เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 870 มีตาหามีแววไม่
ในกลุ่มของชายใส่แว่นตาดำนั้นมีทั้งหมดหกคน มีคนสองคนที่ในมือถือกล่องหนังอยู่ในมือ จะพูดว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่นักจะบอกว่าเล็กก็ไม่ถือว่าเล็ก พลันรวมกลุ่มกันทั้งหมดหกคน และมุ่งหน้าเดินมาทางนี้
ลี่เฉินซีมีผู้คุ้มกันอยู่สิบกว่าคน และค่อยๆ เดินไปทางพวกเขา เมื่อทั้งสองฝั่งเจอหน้ากัน ชายใส่แว่นตาดำมองมาทางเขาก่อน พลันประเมินดูสักพัก จากนั้นจึงคลี่ยิ้มออกมา “คุณjokeผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนาน การร่วมมือทำธุรกิจร่วมกันมานานขนาดนี้ เพิ่งจะได้รับเกียรติให้เจอหน้าที่แท้จริง ไม่ง่ายจริงๆ เลยครับ”
Joke เหรอ?!
ลี่เฉินซีตะลึงทันที ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อานเจียเย้นไม่เพียงให้เขาเป็นแพะรับบาป กระทั่งยังแอบอ้างสร้างตัวตนเป็นjokeอีก เพื่อเป็นการโยนมาให้เขาอย่างเต็มที่
การถูกคนสร้างให้ติดกับดักมันก็แน่ล่ะ แต่ตอนนี้มีเรื่องด่วนกะทันหัน เพื่อความปลอดภัยของมารดา จึงไม่สามารถอธิบายสิ่งใดได้ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้คือ ไม่แสดงสีหน้าของเขาออกมา นัยน์ตาเคร่งขรึมลึกซึ้ง พลางมองอีกฝ่ายพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย
ชายใส่แว่นตาดำเดินนำหน้าขึ้นมาและจับมือเขา “ไม่ว่าจะพูดยังไง ก็ร่วมมือทำธุรกิจร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว ความจริงใจของผมมีอยู่เสมอ แต่ไม่รู้ว่าความจริงใจของคุณjokeนั้น…”
อีกฝ่ายจงใจลากเสียงยาว ลี่เฉินซีรู้ว่าเขาอาจหมายถึงทรัพย์สิน แต่ตอนที่ตัวเองมานั้นก็ไม่ได้รับข่าวให้ถือเงินมาด้วย จังหวะที่กำลังลังเลอยู่เล็กน้อยนั้น ทางด้านหลังพลันมีคนลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบเข้ามาตั้งแต่แรกแล้ว พลันวางลงบนพื้น เมื่อเปิดดูนั้น เป็นเงินธนบัตรดอลลาร์ใหม่เอี่ยมมัดกันเป็นฟ่อนๆ กระแทกเข้าตาในแวบแรกทันที
ทางด้านหลังของชายใส่แว่นตาดำมีคนเดินเข้ามาตรวจสอบเล็กน้อย เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่ผิดพลาด พลางส่งสัญญาณทางสายตาให้กับชายแว่นตาดำ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว เขาจึงพูดว่า “ต้องขออภัย ที่ผมคิดมากเกินเหตุเอง รบกวนช่วยทดสอบของด้วยเถอะครับ!”
เวลาพูดนั้น ลูกน้องของชายใส่แว่นตาดำก็เอากระเป๋าหนังที่ถือติดตัวก่อนหน้านี้ทั้งสองใบมาวางบนพื้น เมื่อเปิดออกแล้ว สิ่งของที่อยู่ด้านใน มันกลับทำให้ดวงตาของลี่เฉินซีหวาดหวั่นเสียจริง
เป็นปืน มีแค่สองกล่อง ดังนั้นถือว่าไม่มากนัก แต่เป็นรุ่นที่ล้ำสมัยมากที่สุด ขนาดกระสุน ก็ยังต้องสั่งจองโดยเฉพาะ
“ถือว่าใช้กฎกติกาเดิม โดยคนทางฝั่งผมเป็นคนลงมือทำ ไม่สามารถตรวจสอบรุ่นสัญลักษณ์ได้ และไม่สามารถแกะรอยได้ และใช้งานได้อย่างสบายใจ ยกเว้นตัวอย่างพวกนี้ ส่วนกระบอกอื่นอยู่ในเรือขนส่งสินค้า” ชายใส่แว่นตาดำพูดอธิบายพอสังเขป
มีคนเดินเข้ามารายล้อมอยู่รอบตัวลี่เฉินซีเพื่อทดสอบสินค้า หลังจากตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดเรียบร้อยแล้ว จึงส่งสัญญาณทางสายตาให้ลี่เฉินซี เพื่อให้เขาได้ลื่นไหลต่อไป
จังหวะที่คนทั้งสองกลุ่มกำลังพูดคุยอยู่นั้น จึงไม่มีใครสังเกตเห็นโดรนลำเล็กที่กำลังบันทึกภาพนั้นอย่างไร้เสียง กำลังอยู่บนท้องฟ้าอยู่ไกลๆ
บนเกาะใกล้เคียงนั้น พลันมีผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงหนึ่งคนกำลังหลบซ่อนอยู่ในป่าและกำลังทำเรื่องลับๆ ล่อๆ หญิงสาวจ้องภาพวิดีโอที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนผู้ชายกำลังบังคับโดรน ผู้หญิงรีบพูดทันที “มันใกล้เกิน ใกล้เกินไปแล้ว! รีบปรับตำแหน่งเร็ว!”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงจึงรีบทำตาม และยังพึมพำบ่นไม่เลิกในตอนนั้นด้วย “ถ้าไม่เข้าไปใกล้หน่อย แล้วจะถ่ายให้เห็นใบหน้ายังไงล่ะ? ถ้ามันมองไม่ชัด ก็เท่ากับใช้ไม่ได้นะ…”
“มันก็ไม่สามารถเปิดเผยได้…”
หญิงสาวยังพูดไม่ทันจบประโยค พลันรู้สึกตงิด จึงใช้สายตาหวาดกลัวมองหน้าจอ รูม่านตาขยายใหญ่ขึ้นจากอาการประหลาดใจ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น เกาะด้านข้างที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ชายใส่แว่นถอดแว่นออก จนเห็นสายตาเย็นชาดุจหมาป่า พลันหัวเราะเบาๆ พลันหันหลังกลับไปพูดกับลูกน้อย “ไม่รู้สึกว่ามันแปลกพิกลเหรอ?”
เขาใช้ภาษาของชนกลุ่มน้อยสื่อสาร คล้ายกับลักษณะภาษาท้องถิ่นโดยเฉพาะ และยังบวกกับสำเนียง ดังนั้นเวลาพูดอีกไป จึงไม่ค่อยดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
“แปลกตรงไหนครับ?” ลูกน้องถามกลับ
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับมองไปทางลี่เฉินซีอีกครั้ง “ไม่ทดสอบปืนหรือครับ?”
“สินค้าตัวใหม่ ทางที่ดีที่สุดคือการวางไว้ในมือตนเอง ไม่ลองดูแล้วจะรู้ถึงผลลัพธ์ได้อย่างไรกันครับ? อีกอย่าง ปืนกระบอกนี้ สำหรับผู้ชายก็เหมือนผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งของสำคัญ จำเป็นต้องฝึกให้คล่องมือ…”
ลี่เฉินซีได้ยินความหมายของเขาแล้ว นัยน์ตาเคร่งขรึมลงเล็กน้อย พลางเบนสายตาและเหลือบมองไกลๆ อย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงก้มหลังลง และหยิบปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากลังกล่องหนัง และรีบบรรจุกระสุนอย่างว่องไว และช้อนสายตามองผู้ชายที่อยู่ใกล้แค่คืบ พลันยกมือขึ้นอย่างว่องไว เพ่งปลายกระบอกไปยังที่ใดสักแห่ง หลังจากได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ แล้ว ราวกับยิงโดนอะไรสักอย่าง และเหมือนยิงไม่โดนอะไรเลย
ผู้ชายตกตะลึงเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงอดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ไหว “jokeมันเกิดอะไรขึ้น? ผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดัง แค่เท่านี้เองเหรอ!”
หลังจากนั้น เขาจะหันข้างโดยใช้ภาษาท้องถิ่นในการสื่อสารกับลูกน้อง “จากสภาพแล้วก็แค่เขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้นเอง หรือจะพูด jokeคนนี้เป็นตัวปลอมดีนะ?”
“มีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง มิเช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่พวกเราร้องขอเพื่อให้เจอกับ joke ก็ถูกผัดผ่อนมาเรื่อย แต่ตอนนี้กับเห็นด้วย แต่ว่าท่านก็อย่าเพิ่งร้อนใจไป เดี๋ยวอีกสักพักผมจะทำการตรวจสอบ” ลูกน้องตอบกลับ
จังหวะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น บนเกาะข้างที่อยู่ไกลออกไป จังหวะที่ลี่เฉินซียิงออกไปในชั่วขณะนั้น จนหน้าจอคอมพิวเตอร์ดำมืดทันที เธอตะลึงเพียงชั่วครู่ ถึงได้กรีดร้องออกมาอย่างตกใจและไม่รู้จะทำอย่างไรดี “จบเห่ พวกเราถูกจับได้แล้ว!”
ชายหนุ่มตะลึงทันที “หา?”
เหตุการณ์รวดเร็วมาก ชายหนุ่มจึงค้นพบว่าโดรนที่ตนเองควบคุมอยู่นั้นใช้การไม่ได้แล้ว “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโดรนของฉัน…”
“ถูกจับได้แล้วไง รีบเผ่นเร็ว!” หญิงสาวรีบเก็บของ และยัดทุกอย่างลงกระเป๋าเป้อย่างรวดเร็ว พลันดึงชายหนุ่มให้หนีเอาตัวรอดอย่างรีบเร่ง
ทว่าเพิ่งวิ่งหนีได้เพียงไม่กี่ก้าว พลันมีคนหลายคนมาดักอยู่ด้านหน้าและกรูเข้ามาจับทันที ชายหนุ่มหญิงสาวต่างตกตะลึง ด้วยอาการหวาดหวั่นและการคิดหนี แต่เห็นอย่างชัดเจน เกิดอาการช็อกมากเกินไป จนสูญเสียสัญชาตญาณโดยสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ คือการยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
‘ปัง ปัง’ หลังจากมีเสียงดังลั่นดังสองครั้งติดแล้ว พวกนกที่อยู่ในป่าบางส่วนตกใจ จนบินกันให้ว่อน
ส่วนเกาะเล็ก ๆ ทางด้านนี้ ชายหนุ่มกำลังเริ่มสงสัยในตัวของลี่เฉินซี และเดินแยกออกจากลูกน้องใกล้ตัว เพื่อเดินเข้ามาใกล้ทางด้านหน้า “คุณjoke?”
เขายิ้มให้เล็กน้อย ทว่าลงมืออย่างกะทันหัน จัดการคว้าปืนในมือของลี่เฉินซี พร้อมทั้งยกขาขึ้นพร้อมกัน แต่ช่างน่าเสียดาย ยังไม่ทันเริ่มลงมือ กลับถูกลี่เฉินซีผลักออกไป และใช้เท้าถีบกลับไปแทน ซึ่งกระแทกตรงท้องน้อยของชายหนุ่มพอดี ตอนที่เขารับรู้ถึงความเจ็บปวด ลี่เฉินซียิ่งลงแรงหนักเพิ่มขึ้นอีก จนเตะอีกฝ่ายให้ถอยไปไกลเป็นเมตร
ลูกน้องของชายหนุ่มตื่นตระหนกทันที พร้อมทั้งหยิบอาวุธที่ติดตัวมาทุกคน และชี้ปลายกระบอกปืนสีดำมาทางลี่เฉินซี
ลูกน้องทางฝั่งนี้ก็เริ่มทำงานตามขั้นตอนได้รับมอบหมาย ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงท่าทางประกาศสงคราม จนบรรยากาศอึมครึมอึดอัด
ลี่เฉินซีราวกับไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย พลางค่อยๆ ปัดฝุ่นบริเวณชายเสื้ออย่างสง่างาม จากนั้นจึงสาวเท้าเดินไปยังผู้ชายที่นอนอยู่กับพื้นที่อยู่ด้านข้าง
ใบหน้าเย็นชาของเขาเย็นเฉียบ รูปร่างสูงใหญ่ทรงอิทธิพล ท่าทางการวางตัวมองจากด้านบนลงล่าง หรี่นัยน์ตาเข้ม ระเบิดอารมณ์โมโห “รู้สึกว่าผมไม่ใช่jokeงั้นสิ? แถมยังอยากตรวจสอบอีก?”
ชายหนุ่มตกตะลึงทันที เขาไม่คิดเลยว่าลี่เฉินซีจะฟังคำพูดตอนที่เขาพูดคุยกับลูกน้องออก ต้องทราบว่า นั่นมันเป็นภาษาของชนกลุ่มน้อย หากไม่ใช่คนในท้องถิ่น น้อยคนนักที่จะฟังออก
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ลี่เฉินซีทำธุรกิจมาหลายปี โดยพันธมิตรส่วนใหญ่มาจากทั่วทุกมุมโลก การเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมืองของพวกเขา ถือว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่เขาโปรดปรานมากทีเดียว
ในช่วงเวลานั้นเอง มีคนวิ่งเหยาะๆ มาจากที่ไกลๆ เมื่อเห็นทั้งสองกลุ่มต่างแสดงท่าทางประกาศสงครามกันนั้น ก็ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ยังถือสิ่งของในมือและวิ่งไปอยู่ใกล้ตัวลี่เฉินซี ตามสัญชาตญาณทันที
“คุณผู้ชายครับ นี่คือสิ่งที่ท่านยิงโดนครับ” ชายวัยรุ่นเป็นคนพูด และจัดการวางโดรนที่สภาพเละไม่เหลือซากที่อยู่ในมือ วางลงกบพื้น
ชายคนนั้นถึงกลับตกตะลึงทันที เดิมเขาคิดว่าลี่เฉินซีแค่ยิงขึ้นฟ้าไปตามใจเฉิบแค่เท่านั้นเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะ….
มีคนแอบถ่ายพวกเขาอยู่เหรอ?!
แถมยังถูกลี่เฉินซีจับได้อีก?!
วินาทีนั้น ชายคนนั้นเชื่อมั่นในตัวลี่เฉินซีอย่างไม่มีข้อกังขา และไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรแล้ว แค่เรื่องสองอย่างนี้ เขาก็เชื่อหมดใจ พลันรีบลุกขึ้นมา “ผมมีตาหามีแววไม่ คุณjokeใจเย็นครับ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ!”
ลี่เฉินซีไม่อยากคิดบัญชีกับเขาต่อ ได้แต่หันตัวกลับอย่างสบายๆ พลันใช้เท้าเตะโดรนที่พังไม่เหลือสภาพที่อยู่บนพื้น พลันก้าวเท้าเร็วดั่งอุกกาบาตตลอดทาง จังหวะที่เดินผ่านลูกน้องนั้น พลันสั่งการลงไป “ไปตรวจสอบมาว่าใครแอบถ่าย”
สืบเนื่องจากการแสดงท่าทางของชายคนนั้นได้เปลี่ยนไป ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงลดอาวุธลงตั้งแต่แรกแล้ว ลูกน้องพลันหันตัวมาในเวลานั้น และเดินตามในเวลาเดียวกัน พลันพูดกระซิบทันที “คนของพวกเราอยู่บนเกาะหลายเกาะในแถบนี้ และเชื่อมั่นว่าคนที่แอบถ่ายนั้นไม่มีวันหลุดรอดไปได้ คุณวางใจได้เลยครับ”