เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 856 ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งบนโชคชะตาที่ตื้นเขิน
- Home
- เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ
- บทที่ 856 ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งบนโชคชะตาที่ตื้นเขิน
“ในเมื่อคุณมาหาฉันเพราะเรื่องนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าคุณอยากจะพูดวิธีการแก้ไขเรื่องนี้มาก ดังนั้น ฉันยังจำเป็นต้องตอบคำถามไหม” ซูย้าวถามกลับ
ใบหน้าหล่อเหลาของเพ้ยส้าวหลี่เปื้อนรอยยิ้มชัดเจนขึ้นเล็กน้อย สายตาลุ่มลึกราวกับเงาตามตัว สมกับที่เป็นหญิงสาวที่เขาถูกอกถูกใจจริงๆ ฉลาดมากพอ กระทั่งการพูดคุย ก็ไม่ยอมถอยให้เลยแม้แต่น้อย
เขายักไหล่เบาๆ “คุณติดต่อองค์การตำรวจสากลเถอะ ชี้แจงทุกสิ่งกับพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา หลังจากนั้นก็อาสาเป็นผู้ให้ข้อมูลและเป็นพยานผู้มีความผิดร่วม แม้ว่าจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าหลังจากผ่านการพิจารณาคดีแล้วจะไม่ต้องรับผิดชอบความผิดใดๆร่วมกัน แต่มากน้อยอย่างไรก็มีประโยชน์”
“นี่มันสำหรับฉัน แล้วสำหรับลี่เฉินซีล่ะ” ซูย้าวถามต่อ
เพ้ยส้าวหลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เขาอ่ะนะ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เขาเสนอตัวและแส่หาเรื่องเอง คุณยังจะสนใจอีกว่าเขาทำอะไร ให้เขาเข้าไปอยู่ในคุกเป็นเพื่อนอานเจียเย้นนานๆ ไม่ดีหรือ”
ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป ทั้งยังเจือไปด้วยแววหยอกล้อสัพยอก “วางใจเถอะ ความรับผิดชอบของคุณไม่ร้ายแรงหรอก แม้ว่าจะเข้าคุกก็ไม่กี่ปี ถึงตอนนั้นผมจะหาทนายความที่ดีที่สุดให้คุณ หลังจากนั้นรอคุณออกจากคุก ผมจะขอคุณแต่งงาน พาลูกทั้งสองคนของคุณไปด้วย พวกเราใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นอย่างไร”
ซูย้าวเอนหลังอย่างไร้เรี่ยวแรง ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะสวนปากทันที แต่ตอนนี้ เธอไม่มีอารมณ์นั้นจริงๆ
“ไม่ค่อยดี ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ” เธอเพียงแค่สอบถามเท่านี้
เพ้ยส้าวหลี่มองเห็นความเศร้าหมองที่อาบย้อมก้นบึ้งนัยน์ตาเธอ และรู้ว่าเธอสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักไป ในใจจะต้องรู้สึกแย่แน่นอน จึงไม่ได้หยอกล้ออย่างสนุกสนานอีก เขากลับคืนสู่สีหน้าจริงจังอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยว่า “ทางเขาเตรียมตัวเรียบร้อยนานแล้ว ตอนนี้แม้ว่าจะให้เขาถอนตัวออกมา เขาก็ไม่มีทางเห็นด้วย ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้ ขอพรให้ตัวเองโชคดีเถอะ!”
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร ทำได้เพียงเท่านี้เนี่ยนะ?!
“บางทีเขาอาจจะเหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง คุณยินยอมที่จะเชื่อเขาไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อต่อไปเถอะ! ลี่เฉินซี คนคนนี้ ไม่มีวันที่จะคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ เรื่องความรู้สึกเป็นเช่นนี้ เรื่องงานก็เป็นเช่นนี้เช่นเดียวกัน”
เพ้ยส้าวหลี่นึกย้อนไปเล็กน้อย ระหว่างพวกเขา มีความสัมพันธ์ติดต่อกันก็ไม่นับว่าสั้น เรื่องธุรกิจไม่เอ่ยชั่วคราว แค่เรื่องความรู้สึก วิธีการแต่ละครั้งแต่ละคราวของลี่เฉินซี ก็ทำให้เขายากจะเข้าใจและยากจะคาดเดา
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของหานฉ่ายหลิง
ล้วนนึกว่าลี่เฉินซีจะยอมรับและให้อภัยทุกสิ่งกับหานฉ่ายหลิงจริงๆ จะจับมือเธอเดินไปด้วยกันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร งานเลี้ยงแต่งงานดีๆงานหนึ่ง สุดท้ายกลับกลายเป็นการส่งหานฉ่ายหลิงเข้าคุกเสียอย่างนั้น
ไม่รู้สึกว่ามันน่าเย้ยหยันหรือ
ซูย้าวหลุบตาลง พลางถอนหายใจ เพ้ยส้าวหลี่พูดมาเยอะแยะ แต่สุดท้ายก็มอบวิธีการแก้ไขปัญหาให้เธอเพียงแค่วิธีเดียว และละเลยลี่เฉินซีไป
ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถถอนตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย มีแค่เธอคนเดียวที่ไม่เป็นอะไร แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกัน?!
เธอเหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง “ทำไมต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน ทั้งยังช่วยฉันคิดหาวิธีด้วย?”
เห็นได้ชัดว่าระหว่างพวกเขาจบกันไปนานแล้ว ในใจซูย้าวไม่มีเขา เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ล้วนมองออก ตอนนี้เพ้ยส้าวหลี่ก็สามารถปลีกตัวออกได้อย่างสบายๆ สะบัดแขนเสื้อจากไป ช่วยและปกป้องตัวเอง นี่คือเรื่องปกติของมนุษย์ และเป็นนิสัยพื้นฐานมนุษย์เช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาพวกนี้ ถ้าหากว่าเดือดร้อนถึงตัว กรุ๊ปเพ้ยซื่อที่เขาลำบากสร้างขึ้นมาหลายปี ก็หมดหนทางที่จะฟื้นคืนมาได้ตลอดกาล จะไม่นับว่าเป็นการได้ไม่คุ้มเสียหรอกหรือ
เพ้ยส้าวหลี่ไม่ได้รีบร้อนตอบคำถาม มือสองข้างยันอยู่บนหัวเข่า นัยน์ตาลึกซึ้งนั้นมองมาทางเธอนิ่งๆ แววตาหม่นหมองลงในชั่วพริบตา
ซูย้าวถูกแววตาเจิดจ้าจับจ้องมานาน เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด จึงรีบเบนสายตาหนีไป ในขณะเดียวกันก็สอบถามอีกครั้ง “สรุปว่าเพื่ออะไรกันแน่? คุณไม่ได้เลือกช่วยอานเจียเย้นหรือ ถ้าหากว่าให้เขารู้ว่าคุณทำเรื่องพวกนี้ ก็เกรงว่า…”
“จะไม่ได้มีจุดจบที่ดี?” เพ้ยส้าวหลี่ถามกลับ
เขาเชี่ยวชาญการตรวจสอบและกุมหลักฐานที่เกี่ยวข้องเอาไว้เยอะขนาดนี้ อาศัยแค่จุดนี้ อานเจียเย้นก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
ผ่านไปเนิ่นนาน รอยยิ้มบางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าดูดีของชายหนุ่ม “ซูย้าว อาจจะเป็นเพราะคุณไม่ได้รักผม และไม่เคยหวั่นไหวกับผม แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผมเคยรักคุณจริงๆ”
“รวมถึงตอนนี้ ผมก็รักคุณเช่นกัน ไม่รู้ว่าผมใช้วิธีที่ผิด หรือว่าคุณมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลี่เฉินซีมากเกินไป และก็อาจจะเป็นเพราะระหว่างคุณกับผม ไม่มีวาสนานั้น!”
ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งบนโชคชะตาที่ตื้นเขิน เขามีจิตใจแน่วแน่ ไม่วอกแวกต่อหญิงสาวทุกคน ในสายตามีเพียงแค่คำว่าผลประโยชน์เท่านั้น ขอเพียงแค่สามารถหลอกใช้ และตัวเองสามารถใช้ประโยชน์ได้ เขาก็ไม่สนใจว่าจะใช้แผนการและวิธีใด
แต่ในตอนที่พบกับซูย้าว โศกนาฏกรรมเกี่ยวกับความรักตลอดกาลของเขา เพียงแค่แตะโดนก็ยากที่จะรอดพ้นจากความโชคร้าย
“แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณได้ ผมก็อยากจะมีสติรู้เหตุผลสามารถเอาตัวรอดได้ แต่สิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกนี้ ไม่อยู่ในการควบคุมของผมจริงๆ…”
เพ้ยส้าวหลี่ก็เบนสายตาออกไป จงใจไม่มองเธอ กลัวว่าถ้ามองมากกว่านี้อีกนิด จะคิดครอบครองเธออย่างเห็นแก่ตัว ให้เธอเป็นของตัวเองทั้งหมดอย่างอดมิได้ เขากำหมัดอย่างช้าๆ สูดลมหายใจลึก “ไม่ว่าคุณจะรักหรือไม่รักผม และไม่ว่าในภายหลังคุณจะเลือกใคร ซูย้าว ผมล้วนหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ”
“ไม่ว่าสุดท้ายอานเจียเย้นจะทำอะไรกับคุณ แต่ไม่ว่าจะติดคุกหรือตัดสินลงอาญา หรือว่าจะต้องทิ้งชีวิต…ผมก็ไม่หวังว่าจะเกิดเรื่องพวกนี้กับคุณ”
เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ขยับมือจัดชุดสูทตัวนอกให้เรียบร้อย และหยิบไฟแช็คขึ้นมาจุดบุหรี่ที่เขาถือไว้ในมือตลอด “เรื่องของลี่หมิง สร้างความสะเทือนใจให้คุณเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรคุณก็เป็นผู้หญิงที่ผมรัก จะต้องผ่านมันไปได้แน่นอน”
เพ้ยส้าวหลี่เอ่ยแล้วคาบบุหรี่เอาไว้ พลางก้าวเท้ายาวเดินไปที่หน้าประตูบ้าน
ซูย้าวไม่ได้ไปส่งเขา และไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เพียงแค่หลุบตาลงอ่านเอกสารในมือพวกนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้ถอนเอาอากาศหายใจที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจมาตลอดออกมาเงียบๆ
เรื่องดำเนินมาจนถึงวันนี้ สิ่งที่เธอใส่ใจและเป็นห่วงจริงๆ จะเป็นตัวเองเสียที่ไหนกัน
แต่ก็ไม่ต้องพูดเลยว่า มากน้อยอย่างไรเพ้ยส้าวหลี่ก็ชี้หนทางให้เธอสายหนึ่งอย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะใช้ได้เช่นกัน
ตอนที่โม่หว่านหว่านลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง ก็เห็นซูย้าวคลุมเสื้อคลุม ถือกระเป๋า สีหน้าจริงจัง มีท่าทางเหมือนจะออกไปข้างนอก
“เธอจะไปไหนหรือ” โม่หว่านหว่านที่อุ้มลูกอยู่รีบตามขึ้นไป
“มีธุระต้องออกไปข้างนอกนิดหน่อย” ซูย้าวเอ่ยอย่างไม่จริงจัง ก้าวไปทางประตูหน้าบ้านอีกหลายก้าว ก่อนจะหยุดเท้าและหันกลับมา “หว่านหว่าน ฉันแค่ออกไปทำธุระนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ถ้าหากว่าไม่อยากให้ฉันเป็นห่วง อย่างนั้นฉันจะไปด้วย!” โม่หว่านหว่านรีบเอ่ย เธอไม่วางใจในตัวซูย้าวจริงๆ เธอเพิ่งจะสูญเสียลูกชายไป ตัวเองก็ตั้งครรภ์ ทางด้านอานเจียเย้นก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เธอจะอธิบายกับลี่เฉินซีได้อย่างไร?!
ซูย้าวยิ้มเจื่อนอย่างจนปัญญา “ได้ อย่างนั้นเธอก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ!”
โม่หว่านหว่านเป็นกังวลว่าซูย้าวจะทิ้งเธอเอาไว้ จึงรีบหยิบเสื้อคลุมมาตัวหนึ่งด้วยความเร็วสูง และอุ้มลูกเดินออกจากคฤหาสน์ไปพร้อมกับเธอ
เดิมนึกว่าซูย้าวจะไปที่ไหน แต่คิดไม่ถึงว่า เธอจะไปสถานีตำรวจ
เพราะว่ารูปคดีค่อนข้างซับซ้อน บวกกับต้องติดต่อทางด้านองค์การตำรวจสากล ดังนั้นทั้งกระบวนการจึงเสียเวลาไปไม่น้อย ซูย้าวก็มอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องและหลักฐานทั้งหมด ทั้งยังให้การและลงบันทึกอย่างละเอียด แม้ว่าทิศทางทั้งหมดจะชี้เป้ามาที่เธอ แต่ว่าคดียังไม่ได้จดทะเบียนคดีอย่างเป็นทางการ และเป็นเพราะเหตุผลมากมาย จึงไม่สามารถดำเนินการจับกุมเธอได้
เพียงแค่เตือนไม่ให้เธอออกไปข้างนอกหรือไปจากเมืองนี้ และให้พวกเธอกลับไปก่อนชั่วคราว
จัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ตอนที่ทั้งสองคนขึ้นไปบนรถ คำถามที่อัดอั้นตันใจโม่หว่านหว่านอยู่นาน ก็ถูกเอ่ยถามออกมาในที่สุด “ทำไมต้องทำแบบนี้? เพ้ยส้าวหลี่สอนเธอหรือ”
ซูย้าวขับเคลื่อนรถยนต์ ส่ายหน้าเบาๆ “เขาเพียงแค่เตือนฉันเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผู้อื่น”
“ซูย้าว เธอทำแบบนี้ เธอเคยคิดถึงตัวเองไหม อีกอย่าง เธอก็เชื่อเฉินซีไม่ใช่หรือ อย่างนั้นก็รอทางเขาตัดสินใจเรียบร้อยแล้วค่อยเดินเรื่องสิ! เธอทำแบบนี้…บุ่มบ่ามเกินไปแล้ว!”
โม่หว่านหว่านคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม แววตาลึกซึ้งเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “เธอทำแบบนี้ รอถึงวันหลังที่เฉินซีรู้ เขาจะรู้สึกอย่างไร เธอเคยคิดไหม”
“ตอนแรกเธอทำเพื่อปกป้องลูก จึงเลือกใช้ตัวเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ปรึกษากับเฉินซี ตอนนี้ยังจะทำแบบนี้ เธอนี่ช่าง…”
โม่หว่านหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ “ฉันไม่สามารถเข้าใจได้ และไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ต้องรู้ว่า ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอจริงๆ เฉินซี เจิ้งเอ๋อและซีซี เธอจะให้พวกเขาทำอย่างไร ไม่มีเธอล่ะก็ พวกเขาจะใช้ชีวิตกันได้อย่างไร”