำขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโดยดีไซเนอร์ชั้นสูงจากต่างประเทศเลย มีเพียงวงเดียวในโลกเชียวนะ”
ซูย้าวสูดลมหายใจลึกๆ นัยน์ตาคู่สวยจดจ้องไปที่อีกฝ่ายด้วยแววตาคมกริบ “เป็นเขาที่ให้ความสำคัญกับงานแต่งงานไม่พอ หรือว่าเป็นคุณอู๋ที่มีอะไรแอบแฝงกันแน่?”
ซูหยวนคาดไม่ถึงว่าเธอจะสามารถแยกประเภทและมีความรู้เรื่องแหวนเพชรถึงขนาดนี้ เมื่อความลับถูกเปิดเผย หญิงสาวก็เก็บสีหน้าไม่อยู่ทันที ขณะที่เธอมีสีหน้าไม่พอใจ เธอก็เห็นซูย้าวกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องรับแขก จากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า “แล้วก็ เมื่อครู่คุณอู๋บอกว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว?”
“เพราะงั้นคุณอู๋ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ?” ซูย้าวเอ่ยถามอย่างสงสัยด้วยแววตาอันมืดมิด ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสายตาเยาะเย้ยและดูถูก “ถ้าอย่างนั้น คุณอู๋รู้รึเปล่าว่าคนที่อยู่ข้างๆ บ้านคือใคร?”
ซูหยวนมึนงงไปชั่วขณะ เธอจะไปรู้ได้อย่างไร?
ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อคืนเธอแสร้งทำเป็นเมาไม่ได้สติ แล้วก็เกาะลี่เฉินซีไม่ปล่อย เขาก็เลยทิ้งเธอไว้ให้นอนที่ห้องรับแขก ไม่อย่างนั้นเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!
ซูย้าวเห็นความตื่นตระหนกในแววตาเธอ หญิงสาวจึงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “คือคู่สามีภรรยาประธานลู่”
นั่นหมายความว่า ถ้าเธออาศัยอยู่ที่นี่กับลี่เฉินซีจริงๆ แค่บอกลู่ส้าวหลิงกับโม่หว่านหว่านที่อยู่ข้างบ้านก็คงจะชัดเจนแล้ว ทำไมต้องมาแสร้งทำอะไรแบบนี้ด้วย จงใจจะโอ้อวดกันรึไง?!
คำโป้ปดทั้งหมดของ “อู๋หยาน” ถูกซูย้าวเปิดโปงจนไม่เหลือ ซึ่งซูย้าวเองก็ไม่อยากจะเสียเวลากับเธออีก หญิงสาวจึงหันหลังกลับ ทว่าเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอจึงเสริมอีกประโยคว่า “อ๋อ เกือบลืมไปเลย คุณอู๋คะ ช่วงนี้แอบเอาเวลามาใส่ใจแต่คุณลี่ งั้นก็แสดงว่าลืมท่านประธานเจี่ยงไปแล้วสินะ”
นัยน์ตาที่ตื่นตระหนกของอู๋หยานพังทลายลงทันที เธอนึกว่าการกำจัดอู๋หยานออกไปแล้ว จะทำให้เธอได้พักแบบสุขสบาย ไม่มีใครมาพูดพร่ำกรอกหูเธออีก เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เธอลืมไปจริงๆ …..
ซูย้าวยกมือขึ้นเสยผมทัดหู ก่อนจะใช้ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปที่เธอ “เป็นคุณอู๋ที่ตัดสินใจแล้ว ว่าจะหยุดอยู่ตรงนี้กับผู้ชายที่ไล่ตามอย่างยากลำบากมากว่าสิบปี หรือเดิมทีคุณอู๋…..”
เธอจงใจลากเสียงยาว พร้อมกับทิ้งประโยคท้ายสุดให้ว่างไว้ ปล่อยให้ซูหยวนคิดต่อเอาเองคนเดียว!
เดิมที ซูย้าวเองก็รู้สึกสงสัยในตัว “อู๋หยาน” มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะคิดว่าตัวเองยังมีเรื่องในมืออีกเยอะ หากเธออยู่เงียบๆ ในที่ของเธอ เอาเวลาไปจัดการเรื่องวุ่นๆ ของตัวเองคงจะดีกว่า แต่ถ้าไม่เอาล่ะก็ ถ้าอย่างนั้น ซูย้าวก็ไม่รังเกียจหรอกที่จะเพิ่มเรื่องยุ่งๆ มาอีกสักเรื่อง
ซูย้าวทิ้งซูหยวนไว้กับสีหน้าที่เกินจะบรรยาย ทั้งอารมณ์โกรธจัดทั้งอับอาย หญิงสาวหมุนตัวกลับ ก่อนจะเดินออกจากวิลล่าไป