เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 840 รอฉัน
ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีมีความซับซ้อนแว๊บผ่าน ค่อนข้างไม่รู้ว่าสาเหตุอะไร แต่ก็ยังได้จอดชิดข้างๆ ตามข้อเรียกร้องของเธออยู่ดี ซูย้าวก็ได้หยุดอยู่ในรถไปเสี้ยววินาที จากนั้นก็ได้ผลักประตูลงจากรถโดยเร็ว และเดินไปยังทิศทางของเวินย่วนอีกครั้งอย่างไว
อีกสามคนที่อยู่ในรถของข้างหลังต่างก็มึนตึ๊บ สายตาประหลาดใจของเจียงจี้เซิงได้มองเงาของซูย้าวค่อยๆ เดินไปไกลด้วยความมึนงง “เธอพบเห็นอะไรแล้วเหรอ?”
ที่สำคัญคือ เขาอยากถามจังเลยว่าเธอจะสามารถพบเห็นอะไรได้?
พวกเขารู้แค่ว่าที่นี่ไม่ธรรมดาเฉยๆ และสกีรีสอร์ทที่ประธานหลี่รับผิดชอบดูแล ล้วนเป็นแผนการโมเดลธุรกิจที่เหมือนกัน ดูจากภาพรวมแล้ว เป็นสถานที่ขนาดใหญ่ที่อาศัยชื่อเสียงของอานหว่านชิงแต่มอบหมายให้กับอานเจียเย้นเอาไว้ฟอกเงิน
แต่เพราะทุกอย่างล้วนถูกสวมอยู่ในนามของอานหว่านชิง ดังนั้นพวกเขาก็ได้แค่หยุดความเคลื่อนไหวชั่วคราว จะเจาะลึกในการตรวจสอบเกินไปไม่ได้
ลี่เฉินซีก็มีความข้องใจที่เหมือนกัน เขาได้หันไปมองโม่หว่านหว่าน เธอยักไหล่อย่างไม่รู้ควรจะรับมือยังไง สายตาที่บริสุทธิ์แสดงให้เห็นว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เธอได้เปิดโน๊ตบุ๊คอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพจที่โน๊ตบุ๊คได้เปิดไว้ก็คือรูปถ่ายก่อนที่ซูย้าวจะไปได้ขยายเอาไว้
เป็นรูปถ่ายของสามีภรรยาที่รับผิดชอบดูแลเวินย่วน ใต้ท้องฟ้าสีครามและต้นหญ้าสีเขียว ได้โอบกอดไว้ซึ่งกันและกัน รอยยิ้มอ่อนหวาน สีหน้าท่าทางเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างกับคนธรรมดาเลย แถมดูพิรุธอะไรไม่ออกเลย
เธอได้ปรับเปลี่ยนทิศทางของโน๊ตบุ๊คด้วยสีหน้าสงสัย แล้วยื่นให้ลี่เฉินซีกับเจียงจี้เซิง “ย้าวย้าวแค่ดูรูปนี้……”
รูปถ่าย?!
แววตาคมเข้มของลี่เฉินซีซีเรียสเล็กน้อย ดูเหมือนจะเดาอะไรได้ ทันใดนั้นได้รีบหันมาสตาร์ทรถอีกครั้งแล้วขับไปยังเวินย่วนโดยที่ไม่ต้องคิดเลย
……
ฝีเท้าของซูย้าวเร็วมาก ตอนที่รถข้างหลังตามมา เธอได้เดินเข้าไปเข้าไปในทางลัดตั้งนานแล้ว เดินไปยังห้องเพาะดอกไม้ของด้านหลังเวินย่วน
ถ้าเธอจำไม่ผิดล่ะก็ ก่อนหน้านี้ตอนที่ลั่วซีพาเธอเยี่ยมชม ทางนี้มีอยู่ห้องหนึ่งที่ติดกลอนประตูดิจิตอลไว้ ปัญหาอาจจะซ่อนอยู่ในนั้นแหละ
รูปถ่ายใบที่เธอสไลด์ดูเมื่อครู่ไม่มีความผิดปกติก็จริง แต่มูลเหตุอันดับแรกคือ ถ้าเธอไม่ได้เจอสองสามีภรรยาอย่างลั่วปินกับลั่วซีมาก่อนนะ
ถ้าชายหญิงที่อยู่ในรูปถ่ายถึงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลของเวินย่วนตัวจริงลั่วปินกับลั่วซี ถ้าอย่างนั้นแล้วชายหญิงที่เธอเคยเห็นในก่อนหน้านี้คือใคร?!
เห็นได้ชัดว่าหน้าตากับโครงหน้าไม่เหมือนกันเลย ตกลงรูปถ่ายคือของปลอม หรือว่าทั้งสองคนที่เคยเจอในก่อนหน้านี้คือตัวปลอม……
ซูย้าวรีบร้อนหาข้อพิสูจน์ของจุดนี้ แต่พอเดินมาถึงหน้าห้องกลอนประตูดิจิตอล เธอกลับรู้สึกเสียใจนิดหน่อย
เพราะยังไงเธอก็แค่อยากตรวจสอบหลักฐานบางอย่างให้เจอ กุมอยู่ในมือ เพื่อสะดวกต่อวันข้างหน้าเอาอานเจียเย้นเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แต่พูดโดยรวมแล้ว เธอไม่ใช่บุคลากรสืบสวนคดีอาชญากรรมที่รับผิดชอบทำคดีสักหน่อย ไม่มีธุระแต่มานี่กลางดึก มันทำเกินไปหรือเปล่า?!
ระหว่างที่เธอกำลังคิดไตร่ตรองอยู่ ในห้องได้มีความเคลื่อนไหวแว่วออกมา เหมือนมีของอะไรตกหล่นที่พื้น ส่งเสียงกระทบกระแทกออกมาดังมาก
แต่เสียงที่ดังขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้ก่อให้คนที่อยู่ในห้องส่งเสียงและพูดคุยสนทนา ยังคงเงียบสงบอีกเช่นเคย หรือว่า ชายหญิงคู่ที่ธรรมดาก่อนหน้านี้ เป็นใบ้และหูหนวกจริงๆ ?!
ซูย้าวยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ เธอก้าวเท้าเข้าไปใกล้ห้องเพาะปลูกดอกไม้โดยการหยั่งเชิง อ้อมผ่านข้างประตู ด้านข้างมีหน้าต่างบานกระจก ด้านในล้วนติดผ้าพลาสติกไว้ ดังนั้นจึงปิดผนึกได้ดีมาก และบดบังจนทำให้คนที่อยู่ข้างนอกมองเห็นไม่ชัดเลย
ฟังก็ไม่ได้ยินอะไร มองก็มองอะไรไม่ชัดเลย ขืนอยู่ที่นี่อีกก็ไม่มีประโยชน์
ซูย้าวหันหลังเตรียมตัวจากไป แต่เดินไปไม่กี่ก้าว ก็อดหยุดฝีเท้าลงไม่ได้
ขืนจากไปแบบนี้เฉย พอพรุ่งนี้กลับมาอีก เกรงว่าคงตรวจสอบอะไรไม่เจอแล้วมั้ง ห้องเพาะดอกไม้ของที่นี่ค่อนข้างเยอะ ตัดห้องที่ก่อนหน้านี้ลั่วซีเคยพาเธอไปเยี่ยมชมแล้ว ยังเหลืออีกว่าครึ่งเลย ไม่แน่ก็อาจจะซ่อนเงื่อนงำอะไรไว้ สู้แอบไปดูหน่อยดีกว่า?
เธอคิดแบบนี้ กำลังคิดจะหันหลังเดินอ้อมไป จู่ๆ กลับถูกร่างเงาที่จู่โจมมาปกคลุมไว้กะทันหัน รูปร่างสูงใหญ่ของผู้ชายเกือบจะทำเธอตกใจจนหัวใจหยุดเต้น
“ไม่ต้องกลัว ผมเอง”ลี่เฉินซีพูดเสียงเบา พร้อมกุมข้อมือเธอไว้เบาๆ และกอดเธอเข้ามาในอ้อมอก
ทีนี้ซูย้าวถึงโล่งอกลงไปที เธอชะโงกศีรษะออกมาจากอ้อมกอดเขาเล็กน้อย “คุณมาได้ยังไงคะ?”
“ผมไม่ไว้ใจคุณมาคนเดียว”เขาได้อธิบายอย่างเรียบเฉยคำหนึ่ง จากนั้นดึงมือของเธอไว้พร้อมเดินไปยังอีกทิศทางหนึ่ง “คุณอยากไปดูห้องเพาะดอกไม้ห้องอื่นดู?”
ซูย้าวอึ้งอย่างตะลึงงัน “คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
“ก็บอกแล้วว่าผมรู้ใจคุณ”เขาหันมายิ้มอ่อนๆ แล้วควงแขนเธอไว้พร้อมย่องเบาเดินเลื้อยเข้าไปที่ห้องอื่น
ห้องดอกไม้หลายสิบห้อง แทบจะจัดเรียงตามลำดับหมดเลย ดูจากแบบนี้แล้วเรียบร้อยมาก เวลาหาก็สะดวกมากๆ เพราะประตูของแต่ละห้องล้วนเขียนตัวเลขไว้ จากศูนย์ถึงหลายสิบได้เรียงกันไปตามลำดับ
ซูย้าวจำได้ว่าตอนเย็นลั่วซีได้พาเธอเยี่ยมชมห้องเพาะปลูกถึงห้องยี่สิบ ในนั้นได้เลี่ยงห้องเจ็ดไป ส่วนเมื่อครู่เธอก็ได้หยุดลงมาลังเลที่หน้าห้องเจ็ด เสียงที่ดังสนั่นก็ได้ก้องออกมาจากด้านในของห้องเช่นกัน
คาดว่าเวลานี้ ลั่วซีกับลั่วปินทั้งสองคงอยู่ในห้องเจ็ด
เธออยู่หน้าห้องเพาะดอกไม้ที่เรียงกันเป็นแถวๆ หาตามตัวเลขแล้วหาห้องเพาะดอกไม้ที่เขียนหมายเลขไว้ยี่สิบเอ็ดเจอ เธอใช้มือถือส่องกลอนประตู จากนั้นมองไปที่ลี่เฉินซี “แงะออกค่ะ”
พูดอย่างแม่นยำกว่าคือ คำพูดคำนี้ของเธอเหมือนน้ำเสียงที่ออกคำสั่งมาก
ใบหน้าหล่อเหล่าของลี่เฉินซีกลับมีความจนปัญญาโผล่ขึ้นมา เขาก้มหน้ามองเธออย่างเงียบๆ พร้อมขมวคิ้วแน่น “ให้ผมแงะออก?”
เธอพยักหน้า “อืม ประตูห้องนอนของโรงแรมคุณก็ยังสามารถแงะออกเลยไม่ใช่เหรอคะ?อันนี้ก็คงพอๆ กันแหละ!มันเหมือนๆ กันแหละ โครงสร้างก็พอๆ กัน”
ลี่เฉินซี “……”
เธอเห็นเขาเป็นยอดนักฝีมือแห่งการ
งัดแงะประตูและย่องเข้าไปในห้องคนอื่นตั้งนานแล้ว!
เห็นลี่เฉินซีไม่ขยับเขยื้อน ซูย้าวได้เร่งรัดอีกคำว่า “เร็ว รีบงัดสิคะ!”
ลี่เฉินซีสูดหายใจลึกๆ อย่างไม่รู้จะรับมือยังไง “ผมไม่มีอุปกรณ์”
ซูย้าวเข้าใจทันที พริบตาเดียวได้เกิดไหวพริบขึ้นมา เธอรีบยื่นมือจับศีรษะตัวเอง ผมยาวสลวยของเธอแค่รวบเป็นทรงหางม้าสูงไว้ที่หลังศีรษะ ไม่ได้ใช้กิ๊บติดผมใดๆ เลย จากนั้นเธอได้คุ้ยหาที่กระเป๋าด้วยความลังเลใจ สุดท้ายหากิ๊บติดผมปากเป็ดออกมาได้อันหนึ่งแล้วยื่นให้กับเขา “นี่ ได้หรือยัง?”
ลี่เฉินซีมองกิ๊บติดผมที่เธอยื่นมา “นี่คืออะไร?”
ถึงเขาใช้อุปกรณ์ ก็ไม่ใช่ของแบบนี้มั้ง!
“คุณนี่ดูโทรทัศน์มากเกินไปหรือเปล่า!”เขาเอามือจับแก้มของเธอไว้อย่างจนปัญญา และจูบที่หน้าผากเธอทีหนึ่ง จากนั้นได้พูดเสียงเบาว่า”ผมโทรหาจี้เซิง ที่เขามีเครื่องมือ”
ระหว่างพูด เขาก็ได้โทรหาเจียงจี้เซิง
ตอนที่เขาโทรมา เจียงจี้เซิงกำลังอยู่ในรถที่จอดอยู่ข้างถนน กลัวว่าหลังจากพวกเขาแยกย้ายกันแล้วยากที่จะรวมตัวกัน เขากับโม่หว่านหว่านถึงได้หยุดความเคลื่อนไหวในชั่วขณะ หลังจากวางสาย เขาพูดแค่ว่า”คุณนายลู่ ผมไปส่งของให้เฉินซีหน่อย คุณรอผมอยู่ในรถนะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าลงจากรถนะ”
“นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ ถ้าคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมกับเฉินซีก็ไม่รู้จะไปบอกประธานลู่ยังไงแล้ว เพราะฉะนั้น ห้ามลงจากรถเด็ดขาด รอผมนะ”
โม่หว่านหว่านพยักหน้าอย่างคล้อยตาม “โอเคค่ะ!”
เจียงจี้เซิงได้ถือกล่องเครื่องมือลงจากรถ แล้วไปตามทิศทางที่ลี่เฉินซีระบุในสาย ผ่านไปไม่นาน ก็ได้มาถึงหน้าห้องดอกไม้เลขที่ยี่สิบเอ็ด และได้เจอกับทั้งสองคนที่รอคอยอยู่ตั้งนาน
เพราะมีเครื่องมือแล้ว ลี่เฉินซีแงะไปสองสามทีก็แงะออกแล้ว หลังจากเปิดประตูได้ ทั้งสามได้ทยอยกันเดินเข้าไปด้านใน
โครงสร้างของห้องเพาะปลูกนี้พอๆ กับที่ซูย้าวเห็นในก่อนหน้านี้ แต่ทุกอย่างที่เห็นกลับเกินจินตนาการของเธอ
สิ่งที่ที่นี่เพาะปลูกล้วนเป็นดอกไม้หมด จุดนี้คือความจริง แต่แค่ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดา
เป็นดอกฝิ่น ดอกลำโพงม่วงกับดอกยี่โถและอื่นๆ ……
มีดอกไม้ที่ทำให้คนสามารถเสพติดจนกลายเป็นมารได้ง่ายดาย และมีดอกไม้ที่สามารถทำลายล้างชีวิตคนได้ง่ายดาย ยิ่งมีหญ้าพิษดอกไม้พิษนานาชนิดที่ทำให้คนแค่ได้ยินก็กลัวแล้วแต่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งนานแล้ว
ห้องเพาะปลูกที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่ ในห้องมีแสงไฟสว่างไสว ไม่ต้องใช้ไฟฉายใดๆ มาส่องให้สว่างเลย แสง
ไฟที่สว่างไสวก็เพียงพอให้มองเห็นที่นี่อย่างชัดเจนแล้ว
ยังมีฮีตเตอร์ทำความร้อนที่ทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างไม่ขาดสาย ตกแต่งห้องดอกไม้ที่กว้างขวางทั้งห้องเหมือนสวนเอเดนในฤดูหนาว
ซูย้าวค่อนข้างเหลือเชื่อ อานเจียเย้น……ทำอะไรโจ่งแจ้งถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?