เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 806 เธอถือสิทธิ์อะไรมาตบฉัน?
ความจริงแล้ว หลินเจว๋เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมซูย้าวต้องโกรธขนาดนี้ ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าทำไมต้องระเบิดอารมณ์ใส่เขา แต่ว่า เขาเข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือตัวเขาติดตามซูหยวนและให้ความช่วยเหลือเธอทุกอย่างในนามของประธานอาน ซึ่งจุดนี้มันก็ไม่สมเหตุสมผลจริงๆ นั่นแหละ
“ผมผิดไปแล้วจริงๆ คุณหนู ใจเย็นๆ ก่อน……”หลินเจว๋หาคำพูดเกลี้ยกล่อมสารพัด ฝืนอดกลั้นความเจ็บบริเวณแขน ใบหน้าขาวซีดราวกระดาษ ทว่ากลับพยายามฝืนทนเอาไว้
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย ใช้ชะแลงเหล็กในมือชี้หน้าหลินเจว๋ เท้าที่สวมใส่รองเท้าส้นสูง
ยกขึ้นเหยียบบนอกของชายหนุ่ม “คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายสมรู้ร่วมคิดช่วย “อู๋หยาน” แอบตามสืบเรื่องของฉัน?”
“เป็นเพราะฉันละเลย หรือเป็นเพราะช่วงนี้ฉันใจดีเกินไป นายถึงได้ลืมไปแล้วว่าฉันเป็นใคร? ถึงกับกล้าช่วยเธอวางแผนเล่นงานลูกชายฉัน? หลินเจว๋ นายนี่มันบังอาจมากจริงๆ !”
เมื่อหลินเจว๋ได้ฟังที่เธอซักถาม ความคิดพลันนิ่งค้าง ย้อนถามว่า “อะไรคือวางแผนทำร้ายลูกคุณ? ซู…… ไม่สิ อู๋หยานเธอทำอะไร?”
นัยน์ตาของซูย้าววาวโรจน์ เธอผละเท้าออก หันหลังเดินไปอีกด้าน
หลินเจว๋อาศัยจังหวะนี้ รีบทุรนทุรายลุกขึ้นมา โดยไม่สนใจคราบฝุ่นและรอยสกปรกบนตัว เดินกุมแขนซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ “อู๋หยานทำอะไรเหรอครับ? ที่คุณพูดมาเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?”
“เชื้อโรคเยอนิเซียจากโรคฉี่หนู เธอไปเอามาแต่ไหน?” ซูย้าวตรงเข้าประเด็นทันที
หลินเจว๋ชะงักนิ่ง “เชื้อโรคอะไร? ผมไม่รู้เรื่อง!”
เขาก็แค่ทำตามคำสั่งของ “อู๋หยาน” ช่วยเธออ่อยลี่เฉินซี เพื่อเข้าไปแทรกกลางระหว่างซูย้าวกับลี่เฉินซีก็เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ถ้ามันนอกเหนือจากจุดประสงค์นี้ เขาไม่มีทางเข้าไปยุ่งแน่นอน
ซูย้าวหันหน้าแล้วเลิกคิ้วขึ้น แสยะยิ้มเย็นออกมา “เธอทำให้ลูกของฉันติดเชื้อโรคที่ว่า เด็กอายุแค่เจ็ดขวบ ตอนนี้ต้องมานอนดูอาการในห้องกักโรคที่โรงพยาบาล เมื่อคืนทั้งคืน คุณหมอสิบกว่าคนสลับกันเข้ามาทำการรักษาเพื่อช่วยชีวิต ตอนนี้นายยังจะบอกว่าไม่รู้เรื่องอยู่ไหม?”
คิดว่าเธอเป็นเด็กแค่ไม่กี่ขวบ จะหลอกยังไงก็ได้เหรอ?!
ความคิดในหัวของหลินเจว๋เริ่มไม่นิ่ง พยายามรวบรวมสติเอ่ยถามว่า “คุณบอกว่าอู๋หยานทำร้ายลูกคุณ หมายถึงทำร้ายลี่หมิงเหรอ?”
เขาไม่อยากจะเชื่อ ครุ่นคิดอะไรอยู่สักพัก ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ ผมจะตรวจสอบดีๆ และหาคำตอบมาให้คุณได้แน่ๆ ……”
ซูย้าวยกมือขึ้นมาขวางเขา “ไม่ต้อง เรื่องของลูกฉัน ฉันจัดการเองได้ หลินเจว๋ที่ฉันมาวันนี้ ก็เพราะว่าอยากเตือนนาย ไม่ว่าอานเจียเย้นจะสั่งให้นายทำอะไรก็ตาม ถ้านายคิดว่านายยังรู้จักฉันดี ก็ให้รีบรามือซะ ไม่อย่างนั้น……”
เธอจงใจเว้นคำพูด ดวงตาสวยเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว เธอเดินเข้าไปหนึ่งก้าว ยื่นมือไปแตะแขนซ้ายของหลินเจว๋ ชายหนุ่มเจ็บจนหน้าซีดเซียว กระนั้นก็อดกลั้นไม่ส่งเสียงร้องออกมา ซูย้าวพูดคำที่ยังค้างคาออกมาว่า “แขนนายไม่ได้หักแค่ข้างเดียวแน่!”
พูดจบ เธอก็สะบัดมือออกจากหลินเจว๋ หันไปหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาอานเจียนเย้น
ไม่นานหลังจากนั้น สายโทรศัพท์ก็ถูกกดรับ เสียงน่าฟังของชายหนุ่มในสาย ดังขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษแสนรื่นหู “ในที่สุดก็นึกถึงฉันแล้วเหรอ?”
ในกายของซูย้าวตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะ เธอไม่มีกระจิตกระใจจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา เพียงแค่เอ่ยขึ้นมาว่า “อานเจียเย้น คำพูดของคุณมันแค่ลมปากเหรอ?”
“ไหนบอกว่าจะไม่สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของฉันเป็นเวลาสองปี? ตอนนี้จู่ๆ ก็มากลับคำงั้นเหรอ คุณจะกลับคำก็ได้ แต่มีอะไรทำไมไม่มาลงที่ฉัน กับเด็กแค่เจ็ดขวบยังทำได้ลงคอ คุณมันตัวอะไรกันแน่?”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าแตะต้องเด็กๆ คุณเข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า?”
เธอซักถามด้วยน้ำเสียงดุดันน่ายำเกรง ทั้งเพลิงโกรธและโทสะสุมเข้าด้วยกัน จนระเบิดออกมาเหมือนระเบิดนิวเคลียร์ ทำให้ชายหนุ่มปลายสายเงียบลงทันตา
อานเจียเย้นเงียบไปนาน เวลายืดเยื้อวินาทีแล้วนาทีเล่า หลังจากที่ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เขาถึงได้เอ่ยตอบ “เกิดอะไรขึ้นกับเด็กๆ งั้นเหรอ? ใจเย็นๆ นะ ขอฉันตรวจสอบก่อน”
“ลูกฉัน ฉันจัดการเอง แต่ฉันขอพูดอะไรไม่น่าฟังหน่อยนะ อานเจียเย้น คุณต้องการอะไรฉันช่วยคุณได้ทุกอย่าง รวมถึงตัวฉันด้วย แต่ถ้าคุณกล้าแตะต้องลูกของฉัน งั้นก็คงต้องขอโทษด้วย อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เธอพูดจบ ก็ตัดสายทิ้ง จากนั้นก็ตวัดสายตาเยือกเย็นมาที่หลินเจว๋ “จำที่ฉันพูดเมื่อกี้เอาไว้ให้ดีๆ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ต่อไปนี้ ต้องทำตามที่ฉันสั่ง……”
ข้างในของหลินเจว๋หวาดกลัวจนช็อกไปแล้ว อย่าว่าแต่ผู้หญิงตรงหน้าสำคัญกับบอสขนาดไหนเลย เอาแค่ที่เธอระเบิดออกมาเมื่อกี้ ก็มากพอทำให้เขาขวัญผวาได้แล้ว
“ได้ครับ ผมจะฟังคุณทุกอย่าง” หลินเจว๋พยักหน้ารัวๆ อย่างไม่หยุดคิดและรีรอ
ซูย้าวผ่อนลมหายใจออกมา “ฟังนะ……”
……
สองชั่วโมงต่อมา ซูหยวนก็ถูกหลินเจว๋โทรตามให้ไปที่โรงพยาบาล
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเจว๋ต้องนัดเจอกลางวันแสกๆ แบบนี้ แต่เพราะว่าทุกอย่างที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ ล้วนแล้วแต่ได้มาจากอานเจียเย้น อีกอย่างเธอก็ตกอยู่ในความควบคุมของพวกเขา จึงต้องเชื่อฟังคำสั่งเป็นธรรมดา
ในตอนที่ซูหยวนมาถึง กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินเจว๋ พอโทรไปถามเขา หลินเจว๋ก็แค่บอกให้เธอขึ้นไปชั้นบน จุดหมายปลายทางคือห้อง5005บนชั้นห้าของโซนผู้ป่วยภายใน
เธองุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินตรงไปยังโซนผู้ป่วยภายใน
เมื่อเธอมาถึง บริเวณทางเดินกว้างใหญ่ นอกจากผู้ป่วยและพยาบาลที่มีอยู่อย่างประปราย ซูย้าวที่ยืนอยู่ไกลๆ ตกอยู่ในสายตาของเธอเป็นอันดับแรก
ซูหยวนชะงักนิ่งอยู่กับที่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นแผนที่หลินเจว๋กับซูย้าววางเอาไว้ก่อนหน้านี้ สุดท้ายเธอก็เลือกหยั่งเชิงเดินเข้าไปทีละเก้าด้วยใจตุ่มๆ ต่อมๆ
“ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ล่ะ?” ซูย้าวเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง น้ำเสียงห่างเหินและเฉยชา หันไปมองหน้าเธอด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก “สงสัยล่ะสิ ทั้งๆ ที่หลินเจว๋เป็นคนนัดเธอ แต่ทำไมพอเจอ ดันกลายเป็นฉันไปได้”
ซูหยวนนิ่งอึ้ง กระนั้นก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ได้ “เธอ เธอพูดอะไร?”
ซูย้าวไม่อยากเสียเวลากับเธอ จึงพูดขึ้นมาว่า “เธอไม่เอะใจบ้างเหรอ? หลินเจว๋เป็นคนของอานเจียเย้น แล้วรู้ไหมว่าชื่อที่ฉันใช้ก่อนหน้านี้ ชื่อว่าอะไร?”
อานหว่านชิง
นามสกุลอานเหมือนกัน แถมยังปรากฏตัวพร้อมกันในเวลาแบบนี้ หนึ่งในนั้นจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยเหรอ?!
ช่วงก่อนหน้านี้ ทุกคนแทบจะรู้กันหมด ว่าประธานDouble Aceกรุ๊ปผู้ลึกลับอย่างอานเจียเย้น มีน้องสาวหนึ่งคน ทั้งยังดำรงตำแหน่งหนึ่งในบอร์ดบริหารของบริษัท ไม่อย่างนั้นชื่อDouble Aceของบริษัทจะได้มายังไงล่ะ?
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้อย่างง่ายดาย แค่ใช่สมองคิดสักนิด ก็จะสามารถเดาทุกอย่างออก แต่กลับมีซูหยวนที่ยังคงโง่เง่าอยู่คนเดียว แถมยังดึงดันที่จะก่อเรื่องโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างนี้อีก
“เธอคิดว่าฉันกับอานเจียเย้นเป็นอะไรกัน? ตอนที่เขาช่วยเปลี่ยนแปลงตัวตนให้เธอ และส่งเธอออกมาทำงาน เขาไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้าเหรอ ว่าอย่าคิดที่จะเป็นศัตรูกับฉัน?”
คำพูดของซูย้าว ตกกระทบเข้ามาในหูของซูหยวน น่าหวาดกลัวราวกับเสียงฟ้าคำราม
อันที่จริงแล้ว ซูหยวนก็พอจะรู้ที่มาที่ไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินเจว๋เองก็เอ่ยเตือนเธออยู่หลายครั้ง ว่าห้ามยุ่งกับซูย้าวเด็ดขาด แต่ว่า พวกเขามองข้ามบางอย่างไป นั่นก็คือพวกเธอเคยเป็นพี่น้องกันยังไงล่ะ ความแค้นและความบาดหมางที่เคยมีในอดีตยังไม่ได้ชำระ ในตอนนี้ ณ ขณะนี้ เมื่อมีโอกาส แล้วทำไมซูหยวนจะไม่ใช้มันล่ะ?!
ซูหยวนรู้สึกเหมือนความลับทุกอย่างถูกเปิดโปง ตอนนี้เธอตะลึงงันจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พยายามฝืนพูดออกมาว่า “หมายความว่ายังไง? ฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น!”
เธอหยุดนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “เธอคงไม่คิดว่าที่ฉันพูดกับเธอก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงหรอกใช่ไหม!นี่เธอไม่มีสมองหรือว่าโง่กันแน่? ฉันก็แค่พูดว่า ที่ลูกชายของเธอติดเชื้อ อาจจะมาจากสาเหตุหลายอย่าง เธอมีหลักฐานหรือไง หยุดป้ายสีใส่คนอื่นได้แล้ว!”
เธอพูดได้ไม่ทันไร ซูย้าวก็สะบัดฝ่ามือตบหน้าเธออย่างไม่ทันตั้งตัว จนเกิดเสียงดังชัดแจ๋ว ดังสะท้อนในโถงทางเดินที่เงียบสงบ
หลังจากถูกตบอย่างกะทันหัน ซูหยวนก็ไฟลุกท่วมหน้า โทสะในใจลุกโชนยิ่งกว่าเดิม ทั้งโกรธทั้งอาย “เธอกล้าตบฉันเหรอ? เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? เธอ……”
“แล้วทำไมฉันจะไม่กล้าตบเธอ? อย่างแรก ฉันคือลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายและคู่ควรเพียงคนเดียวของตระกูลซู สถานะสูงส่งกว่าลูกนอกสมรสอย่างเธอไม่ใช่แค่ครึ่งต่อครึ่ง อย่างที่สอง ฉันคือแม่แท้ๆ ของลี่หมิง เอาแค่ที่เธอทำร้ายเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างกำเริบเสิบสาน แค่นี้ฉันก็มีสิทธิ์ตบเธอแล้ว!”