เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 869 โยนก้อนหินเพียงก้อนเดียวกระทบไปทั่ว
เมื่ออานเจียเย้นออกไปแล้ว ก็หายหน้าหายตาไปหลายวัน
บ้านเดี่ยวหลังเล็กตั้งตระหง่านอยู่ในภูเขาอันห่างไกล ท่ามกลางความลึกลับ และตำแหน่งที่สวยสดงดงามที่สุด บริเวณตรงนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการซุกซ่อน ‘ตัวประกัน’
ซูย้าวกลับมาใช้ชีวิตถูกกักบริเวณเช่นเดิม แม้ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ แต่กลับไม่มีอิสรภาพ
ไม่สามารถหนีไปไหนได้ แม้ว่าไม่ได้ติดตั้งเครื่องการเฝ้าระวัง แต่บอดี้การ์ดที่คอยเฝ้าอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนคือสิบกว่าคน แต่ตอนนี้กลายเป็นสี่สิบกว่าคนเข้าไปแล้ว
บริเวณด้านนอกและภายในตัวบ้านไม่ใหญ่มากนัก แต่กลับมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใส่เครื่องแบบเต็มยศ อย่างแน่นหนาฝาคั่ง ทุกคนต่างฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งอย่างเดียว ขนาดมีคุณภาพเป็นเลิศ ไม่เพียงแต่ไม่พูดคุยกับเธอ ขนาดสายตา หรือความรู้สึก ยังไม่มีให้เธอเลยสักครั้ง
ถือว่าเป็นทหารเครื่องจักรที่อานเจียเย้นฝึกฝนมาเองกับมือ ทุกคนนอกเหนือจากคำสั่งแล้ว ไม่มีเรื่องอื่นเจือปน
อีกอย่างทั้งภายในและด้านนอกมีการตัดสัญญาณทั้งหมด จึงไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ และไม่สามารถรับข้อมูลใดๆ ได้
สิ่งเดียวที่ซูย้าวสามารถทำได้คือ การรอคอย
ซึ่งไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น การรอคอย มันเป็นการทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไม่จบไม่สิ้น
เธอที่อยู่รอให้คนเชือดอย่างไร้จุดหมายนี้นั้น ส่วนเมืองAที่อยู่ในประเทศอันไกลโพ้น สองสามวันนี้มีวิดีโอข่าวดังเป็นกระแส อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวจุดชนวนสภาวะการเงินภายในประเทศ
ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดเผยข้อมูลมากมายส่งให้กับสำนักพิมพ์ แม้ว่าข้อมูลมีมากยากเกินจินตนาการได้ แต่กองบรรณาธิการยังถูกกดดันอย่างมากมายมหาศาล เมื่อตีข่าวนี้ลงในหนังสือพิมพ์ไปแล้ว พูดได้ว่าก้อนหินเพียงก้อนเดียวอาจจะส่งกระทบไปทั่ว พริบตาเดียวจึงถูกสำนักพิมพ์อื่นรวมทั้งนิตยสาร และอินเทอร์เน็ตแชร์ต่อกันอย่างบ้าคลั่ง ระยะเวลาอันสั้นแค่ไม่กี่วัน พลันมีแนวโน้มหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ
เป็นข่าวเสียหายของกรุ๊ปลี่ซื่อ บริษัทLG กรุ๊ปเจียงซื่อ กรุ๊ปอู๋ซื่อและบริษัทตระกูลมหาเศรษฐีอีกสิบกว่าตระกูล และได้รับการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง จนติดอันดับตามเว็บไซต์หลัก และติดอันดับการค้นหายอดนิยมอยู่หลายวัน
กรุ๊ปเจียงซื่อเคยฉ้อโกงจนสามารถก่อร่างสร้างตัวได้ แต่ไม่สวยงามนัก กระทั่งได้รับความสนใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับสูงจนถูกตรวจสอบทุกอย่างหมดโดยละเอียด ส่วนบริษัทLGเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จเป็นต้น จนถูกตรวจสอบตาม
ส่วนตระกูลเศรษฐีท่านอื่น ไม่มีใครรอดพ้นสักคน ต่างโดนข่าวเสียๆ หายๆ กันทุกอย่าง ต่างเป็นด้านสกปรกและน่ารังเกียจที่สุดทั้งนั้น ราวกับถูกขุดจนเลือดไหลซึมออกมา และยิ่งเพิ่มหัวข้อให้ทุกคนได้พูดคุยกัน ในเวลารับประทานอาหารอีกด้วย และสิ่งที่ได้รับกลับมาของคนที่ถูกพูดถึง เท่ากับเป็นกระแสตีกลับจนภัยพิบัติหายนะอย่างแท้จริง
ในบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่อีกสิบกว่าบริษัทนั้น บริษัทลี่ซื่อที่ถือว่าเป็นบริษัทติดอันดับหนึ่งเรื่องการเงินในประเทศมานับสิบปีได้รับการยกเว้น ราวกับมีคนจงใจลบเลือนเพื่อปิดบังเอาไว้ บริษัทลี่ซื่อโชคดีที่หลุดรอดความหายนะนี้ไปได้ แต่เหตุผลนี้จึงทำให้จำนวนคนมากมายเกิดความสงสัยและตำหนิอย่างหนาหู จนได้รับผลกระทบแย่มากเช่นกัน
พวกของลู่ส้าวหลิงกับเจียงจี้เซิงเอง ต่างก็ยุ่งอยู่กับข่าวที่ดังเป็นพลุออกมาอยู่เรื่อย ๆ ยุ่งจนไม่มีเวลาไปดูแลตนเอง
ลี่เฉินซีได้ให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด แต่สุดท้ายแล้วหวางอี้กลับพูด ‘หาต้นตอข่าวไม่เจอ’ แต่พูดว่า “ประธานลี่ เรื่องนี้อาจจะเป็นคนทางอานเจียเย้นลงมือทำก็ได้ แต่หลักฐานและรายละเอียดเฉพาะเจาะจงเลย พวกเราไม่มี และก็หาไม่ได้ ตอนนี้คุณว่า…”
“สิ่งที่เขาทำเพื่อจะโยนขี้ให้ผมนะสิ และเขาจะเปิดเผยร่องรอยได้ยังไงกัน” ลี่เฉินซีดูเหมือนไม่แปลกใจ กับผลลัพธ์ที่ได้เลย จากนั้นพลันลุกขึ้นและเดินตัวตรงไปทางหวางอี้ และแสดงสีหน้าเป็นปกติและนั่งอยู่ชั่วครู่
หลังเที่ยง แสงแดดแผดจ้าที่อยู่ด้านนอก จนทำให้เขาจำต้องหรี่ดวงตา จึงสามารถมองเอกสารที่สุมเป็นกองภูเขาเลากาอยู่บนโต๊ะได้อย่างชัดเจน——
ฉบับแล้วฉบับเล่า ต่างเป็นเอกสารที่ตรวจสอบในระยะนี้ทั้งหมด อานเจียเย้น รักษาสัญญาในการลบเลือนอานหว่านชิงออก และโยนทุกอย่างให้เป็นชื่อของเขาแทน
ลี่เฉินซีเงยศีรษะขึ้นพลันพิงผนังเก้าอี้หนัง อย่างเชื่องช้า พลันคลี่ยิ้มมุมปาก และยิ้มออกมา
แสงแดดทอแสงสีทองกระทบบริเวณรอบตัวอันล้ำค่าของเขา และค่อยๆ ลบเลือนตีนกาเล็กน้อยที่อยู่บริเวณหางตาของเขา จนสุดท้ายมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตกดึก ประมาณสี่ทุ่ม หลังจากลี่เฉินซีจัดการเอกสารของทางบริษัทเสร็จแล้ว เมื่อลงไปยังลานจอดรถที่อยู่ใต้ตึก และเริ่มสตาร์ทรถนั้น โทรศัพท์สั่นอย่างกะทันหัน เพื่อเป็นแจ้งเตือนว่าได้รับข้อความเป็นวิดีโอตอนหนึ่ง
เขาจอดรถทันที และจัดการเปิดโทรศัพท์และกดเปิดวิดีโอนั้น
ภาพที่อยู่ในนั้นทั้งหมดปรากฏออกมา จนทำให้เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ
เนื่องจากไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นเจี่ยงเวินอี๋มารดาที่เขาไม่ได้เจอหน้ากันมากว่าครึ่งปีแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งพิงเก้าอี้เอนนอนคล้ายคลึงกับใช้ทางการแพทย์ แต่ไม่ถูกมัดแขนขา ทว่ายังคงหายใจรวยริน ไม่ขยับเขยื้อน
แม้ว่าอาการจะสงบนิ่งก็ตาม แต่ดูแล้วก็ไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าซีดเผือดไม่เหมือนคนปกติทั่วไป มีเข็มฉีดยาและสายน้ำเกลือปักอยู่บนหลังมือซ้าย พลันมียาอะไรสักอย่าง กำลังหยดเข้าสู่ร่างกายทีละหยด
เจี่ยงเวินอี๋สูญเสียการต่อต้านและความสามารถในการพูด ด้วยการถูกตัวยาชนิดนี้ควบคุมเอาไว้ ขนาดมองกล้อง ยังพยายามใช้เรี่ยวแรงที่เหลือทั้งหมด พยายามอ้าปาก อยากพูดอะไรออกมา แต่พอถึงริมฝีปาก กลับไร้เสียงแทน
วิดีโอจบลงอย่างกะทันหันตรงนี้ แต่สิ่งที่เข้ามาแทน เป็นตัวอักษรเป็นข้อความจากใครสักคนที่ไม่ได้ระบุชื่ออยู่ด้านล่าง เมื่อเอามาพูดถึงรายละเอียดแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นตัวอักษร แต่เป็นตัวเลขเป็นชุดมากกว่า
แต่ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์ หรือว่าช่องทางติดต่อแต่อย่างใด แค่ตัวเลขไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง
นิ้วที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่นั้นพลันเคาะลงไปอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นจึงมองตัวเลขเป็นชุดด้วยแววตาอันมืดหม่น เพียงชั่วแวบเดียวก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะนั่นเป็นละติจูดของสถานที่ ซึ่งสามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างละเอียด
ลี่เฉินซีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงใช้โทรศัพท์อีกเครื่องที่ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณได้ กดโทรออก
“แกลักพาตัวผู้หญิงของฉันไป ตอนนี้แกยังมาแตะต้องแม่ฉันอีก อานเจียเย้น!” เสียงทุ้มต่ำของลี่เฉินซีเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคือง พลันพ่นทุกคำออกมาอย่างโกรธแค้น ความกระวนกระวายใจอันแรงกล้าที่อดกลั้นไม่อยู่ยิ่งทำให้ความคิดของเขาระเบิดจนถึงขีดสุด
ฝั่งทางนั้นเงียบงันไปชั่วครู่ จากนั้นสักพัก เสียงเรียบเฉยของอานเจียเย้น ถึงได้ค่อยๆ เอ่ยออกมา “ไปทำธุรกิจต้องให้ท่านประธานลี่ออกหน้าแทนผม ความจริงมันก็แสนง่ายดายมาก ตำแหน่งสถานที่ผมได้ส่งให้คุณแล้ว หลังจากคุณเดินทางมาถึงแล้ว จะมีคนติดต่อคุณไปเอง”
พลันหยุดอยู่สักพัก จากนั้นอานเจียเย้นจึงพูดต่อ “ทำเรื่องนี้ให้เสร็จแล้ว จะมีคนเอาคุณผู้หญิงลี่ส่งกลับไปอย่างปลอดภัย ประธานลี่ครับ ทุกอย่างที่คุณทำลงไปทั้งหมด ไม่ใช่อยากให้คนในครอบครัวสงบสุขหรอกเหรอ?”
“งั้นก็ทำเพื่อคุณผู้หญิงลี่กับลูกทั้งสองคน ลองคิดดูนะ!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น โทรศัพท์ของอานเจียเย้นก็ตัดสายโดยอัตโนมัติทันที
ใบหน้าอันหล่อเข้มของลี่เฉินซีตกตะลึงเล็กน้อย และเริ่มเบนออกจากโทรศัพท์ข้างใบหู พลันสูดหายใจเข้าออกอย่างสับสน พลันมองดูตัวเลขที่อยู่ในโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง พลันกดค้นหาตำแหน่งบนแผนที่ เป็นพื้นที่ภายในหมู่เกาะเฟอร์ด้า เป็นเกาะเล็กๆ ที่แสนธรรมดามากเกาะหนึ่ง
เรื่องนี้มันเกี่ยวพันความปลอดภัยของเจี่ยงเวินอี๋ เขาไม่มีทางเลือก หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่แล้ว เขาจึงโทรศัพท์หาหวางอี้ทันที และอธิบายการเดินทางของตนเองช่วงสองสามวันนี้แบบคร่าวๆ เรื่องในบริษัท ให้รองประธานกับหวางอี้เข้ามารับผิดชอบโดยตรง จากนั้นตัวเขาจึงสตาร์ทรถอีกครั้ง และมุ่งหน้าไปยังสนามบินทันที
จากเมืองAนั่งเครื่องไปยังหมู่เกาะเฟอร์ด้า และผ่านเมืองต่างๆ จนใช้เวลาเกือบหนึ่งคืนหนึ่งวัน จึงมาถึงที่หมายตามตัวเลขของเกาะ อ่าวหลุนวาน ตำแหน่งดูซับซ้อนมาก สภาพแวดล้อมช่างพิเศษ ทั่วทั้งภูเขามีแต่ป่ารกชัฏ และมีพืชพรรณเติบโตอย่างประหลาดอยู่หลายชนิด
พืชพรรณเขียวชอุ่ม ผลิดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ขนาดเล็ก และมีผลแอปเปิลสีสันสดใสแตกผลออกมา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บนเถาวัลย์ทุกเส้นต่างมีหนามอันแหลมคม กระจายอยู่ทั่วพื้นดิน หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว พลันขีดข่วนจนได้รับอันตรายได้ทันที
ทันทีที่เขามาถึงที่นี่ พลันมีคนเขาไปต้อนรับโดยตรง และนำเขามาส่งบนเกาะแล้ว จึงพูดว่า “ทางฝั่งคู่สัญญาอีกเดี๋ยวก็จะมาถึงแล้ว พวกเราจะทดสอบสินค้า คุณวางใจเถอะครับ”
คิ้วของลี่เฉินซีเคร่งขรึมลงทันที เขารู้ตั้งแต่แรกว่าคำว่า ‘ไปทำธุรกิจ’ จากปากของอานเจียเย้นมันไม่ใช่ธุรกิจอันเปิดเผยทั่วไป แต่คำว่าทดสอบสินค้า มันหมายถึงอะไรเล่า?
เขาพยายามเก็บงำความคิดอันยุ่งเหยิงที่อยู่ในหัวเขาเอาไว้ พลางพยักหน้าให้คนอื่นอย่างระมัดระวัง บนเกาะเล็กๆ สร้างศาลาเอาไว้เป็นพิเศษ เพื่อเอาไว้ให้นั่งพักผ่อนหลบร้อน
ลูกน้องรินเหล้าให้เขา พลันเห็นว่าเขาเริ่มหยิบบุหรี่ออกมา พร้อมทั้งโค้งตัวลงเพื่อจุดบุหรี่ให้เขา ท่าทางพินอบพิเทามีมารยาทเช่นนั้น ราวกับถือว่าเขาเป็นเจ้านายในการทำธุรกิจนี้จริงๆ
ประมาณว่า นี่คงเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ของอานเจียเย้น เพื่อให้เขารับโทษแทน ฉะนั้น ….
ลี่เฉินซีไม่ได้คิดมากอะไร ลูกน้องที่อยู่ทางด้านนี้รายงานทันที “คุณผู้ชายครับ คนอีกฝั่งมาถึงแล้วครับ”
เขาได้ยินเสียงการดับบุหรี่ด้วยฝ่ามือ พลันเดินออกจากศาลาตามหลังลูกน้องไป เมื่อเดินมากว่าร้อยเมตรเห็นจะได้ จึงเห็นชายฝั่งเกาะเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง ว่ามีเรือเร็วจอดอยู่สองลำอยู่ตรงจุดนั้น พลันมีคนสี่ถึงห้าคนกำลังเดินลงมา ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินนำหน้ามา ผิวคล้ำ แถมยังใส่แว่นกันแดดสีดำ จึงมองไม่เห็นสิ่งใด
ส่วนบนเกาะที่อยู่ใกล้เคียงที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีคนกำลังใช้โดรนในการควบคุม เพื่อแอบถ่ายคลิปวิดีโอนี้อยู่….