เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 880 เขาไม่มาช่วยคุณแล้วแหละ
ตลอดทั้งคืน เป็นครั้งแรกที่ลี่เฉินซีมีความรู้สึกรับรู้กาลเวลาเหนือขึ้นอีกระดับชั้น
ทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่าน สำหรับเขาแล้ว ราวกับปลายใบมีดจิ้มอยู่ตรงคอหอย พลันเฉือนเลือดเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ และสาวเส้นเลือดออกมาทีละเส้น เหลือแค่กระดูกขาวโพลน แต่กลับใช้มีดแหลมคม ค่อยๆ ทิ่มลงทีละชิ้น
ในปีนั้นที่ซูย้าวจากไป ก็ยังทำให้เขามีความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากและเศร้าหมอง แต่ตอนนี้ยังใช้เหล้าเป็นตัวช่วย เพื่อทำให้สติเลื่อนลอย เป็นการปิดกั้นความนึกคิด จนความคิดสับสน
แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถดื่มแล้วได้ และไม่สามารถทำเรื่องผิดพลาดได้ และคอยย้ำเตือนอยู่ทุกขณะจิต แถมยังต้องลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวดจากการเสียคนที่รักไป
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ราวกับเป็นการทรมาน ราวกับการต่อสู้อยู่หลายศตวรรษ
เขาไม่ได้เจอเจี่ยงเวินอี๋มานานมากแล้ว นั่นคือมารดาแท้ๆ ของเขา และยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณให้เต็มที่ แต่ตอนนี้ กลับทำเพื่อตนเอง ให้มารดามาเสียชีวิตอยู่ต่างเมือง ขนาดศพ เขาก็ไม่สามารถไปสืบหาได้…
มีเงินทองและอำนาจมากเพียงใด แล้วตอนนี้มันมีประโยชน์อะไรกัน?
มารดาอันเป็นที่รักของเขา ผู้หญิงที่อันเป็นที่รัก ลูกๆ ที่แสนทุกข์ยาก พลันตกอยู่ในสถานการณ์คับขันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนเขา ทำอะไรได้บ้าง?
โทรศัพท์ได้รับการกำหนดสถานที่สองแห่ง เขาไม่ได้ออกตัวเดินหน้าทันที เพราะเดิมก็มีเรื่องเยอะแยะอยู่แล้ว อันดับแรกคือ เขาไม่มีเวลา เพราะวันถัดมายังมีเรื่องมากมาย อีกทั้งยังต้องจัดการด้วยตัวเอง และเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ครั้งนี้ สถานที่ได้กำหนดไว้ทั้งสองแห่ง ห่างจากเมืองA หมื่นแสนล้านไมล์ แม้ว่าเขาจะเลื่อนเรื่องด่วนไปก่อน และเริ่มลงมือ เกรงว่าใช้เวลาหนึ่งคืน ก็ไม่สามารถเดินทางถึงที่หมายได้
เขาส่งตำแหน่งทั้งสองที่นี่ให้คนอื่น ส่วนผลลัพธ์เช่นไร ตอนนี้เขาได้แต่รอคอยอย่างเดียว
การอดตาหลับขับตานอนมาทั้งคืน ในที่สุดก็เริ่มถอยออกไป ค่ำคืนถูกแสงรุ่งอรุณครอบงำ ตะวันยอแสงมาแทนที่
ราวกับกำลังระงับหมอกที่อยู่ในใจลึกๆ ไม่สนว่าจะลำบากขนาดไหน ช่วงตอนพยายามแยกหมอกควันหนาออก จนมีความหวังขึ้นมา ถึงเป็นเป้าหมายที่ทุกคนพยายามต่อสู้ไม่หยุดหย่อน
ช่วงสายของวันถัดมา ประมาณแปดเก้าโมง เขาในฐานะประธานบริษัทบริษัทลี่ซื่อ ได้มาการจัดงานแถลงข่าวขึ้น
ซึ่งไม่เหมือนเช่นเดิม การแถลงข่าวในครั้งนี้ เขาเป็นคนดำเนินการด้วยตนเอง
เว็บไซต์ทุกแขนงในเมือง รวมทั้งสำนักพิมพ์ นิตยสารในแวดวงบันเทิง พลันนั่งจนเต็มห้องโถงขนาดใหญ่อย่างเนืองแน่น แสงไฟแฟลชสาดส่องไปทั่ว ดูไม่เป็นระเบียบไปในทิศทางเดียวกัน แพรวพราวระยิบระยับอย่างยิ่ง
ก่อนงานแถลงข่าว 20 นาที หลังจากลี่เฉินซีชำระร่างกายในห้องอาบน้ำแล้ว และติดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ดบริเวณหน้ากระจก และผูกเนคไทเสร็จแล้ว โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นไม่หยุด เพราะมีโทรศัพท์และข้อความ ทั้งส่งและโทรมากันอย่างไม่ขาดสาย
แต่ชายหนุ่มยังคงไม่ทำอะไร เขาสามารถคาดการณ์เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ สงครามในครั้งนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันถึงจุดสิ้นสุดในตอนสุดท้ายแล้ว ทุกย่างก้าวต่อจากนี้ ต่างเสี่ยงอยู่ในอันตราย การต่อสู้ขั้นเด็ดขาด และเป็นช่วงสถานการณ์วิกฤต
อย่างน้อย เป็นไปตามที่เขาปรารถนา ทุกอย่างต้องจบสิ้นกันสักที ในทางกลับกัน เขาจะพาตัวเองให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ และถลำลงก้นหุบเหว
หวางอี้เคาะประตูและเดินเข้ามา ลี่เฉินซีกำลังใส่เสื้อโค้ตชุดสูท พลันหยิบโทรศัพท์กวาดตามองโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับสายและข้อความที่ไม่ได้เปิดอ่าน แต่ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด พลันจัดการปิดเสียงโทรศัพท์และใส่ในกระเป๋ากางเกงทันที
“ท่านประธานลี่” หวางอี้เดินเข้ามาหา “คุณมั่นใจว่าจะทำเช่นนี้จริงๆ ใช่ไหม? ถ้าตอนนี้รู้สึกเสียใจ ยังมีโอกาสอยู่นะครับ เพราะเรายังไม่มีอะไรเสียหายเกิดขึ้นในเวลานี้”
หวางอี้ชะงักเล็กน้อย แววตาลังเลเริ่มหวั่นไหวอยู่บ้าง กระสับกระส่ายอยู่บ้าง “ถ้าคุณยังยืนกรานเช่นนี้ ไม่เพียงทางกรรมการจะต่อต้านกลับ บริษัทลี่ซื่อของเรา ก็จะ…”
เขาไม่ได้พูดต่อ ความเป็นไปได้ในทางเลวร้ายที่สุดที่จะมาถึง ความเลวร้ายถึงพรรณนาไม่ถึง อาจจะไม่เพียงเท่านั้น
แต่ลี่เฉินซียังคงไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ กับเรื่องนี้ พอนานเข้า ถึงได้เลิกเปลือกตาขึ้น พลันพูดอย่างเฉยเมย “ทางประธานลู่เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“ยังคงติดต่อไม่ได้ และหาตัวคนไม่พบ คนของพวกเราก็ส่งออกไปแล้ว สถานที่หลายแห่งในต่างประเทศนั้นก็ไปหาแล้ว มีแค่สถานที่หนึ่งในนั้น ที่เจอรอยเลือดอยู่บ้าง และได้ส่งไปตรวจDNA แล้ว”
หวางอี้พูดมาถึงตรงนี้ พลันยื่นเอกสารในมือออกไป “ประธานลี่ ถ้าร่องรอยจากเลือดคือDNA ของประธานลู่ เกรงว่าตอนนี้ประธานลู่ คงตกอยู่ในที่นั่งลำบากอยู่ไม่น้อยตั้งแต่แรกแล้ว คุณ…คุณต้องทำใจเรื่องนี้เอาไว้ด้วยครับ”
ลี่เฉินซีไม่ได้รับเอกสารทันที กระทั่งแทบไม่มองสักนิดด้วยซ้ำ ในเกมนี้ เขาได้สูญเสียมารดา และเสียลูกชายไปแล้ว ผู้หญิงเพียงคนเดียว อาจจะ…
ตอนนี้บวกเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาไปอีกคน พอลองถามใจดู ถ้าเขาไม่ยอมทำต่อ แล้วจะเต็มใจได้อย่างไร?!
หวางอี้จ้องมองสีหน้าของถมึงทึงของเจ้านาย ในใจย่อมไม่มีความรู้สึกอะไร และไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม แค่เดินตามลี่เฉินซีออกไปด้านนอกตลอดทาง
ห้องโถงที่อยู่ชั้นล่าง คลาคล่ำไปด้วยบรรดานักข่าวที่กำลังมองเห็นลี่เฉินซีปรากฏตัวในเวลานี้ พร้อมทั้งลุกขึ้นจากโต๊ะ พร้อมทั้งนำโมโครโฟนแย่งจ่อจนแออัดยื่นมาทางเขา แสงไฟส่องและเครื่องบันทึกเทป ต่างเริ่มทำงานอย่างอัตโนมัติ
“ท่านประธานลี่ครับ ไม่ทราบว่าข่าวเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับคนหลายสิบกว่าตระกูลในประเทศ ทางบริษัทลี่ซื่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการคาดเดาของผู้คนและมีการพิสูจน์แล้วหรือไม่ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะคุณคอยสั่งการควบคุมอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่?”
“เมื่อเร็วๆ นี้ ธุรกิจของหลายตระกูลในประเทศ และราคาหุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบหนัก ฉุดขึ้นฉุกลง มีเพียงบริษัทลี่ซื่อที่รอด ไม่ทราบว่าการใช้วิธีการนี้ และแผ่ข่าวออกไปต่างประเทศสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเกี่ยวข้องกับบริษัทลี่ซื่อหรือไม่?”
บรรดานักข่าวต่างแย่งกันพูด มีคำถามจำนวนไม่น้อย และถามอย่างไม่ยั้ง “ประธานลี่ครับ โครงการประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์อ้าวไห่ก่อนหน้านี้ และมีคนที่รู้เรื่องนี้ดีออกมาเปิดเผยว่า ทางอ้าวไห่ไม่มีโครงการประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ และมีคนออกมาเผยความจริง มีคนตั้งคำถามนี้กับคุณ กระทั่งถึงขั้นไม่เสียดายแม้จะถูกต่อต้านจากคณะกรรมการหลายท่านของบริษัทลี่ซื่อ เพื่อความสะดวกในเรื่องธุรกิจส่วนตัว ไม่ทราบว่าความจริงมันเป็นเช่นไรบ้างครับ?”
“เดิมคุณเป็นคนค่อนข้างถ่อมตัวอยู่เสมอ และเคยพูดชมตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่าการทำธุรกิจมันเป็นงานชนิดหนึ่ง ถ้าสามารถสร้างความสุขต่อส่วนรวมได้ ถือว่าเป็นความปรารถนาของคุณ แต่ตอนนี้กลับมีร่องรอยต่างๆ แสดงให้เห็นแล้ว คุณใช้ประโยชน์จากชื่อบริษัทลี่ซื่อ และบริษัทอีกร้อยกว่าบริษัท ในการทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้หรือครับ?”
……
คำถามของบรรดานักข่าวต่างมีพร้อมทุกอย่าง โดยส่วนใหญ่แล้วคือการเกี่ยวพันกับ “ข่าวอื้อฉาวของตระกูลใหญ่” โครงการ ‘เหมืองแร่คาลาเวอไรต์’ เรื่องหลายเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องถกประเด็นกันอย่างมาก ในระยะนี้ ถูกกล่าวถึงกันอย่างหนาหูถึงขั้นหนักสุดภายในประเทศ
ลี่เฉินซีเผชิญหน้ากับนักข่าวที่อยู่ด้านหน้าอีกไม่ทั่ว สีหน้าอันเย็นชาไร้ความรู้สึก และขมวดคิ้วไว้แน่น ท่ามกลางความสับสน
เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา แต่เสียงนักข่าวที่ดังระงมอยู่ทางด้านหน้านั้น ต่างโยนคำถามเข้ามาทุกรูปแบบ และไม่รอคอยคำตอบของเขา เพียงเหมือนทำเป็นคำบอกเล่า จนกระจายข่าวไปทั่ว
ไม่ง่ายเลยที่หวางอี้กับทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้พยายามอย่างยิ่งยวดในการเอาใจบรรดานักข่าว ลี่เฉินซีเตรียมพูดออกไป ส่วนในห้องโถงนั้น กลับเกิดสถานการณ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
พลันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่ชุดเครื่องแบบเต็มยศหลายนายเดินเข้ามาเรื่อยๆ การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ย่อมได้รับความสนใจจากบรรดานักข่าวทันที พลันถ่ายรูปกันอยู่ตลอด เพื่อจับภาพช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมนี้เอาไว้
แววตาลี่เฉินซีเคร่งขรึมลงทันที ดูเหมือนว่า สิ่งที่ควรมาก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
“ท่านประธานลี่เฉินซี คุณในฐานะท่านประธานของบริษัทลี่เฉินคนปัจจุบัน เนื่องจากมีคดีการลักลอบสินค้าเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและคดีอื่นๆ อีก จึงต้องควบคุมตัวของเขาเป็นกรณีพิเศษ ขอความกรุณาให้ความร่วมมือด้วยครับ”
เมื่อสิ้นเสียงอีกฝ่ายแล้ว พลันเดินนำหน้าขึ้นมา และปรากฏกุญแจมือให้เห็นอย่างชัดเจน พลันล๊อกกุญแจมือของลี่เฉินซีทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายดึงเขาทันที เดินฝ่าฝูงชนมุ่งหน้าไปทางด้านนอกทันที
ภาพการแถลงข่าวที่ถูกจับกุมตัวเช่นนี้ กลายเป็นภาพอันยอดเยี่ยมของบรรดานักข่าวที่คอยเก็บภาพนั้น ภาพนั้นค้างอยานยาวนาน และปรากฏภาพข่าวตามเพจต่างๆ บนข่าวของนิตยสารทันที และทำให้ซูย้าวที่อยู่ไกลแสนไกลในต่างแดนก็เห็นภาพนั้นอย่างชัดเจน
การจัดงานแถลงข่าวถ่ายทอดสดของบริษัทลี่ซื่อที่เกิดขึ้นในเมือง A ซูย้าวมองเห็นภาพหน้าจอทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น พลันขมวดคิ้วอยู่ตลอด เพราะว่าเป็นห่วงและร้อนใจ แต่กลับซีดเผือด ไร้สีเลือดบนหน้า
พลันมีเสียงพูดข้างหู อานเจียเย้นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ และพูดออกมาในเวลานี้ “เห็นหรือยัง? เขาถูกจับแล้ว ไม่สามารถมาช่วยคุณได้อีกแล้ว ตายใจยัง!”
“ทางนี้ผมจัดการได้พอประมาณแล้ว ต่อไปเป็นช่วงเวลาอันสุขสงบของพวกเราแล้ว เพื่อสะดวกในการดูแลเด็กในท้อง และสะดวกในการวางแผนวันข้างหน้าของพวกเรา มีสถานที่ไหนที่อยากไปไหม?”
ซูย้าวค่อยๆ หันตัวไปตามเสียง เมื่อมองชายหนุ่มท่วงท่าอันสง่างามนั่งอยู่บนโซฟา พลันกัดริมฝีปากอย่างทำอะไรไม่ถูก
อานเจียเย้นค่อยๆ ใช้สายตาประเมินเธอ สุดท้าย จึงหยุดอยู่ท้องน้อยที่ยังคงราบเรียบอยู่ในเวลานี้ “เด็กคนนี้ คลอดออกมาเถอะ! ถ้าทำแท้ง มันจะส่งผลเสียกับร่างกายของคุณมากเกินไป”