เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 805 ฉันไม่จำเป็นต้องถามเขาอยู่แล้ว
ซูหยวนมองประเมินซูย้าวอย่างมีนัยแฝง ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ พร้อมกับยกมือขึ้นมาประคองแก้มของตัวเองไว้ “เธอเองก็เป็นผู้หญิง ต้องใช้เครื่องประทินผิวทุกวันอยู่แล้วใช่หรือเปล่า?”
ซูย้าวถูกเธอพูดใส่ด้วยคำพูดไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกครั้ง เริ่มที่จะระงับความใจร้อนเอาไว้ไม่ได้ จึงเบี่ยงตัวเดินหนีอีกฝ่ายอีกหน แต่ซูหยวนกลับแสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ หันหลังตามแล้วพูดต่อว่า “เธอว่าถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองง่าย ปกติแล้วจะมีอาการยังไงเหรอ?”
“เป็นสิว หรือว่าผิวแย่ ถ้าเป็นหนักหน่อย ก็อาจจะถึงขั้นหน้าพังเลยก็ได้นะ!” ขณะที่พูด สายตาของเธอก็เครียดเกร็งขึ้นมาในทันที โทสะในแววตาปรากฏออกมาอย่างฉับพลัน “อาการเหล่านี้ จะค่อยๆ เกิดขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าหยุดใช้ก็จะค่อยๆ ฟื้นฟู แน่นอน ว่าอาจจะมีกรณีพิเศษ ตรงที่ต้องรักษาด้วยยาถึงจะสามารถฟื้นฟูอย่างได้สมบูรณ์”
“แต่ว่า ถ้าเกิดจู่ๆ ทั้งหน้าพังภายในคืนเดียวอย่างไม่มีสาเหตุ ร้ายแรงจนถึงขั้นเป็นหนอง แบบนั้นมันคืออะไรนะ?”
ซูย้าวไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด “หมายความว่ายังไง? เธออยากพูดอะไรกันแน่?”
ซูหยวนยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นดูน่ามอง แต่กลับเต็มไปด้วยความร้ายกาจ “ต้องขอบคุณลูกชายที่น่ารักของเธอ ที่แอบใส่อะไรบางอย่างเข้าไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของฉัน ทำให้ฉันได้ลิ้มลองความรู้สึกที่เกือบจะเสียโฉม!”
เธอพูดเน้นชัดออกมาทีละคำ ในระหว่างนั้นความร้ายกาจและเคียดแค้น ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ซูย้าวหรี่ตาลงอย่างงุนงง “เธอจะบอกว่าลูกชายฉัน คนที่ทำคือ…หมิงเอ๋อ?”
ช่วงนาทีนั้น เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่มันก็เป็นแค่การคาดเดา ยังไม่มีอะไรเจาะจงชัดเจน
ริมฝีปากของซูหยวนเหยียดยิ้มอย่างชวนหวาดหวั่น “ยังไม่หมดแค่นี้นะ เขาอาศัยความเป็นเด็กของตัวเอง ทำให้ฉันไม่ทันได้ระวังตัวและเอะใจ แอบใส่น้ำกรดลงไปในเครื่องสำอางของฉัน ซ้ำยังเป็นกรดกำมะถันเข้มข้นเสียด้วย……”
ความจริง เรื่องยิบย่อยแบบนี้ยังมีอีกเยอะ เยอะจนซูหยวนตั้งรับไม่ทัน และคาดคิดไม่ถึง!
มันเป็นอะไรที่แค่คิดก็น่าสยองแล้ว!
ในตอนนี้เอง เธอก็อุทานออกมา “ว้าว ลูกของเธอนี่มันเป็นเด็กดีจริงๆ ! ดีมาก ดีจนมีความคิดชั่วร้ายทั้งๆ ที่อายุยังแค่นี้!
ซูย้าวไม่อยากจะเชื่อ เพราะถึงอย่างไร สิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้ากำลังพูด มันน่าสงสัยไปหมด อีกอย่าง ลี่หมิงยังเด็กขนาดนั้น จะไปทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้ยังไง?
“เธอแน่ใจนะว่าลี่หมิงเป็นคนทำ? อีกอย่าง ต่อให้มีความเป็นไปได้ แต่เขาจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ เขาก็แค่เด็กเจ็ดขวบ ถ้าเธอไม่เคยทำอะไรให้เขา ฉันคิดว่าเขาไม่มีทางทำอย่างนี้แน่นอน”
ไม่ใช่ว่าซูย้าวกำลังปกป้องลูกตัวเอง แต่เธอก็แค่เชื่อในตัวลี่หมิง อีกอย่างตระกูลลี่ก็อบรมสั่งสอนเขาอย่างเข้มงวดมาตลอด ไม่มีทางปล่อยให้เขาทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองอย่างนี้แน่ ดังนั้น เรื่องนี้ต้องรอตรวจสอบทั้งหมด
ซูย้าวดึงความคิดกลับมา “เอาล่ะ เรื่องที่เธอพูดมา เอาเป็นว่าฉันรับรู้แล้ว และจะทำการตรวจสอบให้ชัดเจนทีหลัง คุณอู๋ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อน!”
“เธอไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ” ซูหยวนเอ่ยตัดบทเธอขึ้นมาทันที “ฉันหาความจริงได้ตั้งนานแล้ว และฉันก็ได้ถามลี่หมิงเองต่อหน้า ซึ่งเขานั่นแหละเป็นคนทำ”
ซูหยวนเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า ใบหน้าสะสวยเปล่งปลั่งเหมือนดอกไม้แรกแย้ม ทว่ากลับเหมือนดอกฝิ่นที่มีพิษ ข้างนอกแสนสวย แต่ข้างในอาบย้อมไปด้วยพิษสง “และเธอก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่เธอควรทำก็คือ รีบขึ้นไปข้างบน กอบโกยช่วงเวลาในการอยู่กับลูกชายสุดที่รักของเธอเอาไว้ เผื่อจู่ๆ เขาขาดใจตาย เดี๋ยวจะไม่ได้เจอกันครั้งสุดท้ายเอานะ!”
“เธอพูดอะไร?” ซูย้าวล้มเลิกความคิดที่จะออกไปข้างนอก ดวงตาสวยเคลือบไปด้วยความซับซ้อนและสับสน “หรือว่า ที่จู่ๆ ลี่หมิงติดเชื้ออย่างกะทันหัน เป็นเพราะฝีมือของเธอ?”
เมื่อซูหยวนเห็นว่าเธอเริ่มรู้ตัว ก็ยิ้มเยาะออกมา “ถ้าใช่แล้วเธอจะทำยังไง? มีหลักฐานไหม?”
“ก็แค่วิธีเดิมๆ ซ้ำซาก ชั้นเชิงเล็กๆ แค่นี้ อย่าว่าแต่เด็กอย่างเขาเลย ต่อให้เป็นเธอ คิดว่าจะทำอะไรฉันได้?”
เธอพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาอย่างไม่สนสิ่งใดและวู่วาม จนช่วงเวลาต่อมา ซูหยวนก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่พูดมันออกไป ทว่ากลับสายเกินกว่าจะแก้เสียแล้ว
ความรู้สึกลึกๆ ของซูย้าวพลันเย็นวูบ เธอพยายามทำให้ตัวเองใจเย็น “เป็นเธอจริงๆ ด้วย เธอทำได้ยังไง?”
ซูหยวนหรี่ตาลง “เธออยากให้ฉันยอมรับ จากนั้นก็อัดเสียง ไปให้เฉินซีใช่ไหม? ไม่เอาน่า คิดว่าฉันจะหลงกลเธอเหรอ?”
“ฉันไม่จำเป็นต้องอัดไว้หรอก” ซูย้าวตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ “และไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานด้วย สิ่งเหล่านั้นมันสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเธอ ไม่จำเป็นต้องผ่านลี่เฉินซีด้วยซ้ำ”
ซูย้าวเดินเข้าไปใกล้เธอ พร้อมกันนั้นก็กดเสียงต่ำ เอ่ยออกมาทีละคำเน้นๆ “เพราะถือว่าเธอยอมรับทางอ้อมแล้ว ส่วนจะทำยังไงต่อไป อีกสักพักเธอต้องยินยอมที่จะพูดมันออกมาทั้งหมดแน่ อยากรู้ไหมว่าฉันจะใช้วิธีไหน?”
เดิมทีเธอไม่ได้สนใจว่าตกลงแล้วอู๋หยานคนนี้เป็นใครกันแน่ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ทำเกินขอบเขต และทำตัวเหมาะสม เธอก็จะปล่อยผ่านไป แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เธอคงมองโลกในแง่ดีมากเกินไป
ผู้หญิงคนนี้ กล้ามุ่งร้ายต่อลูกชายของเธอ นั่นก็เท่ากับว่ากำลังแตะต่อมโมโหของเธอ แล้วเธอจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้ยังไง!
ซูหยวนรู้สึกหวาดหวั่นกับรังสีกรุ่นโกรธของเธอแปลกๆ ลำคอเริ่มตีบตัน ขณะที่กำลังสองจิตสองใจว่าควรพูดอะไรออกมาหรือไม่นั้น ทางซูย้าวก็ไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเธอ ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “เดี๋ยวเธอก็รู้”
พูดจบ ซูย้าวก็หันหลังเดินออกไปนอกโรงพยาบาล
จากนั้นก็ยืนขวางแท็กซี่ หลังจากที่ขึ้นมาบนรถ ก็บอกจุดมุ่งหมายที่จะไปกับคนขับ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาโม่หว่านหว่าน
“หว่านหว่าน ช่วยฉันเรื่องหนึ่งสิ” ซูย้าวพูดอย่างตรงไปตรงมา
โม่หว่านหว่านกำลังเล่นเป็นเพื่อนลูก รู้สึกงงงวยเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ตอบตกลง “เรื่องอะไร? แกพูดมาได้เลย”
ถ้าไม่ใช่ว่าสถานการณ์บีบบังคับ ซูย้าวก็ไม่อยากรบกวนโม่หว่านหว่าน เพราะถึงอย่างไร สองปีก่อนเธอก็สร้างปัญหาและอันตรายให้อีกฝ่ายไม่น้อย และเธอก็ไม่อยากให้มันซ้ำรอยเดิม
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้า “แฮ็กโทรศัพท์อู๋หยาน แล้วดึงข้อมูลการติดต่อช่วงนี้ ส่งมาให้ฉันหน่อย”
“OK! เรื่องเล็กน้อย ไม่มีปัญหา!”โม่หว่านหว่านส่งลูกชายให้พี่เลี้ยง จากนั้นก็หมุนตัวตรงไปที่ห้องหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์ ฝังซอฟต์แวร์ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์ สักพัก เธอก็ดำเนินการสำเร็จทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางสาย จากนั้นก็ส่งข้อมูลการติดต่อไปให้ซูย้าว โม่หว่านหว่านเอ่ยถามขึ้นมาว่า “มีอะไรอีกไหม?”
ซูย้าวมองบันทึกการติดต่อคร่าวๆ มองแค่ปราดเดียวก็เห็นเบอร์ที่คุ้นเคย จึงแสยะยิ้มออกมา เอ่ยพูดกับโม่หว่านหว่านว่า “ใช้เบอร์ของอู๋หยานส่งข้อความหาเบอร์นี้ ส่วนเนื้อหาเดี๋ยวฉันส่งไปให้แก”
“ได้เลย!”โม่หว่านหว่านดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เวลาสั้นๆ ไม่ถึงนาที ก็จัดการเรียบร้อย
ซูย้าวเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็กดวางสาย เธอหันไปบอกคนขับให้เปลี่ยนจุดหมายปลายทาง
บริเวณทางสี่แยกชานเมืองที่มีผู้คนสัญจรไปมาไม่บ่อยนัก หลังจากที่ซูย้าวลงจากรถ ก็หาที่หลบซ่อน รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง รถสปอร์ตคันสีดำก็ขับมาถึงที่แห่งนี้
หลินเจว๋ขับมาจอดข้างทาง จากนั้นก็นั่งสูบบุหรี่อยู่บนรถ เขาค่อนข้างงงนิดหน่อย อยู่ๆ ทำไมซูหยวนนัดเจอเขากลางวันแสกๆ อย่างนี้ล่ะ? แถมยังบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย จะเป็นเรื่องอะไรกันนะ?
ในขณะที่เขากำลังขบคิด ทันใดนั้น ก็มีร่างของคนคนหนึ่งโผล่ออกมาจากข้างทาง มองจากมุมของเขาเห็นหน้าไม่ค่อยชัดนัก แต่ก็พอดูออกว่าเป็นผู้หญิง
หลินเจว๋คิดว่าเป็นซูหยวน จึงเปิดประตูเตรียมลงจากรถทันที แต่ในขณะนั้นเองร่างของคนคนนั้นก็พุ่งเข้ามาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในมือถือชะแลงเหล็ก พร้อมกับยกขึ้นฟาดมากระจกรถตรงตำแหน่งคนขับ
“เพล้ง” เสียงกระจกแตกกระจาย เศษกระจกบางส่วนกระเด็นบาดแขนของหลินเจว๋ เขาระเบิดอารมณ์ออกมาในทันที “แม่งเอ้ย ซูหยวนเธอบ้าไปแล้วเหรอ……”
ในช่วงวินาทีที่หลินเจว๋เห็นว่าข้างนอกรถคือซูย้าว ถ้อยคำด่าทอที่กำลังหลั่งไหลออกมา พลันหยุดชะงัก
“ซูหยวนงั้นเหรอ?”ซูย้าวกระตุกมุมปาก “เป็นเธอจริงๆ สินะ!”
ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้ ลางสังหรณ์ของผู้หญิง บางครั้งก็แม่นจนน่าตกใจ
เธอใช้มือข้างหนึ่งเปิดประตูรถ มืออีกข้างกำคอเสื้อของหลินเจว๋ กระชากเขาออกมา ชะแลงเหล็กในมือยกขึ้นฟาดแขนซ้ายของเขาอย่างแรง ชั่วพริบตา กระดูกพลันลั่นหัก หลินเจว๋เจ็บจนหลุดโหยหวนออกมา
แม้ว่าจะเจ็บจนเกินรับไหว แต่หลินเจว๋ก็ไม่ลืมสถานะของตัวเอง รีบทุรนทุรายลุกขึ้นมาจากพื้น เอ่ยขอโทษรัวๆ “คุณ คุณหนู ผมผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ อย่าเพิ่งโกรธ……”