เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 876 นี่คุณเลวทรามถึงขั้นนี่แล้วเหรอ?
เสียง ‘ครืดคราด’ แต่ไม่ใช่เสียงที่ดังออกมาจากประตูอันวิจิตรตระการตา และมีคนเดินเข้ามาหลังจากนั้น ซูย้าวใช้หางตาเหลือบมอง แต่ก็มองเช่นนี้ มันทำให้เธอตะลึงทันที
คนที่เดินเข้ามา ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นเจี่ยงเวินอี๋ที่ ‘หายสาบสูญ’ ไปนานแล้ว!
เธอไม่ได้ถูกจับมัด ดังนั้นจึงเดินเข้ามาได้ด้วยตัวเอง ส่วนด้านหลังของเธอนั้น กลับมีบอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่สองคน ทั้งสองคนต่างอาวุธครบมือ ปากกระบอกปืนนั้นจี้มาบนตัวของเจี่ยงเวินอี๋ เพื่อเป็นการผลักเธอ และส่งสัญญาณให้เธอเดินไปทางด้านหน้า
เจี่ยงเวินอี๋ถูกควบคุมเอาไว้ จึงจำต้องสาวเท้าเดินทางไปด้านหน้า
ช่วงเวลาสบตากันในระยะอันสั้น ซูย้าวสังเกตได้ทันที ร่างกายของเจี่ยงเวินอี๋อ่อนแอมาก สีหน้าก็ย่ำแย่ถึงขีดสุด ซีดเผือดไม่เหมือนคนปกติ ไม่มีความอวบอิ่มสักนัก ในทางกลับกันราวกับผู้ป่วยในระยะสุดท้ายแล้ว
อาการป่วยจากโรคไตของเธอ รักษาจนหายขาดตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?!
สำหรับเรื่องที่เพิ่งพูดถึงซูย้าวได้บริจาคไตของตนเองให้กับเธอไปแล้ว แล้วทำไมถึงได้อยู่ในสภาพนี้ได้ หรือว่าอานเจียเย้นฉีดยาบางอย่างให้เธองั้นเหรอ?!
หลังจากรับรู้เรื่องแล้ว ซูย้าวสาวเท้าเขยิบเดินไปอยู่ด้านข้างเจี่ยงเวินอี๋ทันที พลันจับมือของเธอเอาไว้ “คุณเป็น…”
เจี่ยงเวินอี๋สบตาซูย้าว และเบ้าตาแดงทันที ราวกับมีคำพูดอีกร้อยแปดพันเก้า แต่เมื่อคำพูดอันมากมายมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ไม่เพียงถูกขัดขวางจากสถานการณ์อันตื่นเต้นที่เกิดขึ้น ขนาดสิ่งแวดล้อมในเวลานี้และลักษณะที่เกิดขึ้นก็ตาม ก็ไม่สามารถปล่อยให้ระหว่างพวกเธอได้รำลึกถึงความหวังกันได้เลย
“ขอโทษนะลูก ฉันไม่ดีเอง!” เธอควรจะทำตามคำสั่งของซูย้าวก่อนหน้านี้สิ โดยการออกไปเที่ยวรอบโลก และหลบซ่อนตัวอย่างไร้ร่องรอย ไม่ให้ใครคนใดเจอตัว และไม่ติดต่อกับลี่เฉินซี
แต่ เจี่ยงเวินอี๋ไม่คาดคิดเลยว่า ตนเองแค่ไปพักอยู่ในที่ใดที่หนึ่งอยู่หลายวัน ก็ถูกคนของอานเจียเย้นพบเจอตัวเข้า จากนั้นก็ถูกควบคุมตัวและโดนขัง จนมาถึงตอนนี้ ถูกขังมาสองสามเดือนแล้ว!
ซูย้าวถอนหายใจเบาๆอย่างไร้เรี่ยวแรง พลันหันตัวและใช้สายตาหันมามองอานเจียเย้นอีกครั้ง “นี่คุณคิดจะทำอะไร?”
“ก็ให้แม่ผัวลูกสะใภ้อย่างพวกคุณได้รำลึกถึงความหลังกันไง!”อานเจียเย้นพูดทันที ร่างกายไปทางด้านหลัง ท่วงท่าสง่างาม “ผมได้ให้ตัวตนและชีวิตใหม่กับคุณ คุณกลับไม่พอใจ ผู้ชายที่เคยทำร้ายคุณ คุณกลับยกเขาเป็นของล้ำค่า ขนาดนังผู้หญิงคนนี้ เคยรังเกียจจนทำให้คุณตกอยู่ในที่นั่งลำบากมาแล้ว คุณก็ยังไม่คิดรังเกียจรังงอนกับอดีตที่ผ่านมา กระทั่งยังเอาไตของตัวเองบริจาคให้เธออีก…”
อานเจียเย้นยิ่งพูดยิ่งโมโห จนสีหน้าเคร่งขรึมลงจนย่ำแย่หนักในทันที พลันใช้มือปลดเนคไทออก และหัวคิ้วผูกเป็นโบอย่างหมดความอดทน “ควรพูดว่าคุณไม่รับรู้ความเมตตาของคนอื่นดี? หรือว่าต่ำตมเหลือเกินดี?”
“อาจจะมีบางส่วน ที่ผมดีกับคุณเกินไป จนทำให้คุณรู้สึกได้คืบจะเอาศอก!”คำพูดนี้ อานเจียเย้นพูดด้วยความโกรธเคือง จึงเน้นเสียงทุกคำ
“ถ้าไม่ใช่ว่าผมย้อนตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อมั่นใจกับเรื่องราวความจริง ผมไม่กล้าจะเชื่อจริงๆเลยว่า น้องสาวอันแสนดีของผม จากมีจิตใจเมตตาเช่นนี้ ราวกับแม่พระ!”
อานเจียเย้นดึงคอเสื้อขึ้นอีกครั้ง เพราะรู้สึกโกรธเคืองอย่างหนักหน่วงจนไม่มีที่ระบายได้ และจัดการแกะกระดุม “ผู้หญิงอันแสนชั่วร้ายเช่นนี้ กระทั่งยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าแม่แท้ๆของคุณอยู่ แต่คุณกับช่วยเธอเอาไว้ ทำเพื่ออะไร? เพื่อเป็นการแสดงตนว่าเป็นคนที่จิตใจดี เพื่อไม่ให้ลี่เฉินซีเขาเกลียดคุณจนจำฝังใจใช่ไหม?”
“ทำไมคุณถึงทำตัวต่ำขนาดนี้? ไม่มีลี่เฉินซี แล้วคุณจะตายเหรอ?”
เมื่อได้ยินว่าเขากำลังกล่าวความอัปยศด้วยสีหน้าท่าทางปิดหูปิดตาด้วยความอาฆาตแค้นเคือง ซูย้าวไม่ขยับสักนิด ทว่าเจี่ยงเวินอี๋ที่อยู่ด้านข้างกลับอ้าปากพูดอย่างร้อนรน “ฉันไม่ได้ฆ่าอานโล๋ มันเป็นการเข้าใจผิด มีคนอื่นจงใจโยนความผิดมาให้ฉัน!”
เธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับการตายของอานโล๋สักนิด!
เหตุที่ได้ตรวจสอบว่าเจี่ยงเวินอี๋กำลังแวะพักที่จุดพักบนทางด่วนก่อนหน้านี้นั้น และได้มีการแคปหน้าจอกับกล้องจับภาพคนขับรถที่เป็นคนก่อเหตุ ทั้งหมดนั่นก็แค่ถูกคนจงใจจัดฉาก และโยนความผิดยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวให้
“ฆาตกรตัวจริง ก็คือหานฉ่ายหลิง เธอเป็นคนออกกลอุบายทั้งหมดนี่เองในตอนแรก ถึงได้โยนความผิดมาให้ฉัน เธอกังวลในเรื่องราวจะถูกเปิดเผย ว่าเฉินซีจะตรวจสอบมาเจอเธอ!”
แค่สามารถโยงมาหาเจี่ยงเวินอี๋ได้ ลี่เฉินซีเผชิญหน้ากับแม่แท้ๆของตัวเอง อย่างน้อยมีความเป็นไปได้ว่าต้องเอนเอียงและเข้าข้าง และคงไม่ซักไซ้ไถ่ถามเรื่องนี้แน่ กระทั่งยังจงใจปิดบังด้วย และเริ่ม ‘ช่วยเหลือ’ ‘ปกป้อง’มารดาแท้ๆของตัวเอง
หานฉ่ายหลิงติดคุกแล้ว ยังคงยืนกรานไม่ยอมจำนนกับเรื่องนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเธอรู้ดี ถ้าหากยอมรับว่าเป็นผู้บงการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ความผิดของตนเองจะอยู่ในระดับขั้นหนึ่ง คงไม่ใช่จำคุกตลอดชีวิตธรรมดาแบบนั้นแน่!
อีกทั้ง หานฉ่ายหลิงอยู่ในคุกแล้ว ถ้าเรื่องนี้จงใจลากเจี่ยงเวินอี๋ให้เข้ามาร่วมเกี่ยวข้องด้วย เช่นนั้นเรื่องราวระหว่างซูย้าวกับลี่เฉินซี จะเกิดโกลาหลขึ้นอีกครั้ง อยากจะกลับมาคืนดีกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!
“ฉันไม่ได้ฆ่าแม่แท้ๆของซูย้าว ตอนนั้นฉันรังเกียจเธอเข้าไส้จริงๆ แต่ฉันก็รู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว!”เจี่ยงเวินอี๋รีบอธิบายทันควัน
อานเจียเย้นแสดงความอึดอัดหมดความอดทน ผ่านดวงตาอย่าง พลันใช้หางตากวาดตามองมาทางบอดี้การ์ด ทางบอดี้การ์ดก็เข้าใจทันที พร้อมทั้งเขยิบขึ้นมาด้านหน้าและเอามือปิดปากเจี่ยงเวินอี๋ เพื่อไม่ให้เธอได้พูดต่อ
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว อานเจียเย้นจึงมองมาทางซูย้าว “ไม่อยากพูดอะไรบ้างเหรอ?”
“พูดอะไร?”ซูย้าวย้อนถามกลับด้วยเสียงเย็นเฉียบ “คุณอยากจะฟังฉันพูดว่าอะไร? อานเจียเย้น ตอนแรกก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณกระทำอยู่ในตอนนี้ ต่างได้รับผลกระทบมาจากเพ้ยหยู่เจี๋ย ซึ่งความเป็นคนดีจิตใจบริสุทธิ์อย่างคุณ ได้กลับกลายเป็นปีศาจคนหนึ่งไปแล้ว”
“แต่ตอนนี้ดูแล้ว มันไม่ใช่เช่นนั้นเลย คุณก็คือปีศาจร้ายมาตั้งแต่ตอน แถมยังเป็นฆาตกรอันแสนเลวทรามต่ำช้าฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาและไม่สนใจใครหน้าไหน!”
ซูย้าวโมโหจนกัดฟันพูดเน้นทุกคำ “คุณรู้สึกว่าฉันให้อภัยลี่เฉินซีได้ กระทั่งยังเคยชั่วแม่ผัวมาแล้ว มันช่างทำตัวต่ำมาก ใช่ ไม่ผิดหรอก ตัวฉันเองก็มีความรู้สึกเช่นนี้”
แต่ตอนที่ช่วยเจี่ยงเวินอี๋นั้น เธอก็แค่ไม่อยากให้มือตัวเองเปลื้อนเลือดเท่านั้นเอง ไม่อยากให้คนบริสุทธิ์ ตายเพราะตัวเอง
การผ่าตัดในการบริจาคไตให้เจี่ยงเวินอี๋ เพราะว่าเป็นทางเลือกเดียวที่สามารถทำให้เจี่ยงเวินอี๋มีชีวิตรอด และร่างกายเข้ากับไตของตัวเองได้จริงๆ อีกอย่าง ตอนนั้นเธอยังเป็นอานหว่านชิง ความทรงจำยังไม่กลับคืนมาเลยด้วยซ้ำ!
“แต่เรื่องทุกอย่างระหว่างฉันกับเธอ เมื่อสืบหาต้นตอแล้ว ก็คือปัญหาเล็กๆระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้เท่านั้นเอง เรื่องที่แม่แท้ๆของฉันตายเธอไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้อง และไม่ได้สร้างบาดแผลลึกเกินควรให้ฉันเลย การช่วยเหลือคน มันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกเหรอ?”
เมื่อเห็นหมาแมวพเนจรที่อยู่ข้างถนน ต่างรู้สึกมีจิตใจเมตตาอยากยื่นมือเข้าไปช่วย เมื่อเห็นคนรังแกเด็ก ก็จะเริ่มขับไล่คนเลว เมื่อเห็นคนอื่นหิวโหยเดินเร่ร่อนไปทั่ว ก็อยากจะซื้อข้าวอิ่มๆให้สักมือถือเป็นเรื่องปกติ…
การพบปะกับความหละหลวมที่ปกติเช่นนี้ และการแสดงน้ำใจเล็กๆน้อยๆ มันไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปหรอกเหรอ?
นอกเหนือจากความสัมพันธ์ฉันแม่ลูกระหว่างเจี่ยงเวินอี๋กับลี่เฉินซีแล้ว และตัดถึงความไม่ลงรอยระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ออกไป การเป็นผู้ป่วยในระยะสุดท้ายจึงจำต้องมีคนเข้ามาช่วยเหลือ การช่วยเหลือตามปกติ หรือว่าไม่ถูกต้องงั้นเหรอ?
ส่วนเรื่องความลงไม่รอยกันระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้นั้น ซูย้าวในปีนั้น เป็นลูกนอกสมรสของตระกูลซู แถมยังเป็นใบ้อีก และไม่มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ และไม่มีข้อดีที่แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด นอกจากเรื่องคำสั่งเสียตามพินัยกรรมเรื่องสัญญาแต่งงานจำพวกนั้นแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์แต่งเข้าตระกูลลี่ด้วยซ้ำ
เจี่ยงเวินอี๋ก็เป็นแม่เหมือนบุคคลทั่วไป ในสายตาของมารดา ลูกของตนเอง แถมยังเป็นบุคคลอันยอดเยี่ยมที่สุด และล้ำค่าที่สุด จึงรู้สึกไม่พอใจกับลูกสะใภ้อันแสนปกติทั่วไปเช่นนั้น จึงเกิดเรื่องบาดหมางเล็กๆน้อยขึ้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่สุดแล้วมั้ง!
ถ้าทุกครอบครัวต่างมีความสุขกันอย่างกลมเกลียว ไม่มีปัญหาเข้ามารบกวนจิตใจ แม่ผัวลูกสะใภ้สามารถสมัครสมานปรองดองกันได้ ราวกับแม่ลูกแท้ๆ งั้นก็ถือว่าเป็นโลกอันสวยงามสมบูรณ์แบบจริงๆแล้ว!
“จะคิดยังไงก็ตามสบายคุณเลย อานเจียเย้น ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว”ซูย้าวพูดเน้นทีละประโยค
ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น และไม่ว่าต่อไปจะเกิดเรื่องไปทิศทางไหนก็ตาม เธอก็ยังจะเลือกลี่เฉินซี
เรื่องนี้ จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อานเจียเย้นมองเธอด้วยแววตาอันเย็นชาอย่างลึกซึ้ง หลังจากเงียบงันอยู่นาน จากนั้น พลันคว้าปืนออกมาทันที ปากกระบอกปืนสีดำนั่น เล็งมาทางเจี่ยงเวินอี๋
“ถึงขั้นพูดกับคุณไม่เข้าใจสักที งั้นผมก็ต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วนะ!” เมื่อสิ้นเสียง เขาจึงเหนี่ยวไกปืนทันที
ชั่วพริบตานั้น มันช่างมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเกินคาด ซูย้าวสูดลมหายใจเย็นเข้าอย่างรีบร้อน และกระโดดไปทางเจี่ยงเวินอี๋อย่างไม่คิดชีวิต
ในชั่วเศษเสี้ยวเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เจี่ยงเวินอี๋พยายามสะบัดให้หลุดจากบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้าง เพื่อเอาตัวเองไปบังให้กับซูย้าว จังหวะที่ทั้งสองคนกำลังกอดกันกลมอยู่นั้น เจี่ยงเวินอี๋หันตัว เพื่อใช้ตัวเอง เป็นเกราะป้องกันกระสุนเม็ดนั้นที่ลอยออกมา
เสียง”ปุ๊” กระสุนยิงโดนหน้าอกของเจี่ยงเวินอี๋ พลันมีเลือดสดนับไม่ถ้วน ทะลักออกมา เลือดเหลวอันอ่อนโยน เปรอะเปื้อนเสื้อเชิ้ตของซูย้าว และทำให้ความคิดของเธอทั้งหมดทั้งหมดสั่นคลอนไปด้วย