เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 809 ทำไมฉันจะไม่ช่วยให้เธอสมหวัง?
“ฉัน ฉัน……”
ซูหยวนยังจมอยู่กับการจากไปอย่างกะทันหันของมารดาและการกระทำทุกอย่างของซูย้าว ไฟโกรธกำลังลุกได้ที่ ซ้ำยังมาถูกหลินเจว๋ตบหน้าพร้อมดุด่าอีก อารมณ์ในตอนนี้จึงสะเปะสะปะอย่างสมบูรณ์แบบ เข้าใกล้คำว่าแตกสลายเต็มที ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาสนภาพลักษณ์และหน้าตา ตะเบ็งเสียงตะคอกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ทำไมฉันจะแตะต้องมันไม่ได้? มันเป็นใคร? แค่เพราะว่ามันเป็นน้องสาวของประธานอานแค่นี้น่ะเหรอ?”
“ไม่ใช่!คุณหนูกับประธานอานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ก็แค่อาศัยหน้าตาตัวเอง หลอกล่อประธานอานก็เท่านั้น!ก็เหมือนที่เธอหลงลี่เฉินซีหัวปักหัวปำยังไงล่ะ!”
ซูหยวนไม่เข้าใจจริงๆ มีสิทธิ์อะไร? มีสิทธิ์อะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่เธอสมควรได้เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซู ทั้งๆ เธอสมควรเป็นที่เคารพและน่าอิจฉาของใครหลายๆ คน เธอสมควรได้แต่งเข้าตระกูลไฮโซ รักกันหวานชื่นกับลี่เฉินซี ทั้งๆ ที่คนชั้นต่ำอย่างซูย้าวแย่งสถานะ อำนาจ และผู้ชายที่สมควรเป็นของเธอไปแท้ๆ !
ทำไมในท้ายที่สุด ผู้ชายทุกคนต้องมองแต่ซูย้าว แต่เธอกลับกลายเป็นคนร้ายสมควรตายในสายตาคนอื่น?!
“ส่วนไอ้เด็กลี่หมิงนั่น ก็เป็นปีศาจ ก็อิแค่เด็กใจคดใจเคี้ยวคนหนึ่ง จะไปมีประโยชน์อะไรกับประธานอาน? อีกอย่างที่ฉันทำอย่างนี้ ก็ไม่ใช่เพราะประธาน……”
ไม่รอให้เธอพูดอะไรต่อ หลินเจว๋ก็ตบหน้าของเธออีกครั้ง
แรงของผู้ชายมีมากกว่าแรงผู้หญิง ฝ่ามือมหันต์ ตบผลั้วะลงมาจนซูหยวนหน้าหัน ร่างกายเซหลุนๆ เธอมีท่าทางโกรธเกรี้ยว สภาพดูน่าอนาถมากแค่ไหนก็น่าอนาถมากเท่านั้น
หลินเจว๋หรี่ตาลงอย่างหมดความอดทน “เธอไม่รู้เหรอว่าเรื่องไหนควรพูด เรื่องไหนไม่ควรพูด?”
ถ้าเขาไม่ขวางเอาไว้ ไม่แน่ผู้หญิงโง่บรมคนนี้อาจจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกมาอย่างไม่ปิดบัง แม้ว่ารอบๆ จะไม่มีคน แต่ก็ต้องระวังเป็นพิเศษ
“ก็เพราะว่าคุณหนูกับประธานอานไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็ยิ่งสำคัญกับประธานอานยังไงล่ะ!”
ขนาดหลินเจว๋ยังมองออก ว่าอานเจียเย้น “รู้สึกไปในทางอื่น”กับซูย้าวถึงได้ “แอบสปอยเงียบๆ ” ตลอด อย่าบอกนะว่าซูหยวนมองไม่ออก?
ไม่ เธอมองออก
และก็เพราะว่ามองออก ถึงได้โกรธแค้นมากกว่าเดิมเพราะอิจฉา เมื่อใดก็ตามที่ความรู้สึกแบบนี้แผ่ขยายไปทั่ว จนขาดสตินึกคิดและการยับยั้งชั่งใจ เรื่องที่กระทำ ก็จะยิ่งเหนือความคาดหมายมากเท่านั้น
” แล้วก็เด็กลี่หมิง เธอจะเอายังไงกับเขากันแน่? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีเจตนาทำร้ายลี่เจิ้งตอนไฟไหม้ และทำร้ายลี่หมิงจนกระดูกส่วนขาหัก เด็กมันจะทำอย่างนี้กับเธอไหม?”
ความจริง ซูหยวนดุด่าลี่หมิงมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่แค่วันสองวัน
หลินเจว๋ให้ความร่วมมือเธอมาตลอด คอยช่วยอยู่ข้างๆ สารพัด ติดต่อกันบ่อย จึงพลอยได้ยินที่เธอบ่นเป็นธรรมดา ดังนั้นเขาจึงรู้ดีเสียยิ่งกว่าใคร ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เนื่องจากคำสั่งของอานเจียเย้นต้องมาก่อนเสมอ ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องลี่หมิงทั้งนั้น นี่เป็นคำสั่งเด็ดขาด เขาไม่สามารถฝ่าฝืนได้
อีกอย่าง เด็กแค่เจ็ดขวบ นอกจากใส่ยาถ่ายลงในเครื่องดื่ม และแอบเล่นตุกติกกับเครื่องสำอางของเธอแล้ว ก็เหมือนจะไม่ได้ทำอะไรใหญ่โตขนาดนั้น แม้ว่าเรื่องพวกนี้ จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กตัวแค่นี้จะทำ แต่ยังไงผลที่ตามมาก็ไม่ได้ถือว่ารุนแรงขนาดนั้น
ซูหยวนเองก็ผ่านการรักษามาหลากหลายรูปแบบ จนตอนนี้หน้าฟื้นฟูกลับมาสวยและสง่าเหมือนเดิม
ดังนั้น หลินเจว๋จึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก และก็คิดไม่ถึงด้วยว่าซูหยวนจะแค้นจนถึงกับต้องลงมือกับเด็กได้ลงคอ……
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโกรธ จึงยกขาขึ้นมาเตะซูหยวน “แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิง แต่ว่าพฤติกรรมและทุกการกระทำของเธอ มันทำให้ฉันทนไม่ไหว!”
“จริงๆ แล้วคุณหนูรู้ตั้งนานแล้วว่าฉันช่วยเธอ แล้วรู้ด้วยว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร แต่คุณหนูก็ไม่เคยทำอะไรเธอเลย!ถ้าเธอจดจ่ออยู่กับการอ่อยลี่เฉินซีอย่างเดียว มันก็ไม่มีอะไรแล้ว อยู่ดีๆ เธอไปเล่นงานเด็กนั่นทำไม?”
ก็แค่เด็กคนหนึ่ง เพิ่งจะเจ็ดขวบ ต่อให้ก่อเรื่องเกินจะรับได้พรรค์นั้น แต่ก็เป็นผลมาจากการที่ซูหยวนเป็นฝ่ายทำร้ายลี่เจิ้งก่อน ตอนนี้ลี่หมิงก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เธอ “ลำบากใจ” แล้ว แค่นี้ยังไม่พอใจอีกเหรอ?!
ซูหยวนกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก ยังไม่รู้สึกสำนึกผิด นิ้วมือกำหมัดเข้าหากันแน่นอย่างรุนแรง “ฉันเกลียดซูย้าว ฉันเกลียดมัน!”
ทำไมเกิดมาทั้งทีเธอถึงให้กำเนิดและเป็นแม่คนไม่ได้ แต่ผู้หญิงที่สู้เธอไม่ได้อย่างซูย้าว กลับมีลูกครั้งแล้วครั้งเล่ากับผู้ชายที่เธอรักที่สุด!
เธอไม่ยอมเด็ดขาด ความโกรธแค้นมันฝังอยู่ในใจมานาน ตอนนี้ การที่ซัวฉ่ายลี่จากไปอย่างกะทันหัน ก็ยิ่งเติมเชื้อให้กับความโกรธแค้นมากขึ้นกว่าเดิม
“มันฆ่าแม่ของฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยมันไปหรอก!อย่างน้อยต้องเอาให้ตายกันไปข้าง ต่อให้ฉันเป็นผี ก็จะเป็นผีที่เก่งกาจ ดื่มเลือดกินเนื้อของมัน เอาให้มันไม่ได้ตายดี!”ซูหยวนสบถด่าอย่างดุร้าย ราวกับว่าถ้าทำอย่างนี้แล้ว จะสามารถระบายความโกรธแค้นที่มีอยู่เต็มอกออกมาได้
หลินเจว๋ทนมองเธอไม่ได้อีกต่อไป เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ได้ ในเมื่อเธออยากเป็นผี งั้นฉันก็จะช่วยให้เธอสมหวัง!”
ไหนๆ เขาก็ได้รับคำสั่งมาแล้ว ว่าห้ามปล่อยผู้หญิงคนนี้เอาไว้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น มันจะไม่ใช่แค่กระทบต่อแผนของพวกเขาอย่างเดียว แต่จะเป็นภัยคุกคามสำหรับซูย้าวด้วย
ซูหยวนชะงักนิ่ง เริ่มรู้ตัวถึงอะไรบางอย่าง พยายามดีดตัวลุกขึ้นอัตโนมัติ แต่ว่ากลับควบคุมร่างกายไม่ได้ หงายหลังลงกับพื้นอย่างอนาถ ปากก็เอ่ยพูดอย่างติดๆ ขัดๆ “นาย นาย นายจะทำอะไร? นาย……นายคงไม่ได้คิดที่จะ……”
หลินเจว๋สูดลมหายใจเข้าอย่างหมดปัญญา ที่นี่ไม่เหมือนต่างประเทศ แม้ว่าเขาจะได้รับคำสั่งมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถสะเพร่าได้ ดังนั้นจึงครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก้าวเดินเข้าไปหาเธอ พร้อมกับก้มลงไปกระชากเธอขึ้นมา แล้วยัดเข้าไปในเบาะหลัง
จากนั้น เขาก็ขึ้นประจำคนขับ แล้วออกรถไปด้วยความเร็วสูง
บนทางด่วนในยามกลางคืน มีรถสัญจรไปมาด้วยความรวดเร็ว
หลินเจว๋เลือกขับเข้าไปจอดตรงจุดพักรถ เมื่อจอดรถ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรแจ้งตำรวจจุดที่พบศพของอู๋หยานโดยไม่ประสงค์ออกนาม ทั้งยังรายงานอีกว่าฆาตกรคือซูหยวนที่สวมรอยเป็นอู๋หยานตัวปลอม และแจ้งความเรื่องที่เธอจงใจวางยาพิษเด็ก เป็นเหตุให้ป่วยเป็นโรคติดเชื้อ
ทางเขาคุยโทรศัพท์ยังไม่เสร็จ ซูหยวนที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้ามาแย่งโทรศัพท์ แต่เธอจะไปสู้แรงหลินเจว๋ได้ยังไง เขาออกแรงเพียงนิดก็เอาชนะได้แล้ว หลังจากวางสายเสร็จ เขาก็ถอดซิมออก แล้วกระชากซูหยวนลงจากรถ
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเธอข้ามถนนไปฝังตรงข้ามได้อย่างปลอดภัย ฉันก็จะปล่อยเธอไป หรือถ้าไม่อย่างนั้น เมื่อกี้เธอคงได้ยินที่ฉันคุยโทรศัพท์ ตอนนี้ทางตำรวจกำลังตามจับเธอ พอดีเลยฉันจะได้พาเธอไปส่ง”เขาเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง น้ำเสียงผ่อนปรน ทว่าเย็นชา
ซูหยวนนิ่งไปอีกครั้ง เวลาสั้นๆ ไม่พอให้เธอได้ครุ่นคิด เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลินเจว๋กลับแสดงออกว่าไม่ให้เวลาเธอได้คิด โดยการเปล่งเสียงพูดออกมา “หนึ่ง……”
เธอหวาดหวั่นตกใจไปหมด “นาย…นาย…”
“สอง!”หลินเจว๋เอ่ยพูดอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็หยิบเชือกที่เตรียมไว้แล้วออกมา เป็นเส้นลวดพิเศษ เอามาใช้ทำอะไรนั้น ในใจของซูหยวนรู้เป็นอย่างดี!
เธอเคยใช้วิธีนี้ มัดอู๋หยานจนตาย ดังนั้น……
ซูหยวนไม่กล้าคิดภาพต่อไป ในหัวตอนนี้มีแค่ความคิดเดียว นั่นก็คือหนีเอาชีวิตรอด ต้องหนี!
เธอวิ่งรุดๆ เข้าไปบนถนนอย่างโซซัดโซเซ บนทางด่วน รถลาต่างสัญจรไปมาด้วยความเร็วสูง แทบจะไม่มีคนขับคนไหนสังเกตเห็น ตอนที่เห็นก็พบว่าสายเกินไปเสียแล้ว
หัวใจของซูหยวนบีบรัด วิ่งอยู่บนถนนโดยไม่สนรถลา ในตอนที่ไม่ทันระวัง ก็ถูกรถบรรทุกวิ่งพรวดเข้ามาชนจนตัวปลิว หลังจากที่ร่วงลงกับพื้น ก็ถูกล้อรถเหยียบซ้ำ จนร่างกายขาดเป็นท่อน
หลินเจว๋เห็นภาพเบื้องหน้าต่อหน้าต่อตา เขาถอนหายใจ แล้วหันกลับไปขึ้นรถ หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วพิมพ์ข้อความว่า “ภารกิจสำเร็จ” แล้วกดส่งไปให้ใครบางคน