เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 883 เหมือนได้ชีวิตใหม่
“ศัลยกรรม?”อานเจียเย้นพูดคำนี้ออกมาด้วยท่าทางเยาะเย้ย ราวกับได้ยินเรื่องน่าขำสิ้นดีอย่างไรอย่างนั้น แต่พอดวงตาคมเข้มมองมา แววตาสับสนได้หายไป เขาได้เอื้อมมือมาจับข้อมือของซูย้าวไว้อย่างแรงอีกครั้ง”อยากรู้ความจริง ก็ไปกับผม!”
“เด็กก็จะไปด้วย!”เขาพูด แล้วหันไปกวักมือและเรียกเด็ก”มานี่ มาร์ก”
มาร์ก?!
ซูย้าวฟังชื่อที่น่าเกลียดนี้แล้วหันไปมองเด็กอีกครั้ง ก็เห็นเขาวิ่งเข้าไปหาอานเจียเย้นอย่างเร็ว แถมยังจูงมือของผู้ชายอย่างเป็นธรรมชาติและก็เรียก”แดดดี๊”คำหนึ่ง
อานเจียเย้นตั้งใจก้มลงไปจูบที่แก้มของเด็กทีหนึ่ง”ที่นี่มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย ตอนนี้ เราย้ายไปอยู่ที่อื่นกับแดดดี๊ชั่วคราวก่อนดีมั้ยครับ?”
เด็กพยักหน้าเบาๆ แถมยังพูด”ครับ!”อย่างเบาเสียงคำหนึ่ง
“ส่วนคุณน้าคนนี้ รอไว้แดดดี๊ค่อยหาเวลาบอกกับลูกนะครับ เธอสำคัญกับลูกและแดดดี๊มาก”เขาพูดต่อ
เด็กได้พยักหน้าอีกครั้ง”ครับ ผมรู้แล้วครับ!”
ช่างเป็นเด็กเชื่อฟังและโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นเด็กดีและจริงจังมาก เหมือนลี่หมิงในอดีตมาก แต่ว่า………..ชื่อ มาร์กคือยังไง?อีกอย่าง ทำไมหมิงเอ๋อถึงไม่รู้จักตัวเองล่ะ?!
ถ้าไม่ใช่เอาคนนอกมาศัลยกรรมปลอมเป็นเขา นั้นก็ต้องถูกอานเจียเย้นลบความทรงจำแน่ๆ
ระหว่างที่เธอกำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่นั้น อานเจียเย้นได้ลุกยืนไปแล้วหันมามองเธออีกครั้ง”จะไปกับผมและลูก หรือว่าจะอยู่รอความตายพร้อมกับอดีตสามีที่นี่ต่อ?”
ดวงตาคมสวยของซูย้าวได้หรี่ตาเบาๆ เธอมีทางให้เลือกด้วยหรอ?
ในเมื่อเด็กคนี้อาจเป็นไปได้ว่าคือลี่หมิง ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องตามเด็กคนนี้ไปทุกที่ !
“ฉันไปกับคุณ!”เธอกัดฟันพูดด้วยเสียงต่ำ
อานเจียเย้นกลับยิ้มอย่างพึงพอใจบางๆ แล้วส่งสายตาให้กับลุงไชลด์ เพื่อส่งสัญญาณให้เขารีบไปเตรียมการ
อันที่จริงแล้ว ลุงไชลด์ไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรเลย เพราะได้เตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว รออานเจียเย้นเก็บของในห้องทำงานแป๊บเดียว ทุกคนก็ขึ้นไปบนตึกโดยตรง
ตึกสูงระฟ้า บนดาดฟ้าได้มีเฮลิคอปเตอร์จอดรอตั้งนานแล้ว หลังจากที่ทุกคนทยอยขึ้นไปหมด คนขับก็ทำตามหน้าที่ ขับออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
พวกเขาท่าทางรวดเร็วและเร่งรีบมาก เลยทำให้หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งตึกก็ถูกตำรวจล้อมไว้หมด
ทยอมคมตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง และอพยพผู้คนออกไป คนขอตำรวจก็เริ่มค้นหาทั้งตึกอย่างกว้างขวาง
“คุณลี่ครับ”หัวหน้าทีมที่อยู่แนวหน้าได้เรียกลี่เฉินซีไว้”เป็นเพราะคุณให้ความร่วมมือกับทางเรามาตลอด และได้ให้เบาะแสเราไม่น้อย เพราะอย่างนี้ ทางเราถึงยอมให้คุณเข้ามามีส่วนร่วมในการจับกุมครั้งนี้ คุณน่าจะรู้พวกนี้ใช่มั้ยครับ?”
ลี่เฉินซีพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้ เขาได้ร่วมมือกับตำรวจช่วยโม่หว่านหว่านกับเซียวไน่ออกมาได้สำเร็จ เวลานี้ ขอแค่ช่วยซูย้าวออกมาได้แล้วจับกุมอานเจียเย้นได้ นั้นเรื่องทั้งหมดก็จบลงได้!
“แต่ยังไงซะ คุณไม่ใช่คนของเรา ระหว่างที่สองฝ่ายปะทะกัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดสถานการณ์อุบัติเหตุหรือบาดเจ็บ เพื่อป้องกันเรื่องนี้ เราแนะนำว่าคุณอยากเข้าไปเลยครับ แต่เห็นที คุณเองก็คงไม่ฟัง”
การที่หัวหน้าทีมได้อยู่กับลี่เฉินซีมาลายวันนี้ ไม่เพียงแค่รู้รูปคดี และยังรู้ความสัมพันธ์ของตัวประกันกับเขาด้วย คิดแล้ว เลยยื่นเสื้อกันกระสุนให้เขาไปชุดหนึ่ง”คุณใส่นี่ไว้ก่อน เดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามออกตัวก่อนนะครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเถอะครับ!”
ลี่เฉินซีพยักหน้าอีกครั้ง แล้วสวมชุดกันกระสูนอย่างเร็ว หลังจากนั้นก็เดินตามผู้กองกับทีมขึ้นไปบนตึก
ตรวจค้นทั้งในและนอกตึกอย่างละเอียด ได้จับกุมคนไว้ได้มากมาย เว้นแต่ไม่มีอานเจียเย้นกับซูย้าว
บนดาดฟ้ามีร่องรอยของเฮลิคอปเตอร์เคยลงจอด เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องได้ข่าวแล้วหนีไปก่อนแล้วแน่ ส่วนจะมุ่งหน้าไปทางไหน ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด
ผู้กองได้สั่งการลูกน้องสารพัดอย่าง สิ่งที่ยังต้องค้นหาตรวจสอบยังมีอีกมากมาย และอีกอย่าง ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้หลักฐานอะไรเลย จับกุมลูกน้องได้เยอะขนาดนี้ แถมยังสามารถเก็บข้อมูลที่อานเจียเย้นลักลอบผิดกฎหมายจากในคอมของบริษัทได้ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญทั้งนั้น
ระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังยุ่งกับการเก็บหลักฐานพวกนี้อยู่นั้น ลี่เฉินซียืนอยู่ข้างๆ คอยคิดดูทั้งเรื่องนี้อย่างละเอียด โดยเฉพาะการปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้ เหมือนจะราบรื่น………..เกิดไป!
แค่หลังสอบถามอานเจียเย้นก็พาซูย้าวหนีไปเลย
แต่กลับทิ้งบริษัทใหญ่โตนี้ไว้ และแถมหลักฐานที่เห็นชัดเจนขนาดนี้ คนอย่างเขาจะโง่ขนาดนั้นเลยหรอ?
นี่มันจนปัญญาไม่มีแผนแล้วจริงหรอ ไม่มีทางอื่นแล้วงั้นหรอ?!
เขายิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ แล้วลองตรวจดูรอบๆ ทันใดนั้น เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง รีบคว้าผู้กองกับคนอื่นๆ “รีบถอยครับ!มีอันตราย!”
ผู้กองตกใจ ถึงแม้เขายังไม่ได้สังเกตถึงสิ่งผิดปกติ แต่ก็ยอมเชื่อใจลี่เฉินซี แล้วรีบสั่งคนอื่นๆ ถอย พอแบบนี้ คนทั้งทีมก็พากันวิ่งออกมาจากตึกอย่างอลหม่าน
ระหว่างนี้มันชุลมุนวุ่นวายมาก มีบางคนไม่ระวังทำของหล่น กำลังจะไปเก็บนั้น ลี่เฉินซีวิ่งมาจากด้านหลังพอดี ไม่ทันคิดอะไรก็ลากตัวคนที่ก้มอยู่ที่พื้นแล้วพาวิ่งออกมาจากตึก
ระหว่างที่ทุกคนวิ่งออกมายังไม่ทันจะหายใจนั้น ตึกสูงใหญ่ด้านหลังจู่ๆ ก็’ปึ้มๆๆ ‘ดังต่อเนื่องขึ้นหลายครั้ง ตึกสูงระฟ้าได้ระเบิดพังถล่มลงมาในพริบตา
ระเบิดดังต่อเนื่อง เสียงเศษกระเบื้องเศษปูนพังลงมาเสียงดัง ตามมาด้วยไฟที่ลุกโชน รวดเร็วจนเกินความคาดคิด
หัวหน้าทีมตกใจจนอึ้ง ถอนหายใจเศร้า เสียใดที่ไม่ทันนำเอกสารและคอมพิวเตอร์ออกมาให้ได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่ลืมตกไหล่ของลี่เฉินซี”ไม่ว่ายังไง เมื่อกี้ ต้องขอบคุณๆ มากเลยนะครับ!”
ถ้าไม่มีการเตือนของลี่เฉินซี ตอนนี้ คนพวกนี้ ก็คงถูกฝังไปกับหลักฐานพร้อมกับตึกไปแล้ว
คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกโชคดีที่รอดตาย พร้อมกันนั้นก็เสียใดที่ต้องเสียหลักฐานไปมากมาย แต่ลี่เฉินซีกลับสีหน้าเศร้าหมอง นึกถึงซูย้าวในตอนนี้ ถูกอานเจียเย้นพาไปที่ไหนแล้วกันแน่?
ผู้กองเองก็กำลังลังเลกับเรื่องนี้อยู่ แล้วสั่งการให้คนไปตรวจสอบทันที ตรวจสอบทรัพย์สินและที่ดินที่อยู่ภายใต้ชื่อของอานเจียเย้นทุกอย่าง แม้แต่ทุกคนที่ใกล้ชิดและรู้จักกับเขาก็ห้ามเว้นแม้แต่คนเดียว!
ตอนนี้ นอกจากตรวจสอบพวกนี้แล้ว ความหวังเดียวก็คือ……..
มือที่กำมือถือไว้ค่อยๆ แน่นขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลาดูเงียบขรึม แววตายิ่งดูเคร่งเครียด
……
เฮลิคอปเตอร์ได้นำพาทุกคนมุ่งไปทางๆ หนึ่ง
ระหว่างทาง อานเจียเย้นกอดซูย้าวไว้ตลอด ถึงเธอจะไม่พอใจยังไง แต่พอมองเด็กที่อยู่ข้างของผู้ชายแล้ว ก็ได้แต่ต้องยอมทนเอาไว้
ตลอดทาง เสียงกำลังบินของเฮลิคอปเตอร์รบกวนเสียงดังมาก เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเฮลิคอปเตอร์บินมาถึงไหน ตอนลงจอด คือบนเขาแห่งหนึ่ง
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดอยู่ครู่หนึ่ง รอทุกคนลงจากเครื่องแล้ว ก็ได้บินจากไป
ที่ไม่ไกล มีบ้านอยู่หลังหนึ่ง ราวกับคฤหาสน์อย่างไรอย่างนั้น รอบๆ คือฟาร์มที่กว้างขวาง และยังมีฝูงวัวฝูงแพะเดินกินหญ้าอยู่เป็นจุดๆ ยังมีแพะอีกหลายตัว มองมาทางนี้อย่างระมัดระวัง และยังทำเสียขู่หลายที
ลุงไชลด์นำเดินไปทางคฤหาสน์ไปก่อน พูดกับคนที่เดินออกจากด้านในไม่กี่คำ ฝ่ายตรงข้ามก็รีบเข้ามาโค้งคำนับอานเจียเย้นอย่างเคารพ
สีหน้าของอานเจียเย้นเย็นชาไม่ยิ้มเลย และไม่สนใจใดๆ ได้แต่กอดซูย้าวไว้และจูงมือเด็กเดินเข้าไปในคฤหาสน์โดยตรง
เจ้าของบ้านเหมือนจะเป็นแค่ผู้ดูแลของที่นี่ เขาได้ชงกาแฟมาให้ทุกคนอย่างอารมณ์ดี แล้วเอาพายสตรอเบอรี่ออกไปให้เด็กชิม ต่อจากนั้นก็ขึ้นไปเก็บกวาดห้องแล้ว
อานเจียเย้นจูงมือเด็กไว้”มาร์ก ออกไปเล่นกับตาเขาก่อนนะครับ ข้างนอกมีสัตว์น้อยมากมายเลยนะครับ!”
เด็กพยักหน้าอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จูงมือลุงไชลด์ออกไปกับเขา
หลังจากแยกเด็กออกไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของอานเจียเย้นก็หันไปมองซูย้าวอย่างเย็นชา แขนที่โอบเอวเธอไว้ก็แน่นขึ้น แล้วดึงเธอมาใกล้เขาอย่างตั้งใจ ใช้มือข้างหนึ่งจับคางเธอไว้”รู้รึเปล่า ว่าที่ที่เราเพิ่งจากมาตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
แววตาของซูย้าวดูซึมๆ ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“อันที่จริง ถ้าเราออกมาช้าหน่อย คุณจะได้เห็นสุดที่รักอดีตสามีของคุณด้วยนะ!”เขาพูด
ซูย้าวทำหน้าตกใจ หันมามองเขาด้วยสายตาตะลึง”คุณทำอะไรกับเขา?”
“ทำอะไรเขา?”อานเจียเย้นย้ำคำพูดของเธอ แววตาเหลือทนกลายเป็นคลื่น”เขาถือว่าฉลาดดี ขนาดระเบิดยังรอดชีวิตออกมาได้ แต่ว่าคุณลองทายดูซิ ว่าต่อจากนี้เขาจะทำอะไรต่อ?”