เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 812 ก่อเวรก่อกรรมมากเกินไปนะ
ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดูจนปัญญาไร้คำพูดของลี่เฉินซี สูดลมหายใจลึกๆเบาๆ “เห็นกันอยู่ว่าเป็นคุณที่ยกขึ้นมา แต่ว่ารีบพูดมาเถอะ เป็นซูหยวนจริงๆอย่างนั้นเหรอ?”
ซูย้าวขี้เกียจที่จะสนใจเขาแล้ว ไม่เพียงแต่เอาเท้าออกจากมือของเขา ยังถือโอกาสลุกขึ้นมานั่งและจงใจรักษาระยะห่างให้ไกลเขาหน่อย จากนั้นงอตัวไปหยิบรีโมตคอนโทรล ใช้มือเปิดทีวี
เธอกินส้มไปพลางพูดไปพลาง “อือ เป็นเธอ และซัวฉ่ายลี่เองก็ตายแล้ว”
ไม่เลวทีเดียว ซูย้าวใช้น้ำเสียงราบเรียบตรงไปตรงมาแบบนี้ และใช้คำว่า ‘ตายแล้ว’บอกเล่าออกมาอย่างเมินเฉย ถึงอย่างไร เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ที่เคยวางยาพิษตัวเองและบิดาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เธอคงไม่มีความเห็นใจต่อกันแม้แต่น้อยอยู่แล้ว
ฆ่าคนชดใช้ด้วยชีวิต สัจธรรมที่ไม่มีเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยโบราณ
ถึงแม้ว่าใช้วิธีการพูดแบบนี้จะดูค่อนข้างรุนแรงไปหน่อย แต่ซูย้าวเองก็ไม่ได้วางยาซัวฉ่ายลี่อย่างแน่นอน เพียงแค่ตัวเธอเองนั้นกินปูนร้อนท้อง หวาดกลัวเกินเหตุ จนโรครุมเร้าด่วนตายไปก่อน
ดวงตาลึกของลี่เฉินซีหยุดชะงัก คิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงขยับตัวมาใกล้ตัวเธอ โอบกอดเธอด้วยแขนยาวอีกครั้ง พร้อมกับพูด “แล้วซูหยวนละ? ในเมื่อเธอลงมือวางยาหมิงเอ๋อแล้ว คุณเอาหลักฐานที่มีอยู่มาให้ผมเถอะ”
ซูย้าวมองไปทางเขา “คุณจะแจ้งความ?”
หลังจากนั้น เธอก็ส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย แกะส้มที่อยู่ในมือใส่เข้าไปในปาก เคี้ยวอยู่หลายที ถึงจะพูดออกไป “ฉันจัดการเธอไปเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือ คุณก็ไม่ต้องเผชิญหน้าและลงมือแล้วละ ยังไงซะคนอื่นก็คงไม่ปล่อยเธอไว้อยู่แล้ว”
“คนอื่น?” ลี่เฉินซีคิ้วคมแน่นได้รูป ส่วนลึกของตานั้นลึกล้ำดุจดั่งทะเลที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง “นี่คุณหมายถึงใครกัน? ทางอานเจียเย้นอย่างนั้นเหรอ?”
ซูย้าวลังเล กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ ในทีวีก็ถ่ายทอดข่าวภาคค่ำพอดี ผู้ประกาศข่าวใช้น้ำเสียงหวานสวยรายงาน “ช่วงค่ำ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นที่บนทางด่วนหลิงโจว-หยุนเสี้ยนหมายเลขสาม ผู้เสียชีวิตเป็นสตรีแซ่อู๋ ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกทางการออกหมายจับในขณะนี้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีลักทรัพย์ผู้อื่น วางยาเด็กและแพร่กระจายเชื้อโรคร้าย ทำร้ายบุคคลอื่นเป็นต้น……”
สตรีแซ่อู๋? นี่บ่งบอกถึง……
ซูย้าวสายตามืดครึ้มอย่างกะทันหันจนน่าประหลาดใจ ขนาดส้มที่เหลือเกือบครึ่งในมือเองก็ไม่มีแววว่าจะกินเข้าไป นั่งอยู่เงียบๆทางนั้น สีตาพร่ามัว ความคิดไม่มั่นคง
ไม่ใช่เธอรู้สึกเสียใจกับการจากไปอย่างกะทันหันของซูหยวน ผู้หญิงคนนี้นั้นทำเรื่องชั่วช้ามากเกินไป ถึงจะตายไปอีกหลายครั้งก็คงจะชดใช้ไม่หมด เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆก็ตาย นี่ยังจะรวมเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ทั่วไป?!
ถึงจะเป็น กลัวว่าก็คงจะเป็นคนที่ประสงค์ร้ายจัดฉากขึ้นมาแน่!
และคนที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอานเจียเย้น
ยิ่งนึกถึงอานเจียเย้น คิดถึงการที่เขาสามารถควบคุมได้ตามใจชอบ โดยไม่จำเป็นต้องออกหน้าเลยด้วยซ้ำก็สามารถเอาชีวิตของคนอื่นไปได้อย่างง่ายได้ นั่นเป็นต้นเหตุของความหวาดกลัวที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจได้แพร่กระจายไปเต็มเปี่ยมในขณะนั้น ทำให้อารมณ์ของเธอสั่นไหวอย่างที่สุด ท่ามกลางความรู้สึกไม่คงที่นี้ ความคิดมากมายได้ก่อเกิดอย่างต่อเนื่อง
ลี่เฉินซีมองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของเธอ จึงเข้าไปโอบกอดเธอเบาๆอย่างเป็นธรรมชาติ ตบเบาๆที่ไหล่ของเธอ “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เธอก่อกรรมทำชั่วมาเยอะ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เองก็คงจะเป็นการที่ก่อเวรไว้มากเกินไป ไม่เกี่ยวข้องกับคุณหรอก อย่างคิดมาก……”
การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของซัวฉ่ายลี่ ซูหยวนเองก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันเดียวกันอีก ลี่เฉินซีก็คงไม่เชื่อได้ลงหรอกว่านี่เป็นบังเอิญเหมาะเจาะพอดี และพอย้อนกลับมาคิดอย่างถี่ถ้วน นั่นก็คงเกี่ยวข้องกับซูย้าวไม่มากก็น้อย
ถึงจะไม่ได้มีเจตนาให้เป็นเช่นนี้ และก็ไม่ได้ลงมือด้วยตัวของเธอเอง แต่ว่าก็น่าจะเกิดขึ้นทางอ้อม
จุดนี้ ซูย้าวเองก็เข้าใจอย่างแจ่มชัด
อย่างเช่น ถ้าเธอไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนออกนอกหน้าติดต่อหาอานเจียเย้นโดยตรง ถ้าอย่างนั้นบางทีซูหยวนก็อาจจะไม่เป็นเหมือนตอนนี้
หรืออย่างเช่น ถ้าหากเธอไม่ใช่เพราะลูกชายจนโกรธไม่ลืมหูลืมตา ไม่ใช้ขนมหวานหนึ่งถ้วยไปข่มขู่ซัวฉ่ายลี่ ถ้าอย่างนั้นบางทีเธอก็คงเข้าโรงพยาบาลไปฝังเข็ม และก็คงยืดเวลาไปได้อีกหลายวัน……
ทั้งหมดเป็นการทำให้เกิดทางอ้อมจากเธอเอง
สิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจสองชีวิต ตายจากไปแบบนี้ ไม่สามารถหวนกลับมามีชีวิตแล้ว
ถ้าหากว่าเธอยังคงจิตใจสงบและน้ำเสียงไม่สั่นไหว นั่นต่างหากถึงจะไม่มีทางเป็นไปได้ ยังไงเธอก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ถึงจะแค้นกันมากขนาดไหนก็ไม่อาจบดบังดวงตาของเธอได้ และยิ่งไม่ได้ทำให้สติปัญญาและความเป็นมนุษย์ก็เธอสูญหายไป ถึงเธอต้องการลงโทษซูหยวน ก็คงจะใช้กฎหมาย และคงไม่ยอมให้ใครลงมือโดยพลการ ฆ่าคนตายเหมือนเป็นผักเป็นปลาได้!
ลี่เฉินซีมองออกเช่นกัน ซูย้าวไม่ได้เหมือนซูย้าวคนเดิมคนนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำที่บิดเบือนไปตามอำเภอใจของอานเจียเย้น ถึงแม้ว่าจะฟื้นกลับมาหลังจากนั้น เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ดูจะโหดเหี้ยมเข้ากระดูกดำไปมาก ไม่ว่าจะกับคุณกับเรื่องราวใดๆ ทั้งหมดเป็นเช่นนี้
แต่นั่นแล้วอย่างไรละ?
เขาทำแค่ยิ้มอย่างผ่อนคลาย จากนั้นแขนยาวออกแรงกอดเธอเอาไว้แน่น หอมเธอฟอดใหญ่บนแก้มของเธอ “ไม่ต้องคิดมากหรอก คุณไม่ได้ทำผิดอะไร และถึงคุณจะไม่ทำ พอผมรู้เข้า ผมเองก็ลงมือแบบนี้แหละ ไม่แน่อาจจะโหดร้ายกว่าคุณก็ได้!”
“และยิ่งเรื่องระหว่างซัวฉ่ายลี่กับคุณ แต่เดิมที่มีความแค้นที่ฆ่าพ่ออยู่ คุณทำแบบนี้ถูกแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล อย่าไปคิดมากเลย”
ซูย้าวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ใช่ บางทีฉันอาจจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ว่านี่มันก็สองชีวิตเชียวนะ ก่อกรรมมากเกินไป จากนี้ก็คงต้องชดใช้คืน……”
เพียงหวังว่าหนี้บาปกรรมพวกนี้ อย่าได้ตกไปอยู่บนตัวของลูกทั้งหลายของตัวเองเลย!
แต่ว่า ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของอานเจียเย้นทั้งหมด ถ้าหากไม่ใช่เขา ซูหยวนก็คงจะกลับไปต่างประเทศแล้ว และก็คงไม่หาโอกาสเหมาะเจาะที่จะแลกเปลี่ยนตัวตนกับอู๋หยานได้ แบบนี้ ทั้งหมดนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น!
ลี่เฉินซีเม้มริมฝีปากและยิ้มจางๆอย่างจนใจ ประคองแก้มอันนุ่มนิ่มของเธอเอาไว้ จูบแผ่วเบาครั้งแล้วครั้งเล่า “จะบอกเรื่องหนึ่งกับคุณ มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นบ้าง”
“อะไรเหรอ?” เธอขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้จะมีเรื่องอะไรที่จะสามารถลบล้างความรู้สึกบาปที่ติดค้างอยู่ในใจของเธอนี้ออกไปได้?
เขากุมมือของเธอเอาไว้ เอาส้มที่เหลือครึ่งหนึ่งในมือของเธอมาแกะออก แล้วป้อนเธออีกครั้ง “อู๋หยาน ไม่ใช่สิ ตอนนี้ควรจะต้องเรียกว่าซูหยวน คุณยังจำเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ครั้งนั้นได้หรือเปล่า!”
“ไฟไหม้ครั้งใหญ่ครั้งนั้น เป็นซูหยวนที่บอกเด็กสองคนว่าคุณยังติดอยู่ในนั้น พวกเขาถึงวิ่งเข้าไปช่วยคุณ และก็เป็นหมิงเอ๋อเองที่เห็นกับตาว่าเป็นซูหยวนเองที่ผลักเจิ้งเอ๋อตกลงมาชั้นล่าง”
คำพูดไม่กี่คำของเขา กลับทำให้ซูย้าวแปลกใจไม่น้อยทีเดียว คล้ายกับเธอโดนฟ้าผ่า ตะลึงไปอยู่หลายวินาที การตอบสนองอันว่องไวถึงค่อยกลับมา “คือจะบอกว่า เป็นเธอเองที่ทำให้เจิ้งเอ๋อบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะจนหมดสติไป และเป็นเธอเองที่เป็นตัวการทางอ้อมทำให้หมิงเอ๋อขาหัก?”
ลี่เฉินซีพยักหน้า “อาจจะบอกว่าเป็นทางอ้อมก็คงไม่ได้ ขาหมิงเอ๋อที่หักเหมือนว่าจะเธอเป็นคนลงมือเอง”
ใบหน้าของซูย้าวหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ พอกลับไปคิดดูแล้ว นี่เองก็คงอธิบายได้ว่าทำไมหมิงเอ๋อถึงแอบใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของเธอ
มิน่าล่ะ ลูกชายที่เธอเลี้ยงมากับมือ ถึงแม้ว่าทางด้านสติปัญญาจะแตกต่างกับคนทั่วไปอยู่บ้างก็จริง แต่ว่าการกระทำตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบมาโดยตลอด อยู่ดีๆจะมาทำทุกอย่างอย่างไร้เหตุผลกับซูหยวนได้ยังไงกัน? มันจะต้องมีสาเหตุแน่นอน!
เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ใหญ่ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆอย่างปล่อยวาง “เพราะฉะนั้น คุณกำลังจะบอกว่าหมิงเอ๋อเป็นเด็กดี ลูกชายของตัวฉันเอง ไม่มีทางที่จะรังแกคนอย่างไร้เหตุผลแน่นอน”
ลี่เฉินซีลังเลเล็กน้อย “อะไรเหรอ? นี่คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
เธอกลับส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร เรื่องที่คุณพูดมาเวลาช่างเหมาะเจาะทันเวลาทีเดียว ช่วยบรรเทาความกลัดกลุ้มในใจของฉันเป็นอย่างมาก ไม่เลวเลย ขอบคุณมากคุณลี่”
ขณะที่ซูย้าวพูดอยู่นั้นก็ขยับตัวลุกขึ้น “เวลาก็สายมากแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ! ฉันอยากจะพักผ่อนแล้ว”
ลี่เฉินซี “……”
เธอเพิกเฉยผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาไร้คำพูดอย่างเต็มที่ ตรงไปปิดทีวี จากนั้นอ้อมหลบเขาเดินตรงขึ้นชั้นบน
เขามองด้านหลังของอย่างจนใจ ผู้หญิงคนนี้นี่พอใช้เสร็จเรียบร้อยก็ไล่คนเลย พลิกหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือมาก ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ เขาเองก็หมดปัญญาแล้วเหมือนกัน!
ซูย้าวกลับไปที่ห้อง ไม่ได้เปิดไฟ ตรงเข้าไปในห้องน้ำ
เข้าไปอาบน้ำให้สะอาดหมดจด ใช้น้ำร้อนชำระความเหนื่อยล้าของร่างกาย เธอห่อตัวด้วยชุกคลุมอาบน้ำกลับเข้าไปในห้องนอน
ภายในห้องอันมืดมิด เธอเองนั้นชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องมองเห็นก็สามารถหาเตียงใหญ่จนเจอได้ไม่ยาก แต่เมื่อร่างกายของเธอไปถึงมุมเตียงและกำลังยื่นมือไปสัมผัสผ้าห่มพอดี ภายในความเงียบนั้นอยู่ดีๆก็มีมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นออกมาจับแขนของเธอไว้แน่น ตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความตกใจของเธอ เหมือนโลกกำลังหมุนเคว้ง เธอก็ถูกผู้ชายใช้แรงกดทับร่างกายลงมา
“ขี้กลัวขนาดนี้ ยังจะกล้านอนคนเดียว?”เสียงทุ้มแหบแห้งของลี่เฉินซี เสน่ห์เย้ายวนตามธรรมชาติ ทำให้จิตใจผู้คนสั่นไหวหลงเสน่ห์ไปตามๆกัน
ซูย้าวตกใจอย่างกะทันหัน “คุณ นี่คุณยังไม่ไป?”
ลี่เฉินซีไม่คิดจะตอบคำถามของสักนิด มือใหญ่ที่มีแต่กระดูกลูบไล้ไปตามลำคอของเธอลงไป หลบผ้าคลุมอาบน้ำรุกล้ำเข้าไปด้านใน ซูย้าวทนไม่ไหวจนครางออกมาเบาๆ ร่างกายโก่งงอด้วยความตื่นเต้นคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวตอบสนองตามจิตใต้สำนึก มือเล็กที่ไม่มั่นคงเองก็พยายามขวางมือใหญ่ของเขาเอาไว้ “อย่าซน ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่อยากทำ……”