เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 811 คุณยังเกลียดตัวเองอยู่?
ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง กางแขนก้มลงเล็กน้อยโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด แนบชิดซึ่งกันและกัน แก้มของซูย้าวแนบพอดีกับตำแหน่งหน้าอกของเขาพอดี กลิ่นน้ำหอมจางๆจากบนตัวของเขา ให้ความรู้สึกกลิ่นอายของบุรุษอันแข็งแกร่งนั้นของเขา ถึงกับทำให้รู้สึกจิตใจสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างน่าประหลาด
โลกอันแสนกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตมากมายหลากหลาย ผู้คนที่เดินผ่านไปมาทุกวันมีมากมายเหลือเกิน คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถมีคนคนหนึ่งที่เวลาเข้าไปในอ้อมกอดของเขาจะรู้สึกได้ถึงความรู้จิตใจอันสงบสุขได้แบบนี้
ช่างไม่ง่ายอย่างแท้จริง
ไม่รู้ว่าบรรยากาศแบบนี้ดีเกินไป หรือว่าความรู้สึกซึ่งกันและกันนั้นมาถึงจุดที่ดีมาก บางทีอาจเพราะไม่อยากให้บรรยากาศดียามค่ำคืนซึ่งหาได้ยากเกิดความผิดพลาด ซูย้าวค่อยๆลืมตาขึ้นมามองผู้ชายผู้ซึ่งบุคลิกท่าทางหล่อเหลางามสง่าที่อยู่ตรงหน้า ค่อยๆเอ่ยปาก “ฉันเป็นเทพธิดาของคุณ?”
“ใช่ เป็นมาโดยตลอด” เขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงทุ้มต่ำซึ่งมีแรงดึงดูดเสียดแทงจากลำคอ ช่างเป็นธรรมชาติราวกับสวรรค์สรรค์สร้าง
ซูย้าวยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม รอยยิ้มอันสดใสแวววาว พราวเสน่ห์ราวกับน้ำหมึก งดงามจนทำให้คนต้องหยุดหายใจ
เธอค่อยๆสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ลงมือจัดแจงคอเสื้อและเนกไทของเขา “ในเมื่อฉันเป็นเทพธิดาของคุณ ถ้าอย่างนั้น ลี่เฉินซี ทำไมคุณถึงไม่ยอมฟังฉันบ้างเลยละ?”
“หืม?” เขาแปลกใจ “ไม่ฟังคุณเรื่องอะไร?”
ซูย้าวปิดตาลงอย่างจนปัญญา ขยับตัวหนีออกจากอ้อมกอดของเขา “เมื่อก่อนฉันเคยพูดไปแล้วว่า คุณจะยุ่งกับผู้หญิงคนไหนก็ไม่เป็นไร เพียงแค่’อู๋หยาน’เท่านั้นที่ไม่ได้ คุณไม่ฟังและก็ยังไม่เชื่อ แล้วผลมันเป็นอย่างไรละ?”
“ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ วันนี้หมิงเอ๋อจะกลายเป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?”
เธอถอนหายใจอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าเกินขีดจำกัดทำให้เธอนั้นไม่มีอารมณ์ขุ่นเคืองเขา “แต่ว่าก็เหมือนจะถูกต้องอยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนคุณกับซูหยวนมีความสัมพันธ์รักกันอย่างลึกซึ้งดูดดื่ม ตอนนี้เธอเปลี่ยนใบหน้าย้อนกลับมาใหม่ พวกคุณเองก็กอบกู้ถ่านไฟเก่าของกันและกันกลับมาได้แล้ว แต่ว่าน่าเสียดาย เธอไม่ควรไม่ควรเลยจริงๆที่ลงมือกับลูกของฉัน ไม่อย่างนั้นจะยืดลมหายใจของเธอออกไปก็ถือว่ายอมกันได้”
ถึงแม้ว่าซูย้าวไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงสอบสวนสิ่งที่ซูหยวนทำ แต่ว่าการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของซัวฉ่ายลี่ก็คงจะเกี่ยวข้องกับเธอไม่มากก็น้อย คาดว่าซูหยวนคงจะเกลียดเธอจะเป็นจะตายทีเดียว
แต่ว่าถ้างั้นแล้วไงละ?
เรื่องนี้ทางด้านของอานเจียเย้นก็รับรู้เรื่องราวแล้ว ความเข้าใจในเขาที่ซูย้าวรู้จักนั้น กลัวว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่มีทางรอดไปได้อีกแล้ว
ดังนั้นคงใช้เวลาไม่นานนัก คงได้รับข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของบุตรสาวกรุ๊ปอู๋ซื่อที่รู้จักกันดีท่านนี้
นี่ถึงจะคืออานเจียเย้น ถ้าต่อต้านไม่รู้จักบุญคุณมาครั้งหนึ่งแล้ว เขาจะไม่มีวันใจอ่อนไม่ยอมลงมือ ไม่ต้องพูดถึงตัดรากถอนโคน สภาพคงย่อยยับพินาศไม่เหลือชิ้นดี
ซูย้าวจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีเด็กหญิงเหมือนว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอานเจียเย้นเลย สองคนเป็นเหตุบังเอิญโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมีนิสัยที่เข้มแข็ง แตกต่างจากคนอื่น จนสามารถโดดเด่นออกมาจากกลุ่มผู้หญิงมากมาย จนถูกเขาต้องตาต้องใจ พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นความรักในที่สุด
เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องราวและละครที่ดีมาก หลังจากพัฒนาความสัมพันธ์ มีความรักซึ่งกันและกัน ครองคู่กัน ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ
ซูย้าวในเวลานั้นไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่เลย และยังอยู่ข้างกายของอานเจียเย้น อาศัยชื่ออานหว่านชิงในฐานะน้องสาว ภายในช่วงเวลาความรักนี้ เธอเองก็เป็นเพียงแค่ผู้ชมที่อยู่มุมด้านข้างมองความเป็นไปเท่านั้นเอง แต่ว่าบทสรุปเองก็ทำให้เธอคาดไม่ถึง
ระยะเวลาอันสั้นไม่ถึงสามเดือนดี อานเจียเย้นก็ทุ่มเททั้งความรู้สึกและจิตใจทั้งหมดลงไปอย่างแท้จริง แม้กระทั่งสถานะอันแสนธรรมดาของหญิงสาวก็ไม่สนใจ เอ่ยเรื่องแต่งงานกับเพ้ยหยู่เจี๋ยอย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่เขาเตรียมทุกสิ่งอย่างขะมักเขม้น ก็บังเอิญพบว่าผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เขาเกิดความรักอย่างลึกซึ้งนั้น ไม่เคยรักเขาเลยแม้แต่น้อย และยังต้องการสืบเสาะค้นหารวบรวมหลักฐานทุกวิถีทาง เพียงเพื่อที่จะเปิดโปงให้เขาจำคุกตลอดชีวิต
ในขณะนั้น ผู้หญิงคนนั้นยังอุ้มท้องลูกอยู่ด้วย
ในสถานการณ์ปกติ แล้วจะให้ทำอย่างไรละ?
ตอนนี้ซูย้าวบางครั้งบางคราวยังนึกถึงความทรงจำในช่วงเวลานั้น ถ้าหากเป็นลี่เฉินซี คาดว่าคงยืดเวลางานแต่งออกไป คิดหา’แผนการร้ายเล็กๆน้อยๆ’บ่อนทำลายความหวังของหญิงสาวให้สูญสลาย จากนั้นคุมขังเธอให้อยู่ข้างกาย ใช้เวลาและการกระทำ ทำให้เธอยอมแพ้ แล้วค่อยๆหลงรักตัวเองอย่างลึกซึ้ง!
ถ้าเป็นเพ้ยส้าวหลี่ วิธีการส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากเขามากนัก บางทีวิธีการคงจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก คงจะรุนแรงหยาบคายอยู่เหมือนกัน แต่ว่าถึงอย่างไรก็หลงรักลึกซึ้งไปแล้ว ก็คงคิดถึงตัวผู้หญิงและเด็กอยู่บ้างเป็นธรรมดา
แต่วิธีการของอานเจียเย้นนั้น ไม่เพียงทำให้ทุกคนตกใจ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังตกตะลึงอยู่มากเหมือนกัน
เขาไม่เพียงแต่จัดการทั้งหมดได้เป็นอย่างดีอย่างเงียบเฉียบ ในเวลาเดียวกันนั้น’แผนการร้ายเล็กๆน้อยๆ’ก็ได้ทำลายวันงานแต่งงานนั้นจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี และก็บังคับเธออย่างโหดเหี้ยมให้กระโดดลงมาจากดาดฟ้าตึกสูงชั้นเก้าสิบเก้าพร้อมกับลูกที่ยังอยู่ในท้อง ให้ตกตายไปตามกัน
นี่ถึงจะเป็นอานเจียเย้น ในความเข้าใจของเขา ไม่มีความรักลึกซึ้งเต็มร้อย มีเพียงแค่ผลประโยชน์และกลอุบายเท่านั้น
นี่เองที่ทำให้ซูย้าวกับผู้ชายคนนี้ เกลียดกันเข้ากระดูกดำ และนี่ก็คงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้อยากจะกำจัดเป็นอย่างมาก!
อดีตผ่านไปดั่งหมอกควัน ดับสลายกระจัดกระจาย รอจนกว่าเธอจะฟื้นคืนสติ ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึมของลี่เฉินซีเข้ามาทักทายใกล้ด้านหน้าอยู่นานแล้ว เขากุมมือทั้งคู่ของเธอ ถามอย่างวิตกกังวล “นี่คุณพูดเรื่องอะไรกัน? กอบกู้ถ่านไฟเก่าอะไรกัน? อู๋หยานเป็นใครกันแน่?”
“หมิงเอ๋อป่วยครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับเธอ?”
ซูย้าวขมวดคิ้ว “เกี่ยวข้องสิ ทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอ”
พูดจบก็ออกห่างจากเขา ตรงเข้าไปในบ้านพักตากอากาศ
สองคนกลับมาค่อนข้างดึก แม่บ้านเก่าแก่ยังไม่ได้ไปพัก เห็นทั้งสองคนเข้าจึงรีบเข้ามาทักทายอย่างอบอุ่น และหยิบรองเท้าแตะ ช่วยซูย้าวรับกระเป๋ามา จากนั้นถึงจะถาม “คุณหนู คุณผู้ชาย รับประทานอาหารมาแล้วหรือยังคะ? ให้ฉันไปอุ่นอาหารดีไหมคะ?”
ซูย้าวไม่ได้รู้สึกอยากอาหารเท่าไหร่ ก็เลยทำแค่ส่ายศีรษะไปมา ให้แม่บ้านไปพักผ่อนก่อน ส่วนตัวเองที่เหนื่อยล้านั้นก็นั่งไม่ไหวติงอยู่ในโซฟา สะบัดรองเท้าแตะที่อยู่บนเท้าทิ้ง แล้วจึงนอนเหยียดยาวลงไป
ลี่เฉินซีถอดเสื้อสูทด้านนอกออก ย้ายตัวมานั่งอยู่ด้านข้างของเธอ ยกเท้าเล็กๆของเธอขึ้นมานวดคลึงเบาๆ “ทั้งหมดเป็นอู๋หยานทำอย่างนั้นเหรอ? เธอแพร่เชื้อให้กับหมิงเอ๋ออย่างนั้นเหรอ?”
ค่อนข้างยากจะเชื่อ แต่เหมือนจะสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน
เพราะว่าลี่เฉินซีคิดถึงลี่หมิงกับลี่เจิ้งคืนก่อนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ‘อู๋หยาน’ครั้งหนึ่งเคยวานให้คนอื่นส่งของขวัญเล็กๆน้อยๆสักชิ้นให้กับเด็กทั้งสอง ของที่ให้ลี่เจิ้งเป็นปากกาที่สั่งทำเป็นพิเศษจากนักออกแบบแบรนด์ที่มีเสียงเป็นอย่างมาก ส่วนลี่หมิงนั้นได้เพียงแค่ช็อกโกแลตหนึ่งกล่องเท่านั้นเอง
หมิงเอ๋อในวันปกติก็จะชอบกินของหวานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพวกลูกกวาดต่างๆ และก็ไม่ได้การควบคุมใดๆ ในเวลานั้นลี่เฉินซีเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเป็นขนมขบเคี้ยวให้ลูกเท่านั้นเอง จึงให้ลี่หมิงนำติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย แต่ว่าตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว พอคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็ช่างน่ากลัวจริงๆ
ไม่จำเป็นให้ทางด้านซูย้าวนี้ยืนยันกลับออกมา ลี่เฉินซีรีบร้อนโทรศัพท์หาลี่เจิ้ง “เจิ้งเอ๋อ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกลูกขึ้นเครื่อง ช็อกโกแลตกล่องนั้นที่มีคนอื่นมอบให้กับหมิงเอ๋อใช่ไหม? ตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า?”
ทางด้านลี่เจิ้งนั้นตกตะลึง เหมือนว่าจะไปที่ห้องของลี่หมิงค้นหา
ส่วนทางด้านนี้ ซูย้าวเองก็รีบลุกขึ้นมานั่งอย่างระมัดระวังกะทันหัน “เธอส่งช็อกโกแลตให้กับหมิงเอ๋อ? ด้านในนั้นบางทีอาจจะยังเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่อีก จะต้องรีบจัดการทิ้งซะ!”
ลี่เฉินซีตบหลังมือของเธอเบาๆเพื่อปลอบโยน จากนั้นภายในโทรศัพท์ ก็มีเสียงของลี่เจิ้งดังกลับเข้ามา “พ่อ หาช็อกโกแลตไม่เจอแล้ว เหมือนว่าน่าถูกหมิงเอ๋อกินไปจนหมดเรียบร้อย ตัวกล่องเองก็คงจะถูกพี่เลี้ยงจัดการทิ้งไปแล้ว!”
หลังจากที่ทิ้งขยะแล้ว ก็คงจะถูกรวมเอาไปเผาทำลายรวมกัน แต่ว่าบางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เชื้อโรคแบบนี้เมื่อผ่านการแพร่กระจาย กลุ่มคนที่ติดเชื้อจะมีมากขึ้น เพียงสัมผัสผิวหนังเพียงเล็กน้อย ก็สามารถติดเชื้อได้แล้ว ไม่มีทางละเลยไปได้เป็นอันขาด
การสนทนาของลี่เฉินซีกับลูกชายสิ้นสุดลง จึงติดต่อหน่วยงานป้องกันโรคระบาด หลังจากอธิบายรายละเอียด เจ้าหน้าที่ฝั่งนั้นเองก็เข้ามามีส่วนร่วม ด้วยเหตุนี้เองจึงตามหาขยะ ระงับให้หมดจากต้นตอ ป้องกันไม่เกิดอันตรายกับคนอื่นอีก
จัดการทั้งหมดนี้อย่างเต็มที่สุดความสามารถ เขาถึงจะถอนหายใจโล่งอก วางโทรศัพท์มือถือลงด้านข้าง กลับไปนั่งนวดเท้าให้ซูย้าวอีกครั้ง “ที่คุณเพิ่งจะพูดเมื่อกี้ อู๋หยานแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่?”
เขาเองก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว ‘อู๋หยาน’เข้าใจตัวเขามากเกินไป รวมทั้งงานอดิเรกความสนใจ ขนาดตอนที่กินข้าว เขาแพ้อาหารอะไร ก็รู้ชัดเจนเป็นอย่างดี
นี่อยู่เกินระดับที่ตรวจสอบเอกสารไปแล้ว ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือพวกเขาคุ้นเคยกันมาก่อน แต่ว่ามองใบหน้าของ’อู๋หยาน’คนนั้น เขาก็ไม่รู้สึกตราตรึงสิ่งใดเลย
ซูย้าวเอนศีรษะพิงพนักพิงโซฟา ใช้มือหยิบส้มจากจานผลไม้บนโต๊ะ ลงมือปอกเปลือก ลี่เฉินซีจะรับมาช่วยเธอปอกเปลือก แต่กลับถูกเธอเมินเฉย “คุณเพิ่งจะลูบเท้ามาเมื่อกี้นี้!”
เขาขมวดคิ้วแน่น “นั่นก็เป็นเท้าของคุณเองนะ ยังจะรังเกียจตัวเองเหรอ?”
“อือ รังเกียจ เอามา ฉันปอกเอง!” เธอยื่นมือเล็กออกไปอย่างอวดดี แย่งส้มมา ตัวเองนั้นปอกไปด้วยพูดไปด้วย “คุณทายซิว่าเธอคือใคร?”
ลี่เฉินซีแววตาสับสน คิดไตร่ตรองอย่างละเอียด เขาเคยติดต่อกับผู้หญิงค่อนข้างมาก แต่ก็ติดต่อกันเพียงผิวเผินเท่านั้น ถือว่าน้อยมาก ถ้าจะคิดค้นหากันจริงจัง ก็คงไม่ยากที่จะคาดเดา “หรือว่าจะเป็นซูหยวน?”
สิ้นเสียงของเขา ซูย้าวก็หยุดปอกส้ม ดวงตากลมโตสวยงามทั้งคู่ที่เพ่งมองเขานั้นเต็มไปด้วยความโมโห “ที่แท้คุณกับซูหยวนก็ยังคิดถึงกันไม่มีวันลืมจริงๆ!”