เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 887 หม่ามี๊นี่โง่จริงๆ เลย
วิลล่าบนเกาะเยอะมาก แทบจะไม่ต่างกับเมืองใหญ่ที่หรูหราเลย แทบจะมีครบครันหมด แต่แค่ไม่มีอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว และไม่มีอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ เลย
คงจะกลัวว่าเธอจะติดต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นจึงได้จงใจปิดกั้นสัญญาณมั้ง
แม้แต่ซูย้าวเข้าออกที่ไหน ล้วนมีบอดี้การ์ดหญิงคอยติดตามตลอด แทบจะไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวเลย
แต่ยังไงก็ยังคือตัวประกัน มีสวัสดิการแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะคาดหวังอะไรอีก?
ซูย้าวได้ปรึกษาหารือกับบอดี้การ์ดหญิงอยู่นานมาก สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าได้ใช้วิธีอะไร สรุปก็คือได้เครื่องเล่นเกมแบบเก่าของเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมาเครื่องหนึ่ง
เก่ามาก ต้องเสียบการ์ดเกมถึงจะสามารถดำเนินการได้ แถมยังเป็นเครื่องเล่นเกมที่ต้องใส่ถ่านด้วย
เป็นของที่ใกล้จะเป็นวัตถุโบราณได้แล้ว แต่พอซูย้าวเห็นแล้วก็ได้เผยรอยยิ้มที่ชื่นมื่นออกมาอยู่ดี
ตอนที่เธอถือเครื่องเล่นเกมไปที่ห้องของเด็ก เด็กกำลังหมอบอยู่บนเตียงและนั่งหนังสืออย่างจริงจังอยู่ ซูย้าวได้เดินไป พอมองดูดีๆ แล้วถึงพบว่านั่นไม่ใช่หนังสือธรรมดา แต่เป็นหนังสือภาษาอาหรับ
ซูย้าวอ่านไม่ออกสักตัว ภาษาที่เธอเป็นก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น กลับกัน เด็กที่อายุยังน้อยกลับหมอบอยู่ที่นั่น ดูอย่างจริงจังมาก ถึงขั้นเธอเข้ามาเด็กก็ยังไม่รู้เลย
“หมิงเอ๋อ” ซูย้าวส่งเสียงและยื่นเครื่องเล่นเกมให้เขา “นี่เป็นของที่ผมอยากได้หรือเปล่า?”
นาทีที่เด็กเห็นเครื่องเล่นเกม แววตาได้เปล่งประกายขึ้นมาทันที รีบหลีกเลี่ยงหนังสือเล่มนั้นพร้อมลุกขึ้นมาเอาเครื่องเล่นเกมโดยตรง “อืมๆ !”
“ของแบบนี้ ไม่สามารถเชื่อมเน็ตได้ แถมมีเกมอยู่ไม่มากเท่าไหร่ สนุกจริงเหรอ?” ซูย้าวถาม
เด็กกลับพูดว่า “ผมชอบครับ!”
ในขณะที่เด็กพูดก็ได้รีบลงจากเตียง แล้วดึงซูย้าวออกไปข้างนอก “ขอบคุณๆ น้าครับ ผมจะเล่นเกมแล้ว น้าออกไปเถอะครับ!”
เด็กคอยผลักเธออย่างไม่ขาดสาย ผลักเธอออกจากห้องแล้วปิดประตู จากนั้นเด็กได้รีบหันหลังแล้วเปิดเครื่องเล่นเกมอย่างจริงจัง
หลังจากผ่านการดำเนินการซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้าย เครื่องเล่นเกมได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง บนหน้าจอสีฟ้า ไม่ใช่เพจและเนื้อหาของเกมอีก แต่เป็นรหัสที่ซับซ้อนมากคอยเด้งอยู่ เด็กได้กรอกอะไรสักอย่าง หลังจากดำเนินการอย่างรวดเร็วเสร็จก็ได้ออกจากเพจอีกครั้ง
หลังจากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ก็คือเพจเล่นเกมธรรมดาแล้ว เด็กได้กอดเครื่องเล่นเกมไว้ พิงอยู่ที่ขอบเตียงแล้วเริ่มเล่นเกมอย่างจริงจังขึ้นมา
ส่วนในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ลี่เฉินซีที่อยู่ไกลถึงต่างประเทศได้รับข้อมูลลึกลับ พอเปิดดูแล้วคือตัวเลขทั้งแถว แถมเป็นพิกัดของสถานที่ด้วย
หลังจากที่ได้ค้นหาดูในแผนที่ เป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งพอดี
ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมของเขาได้เผยรอยยิ้มออกมาทันที ได้ถอนหายใจอย่างมื่นชื่นทีหนึ่ง พร้อมกับไปแจ้งข่าวนี้ให้หัวหน้าทีทันที แล้วเริ่มเตรียมการวางแผนงานอย่างเร่งด่วน
ในห้องอ่านหนังสือของวิลล่า อานเจียเย้นนั่งพิงอยู่บนโซฟา บนใบหน้าหล่อเหลามีหนังสือเล่มหนึ่งคลุมเอาไว้ เหมือนได้นอนหลับไป ร่างกายไม่ขยับเขยื้อนเลย
ลุงไชลด์ยกกาแฟเข้ามาให้ พอเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็อดเอาผ้าห่มมาคลุมให้เขาไม่ได้ ทันใดนั้นอานเจียเย้นได้ตื่นเพราะความเคลื่อนไหวของลุงไชลด์
เขาเอาหนังสือที่คลุมอยู่บนใบหน้าออก แววตาคมเข้มเผยความเหนื่อยล้าออกมา ได้ยินลุงไชลด์พูดว่า “ไปพักผ่อนเถอะครับ!ไม่ได้นอนหลับดีๆ มาหลายวันแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อ ร่างกายจะทรุดได้นะครับ”
อานเจียเย้นแค่ยิ้มอย่างเรียบเฉย จู่ๆ ไม่รู้นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาได้พูดว่า “เหมือนเรื่องมาจนถึงวันนี้ คนที่เป็นห่วงผมจริงๆ ก็มีแค่ลุงเคุณผู้ชายั้น……”
“เฮ้อ” ลุงไชลด์ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เธอได้หาเครื่องเล่นเกมให้มาร์กครับ คุณชาย ผู้หญิงคนนี้กับเด็กคนนี้ จะเก็บไว้ไม่ได้อีกจริงๆ ครับ!”
อานเจียเย้นขมวดคิ้วขึ้น “เครื่องเล่นเกมเหรอ?”
“ใช่ครับ”ลุงไชลด์ตอบ
เขายิ้มอย่างเรียบเฉย ดึงผ้าห่มที่ขาออกแล้วลุกเดินไปริมหน้าต่าง ลุงไชลด์ที่อยู่ด้านหลังได้พูดอย่างหมดความอดทนอีก “คุณชายใช่ว่าไม่รู้สักหน่อยว่าเด็กคนนั้นฉลาดมากแค่ไหน แค่เครื่องเล่นเกมธรรมดาเครื่องเดียว เขาก็สามารถติดต่อกับโลกภายนอก คราวก่อนเกิดเรื่อง ก็เด็กคนนี้แหละที่แอบส่งข่าวไปให้ภายนอก!”
ลุงไชลด์ไม่เข้าใจเลยจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าสะกดจิตนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะลบความทรงจำของเด็กล้มเหลว เด็กคนนี้เป็นเด็กที่รับมือยากมาก ขืนปล่อยเอาไว้ต่อ จะมีความหมายอะไรอีก!
“ที่ผ่านมาคุณชายเคยโหดเหี้ยมกับคนมากมาย ไม่นึกเลยว่าตอนนี้เพื่อผู้หญิงคนนี้กับเด็กคนนี้แล้ว……พวกเขาล้วนไม่ใช่ของคุณชายเลย แล้วจะฝืนไปทำไมครับ?”
อานเจียเย้นฟังลุงไชลด์จู้จี้จุกจิกไปเยอะมาก ผ่านไปสักพัก ถึงค่อยๆ หันกลับมา “บางทีลุงอาจจะพูดถูก”
“แต่จะทำยังไงล่ะ?”อานเจียเย้นก้มหน้าลง ดวงตาที่หลุบเอาไว้ไม่ได้เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้อีก กลับกันยังค่อนข้างเหนื่อยล้า “ผมอยากลองดูว่าจะไปรักยังไง รู้สึกนอกจากไม่ทำร้ายแล้ว ยังควรจะใจกว้างยอมรับผู้อื่นและเข้าใจด้วยสินะ!”
“อาจจะวิธีก่อนหน้านี้ของผมล้วนทำผิดหมด ทุกอย่างนี้ล้วนผิดหมด แต่ผมคิด……ถ้าเกิดสามารถเปลี่ยนมาดีขึ้นล่ะ?”
ลุงไชลด์อึ้งแล้วอึ้งอีก หลังจากดึงสติกลับมาก็อดถอนหายใจอีกไม่ได้ “จะสามารถเปลี่ยนมาดีขึ้นเหรอครับ?เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว!ทำอะไรไว้ก็ได้รับอย่างนั้น ถึงเธอไม่เกลียดคุณชาย แต่ก็ไม่ยอมรับคุณชายเด็ดขาด เด็กคนนั้นก็เหมือนกัน”
“คุณชายสามารถเรียนรู้ว่าจะรักยังไง และสามารถมีความสุขมาก ล้วนได้ทั้งนั้น ผมจะช่วยคุณชายหมด แต่คุณชายครับ อย่าเก็บแม่ลูกคู่นี้ไว้อีกเลย เดี๋ยวพอเรื่องนี้ผ่านไป คุณชายจะเจอผู้หญิงคนอื่น ครั้งนี้จะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีก คุณชายรักกับเธอดีๆ มีลูกมีเต้าด้วยกัน ถึงเวลา เธอจะสอนให้คุณชายรู้เองว่ารักคืออะไร จริงๆ นะครับ!”
อานเจียเย้นได้ส่ายหัวเบาๆ “มันสายไปแล้ว”
ลุงไชลด์ค่อนข้างมึน พอคิดดูอย่างละเอียด ถึงได้อุทานอย่างประหลาดใจ “หรือว่า คุณชายหลงรักเธอเข้าแล้วจริงๆ ?จริงเหรอครับ?”
ไม่ต้องให้อานเจียเย้นพูดอะไร ลุงไชลด์ก็รีบส่ายหัวทันที “ไม่ ไม่มีทางเด็ดขาด!”
เด็กที่เขาเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก อานเจียเย้นสิบกว่าขวบก็มาที่ข้างกายเขาแล้ว แค่พริบตาเดียวก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าจะต้องไปรักยังไง รวมทั้งแฟนทั้งหลายในอดีตที่ผ่านมา ก็เขาคอยสอนอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้น เขาไม่รู้เลยว่ารักคืออะไร แล้วจะ……
“เอาล่ะ เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ลุงออกไปก่อน ผมพักผ่อนสักพัก” อานเจียเย้นพูด
เห็นๆ อยู่ลุงไชลด์ยังมีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่น แต่ก็รู้ว่าเวลานี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงได้แต่หยุดเอาไว้ จากนั้นได้กำชับอีกหลายคำถึงออกมาจากห้องอ่านหนังสือ
แววตาเศร้าหมองของอานเจียเย้นมีความซับซ้อนโผล่ขึ้นมา หลังจากที่ประตูห้องอ่านหนังสือปิด คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้โทรหาเบอร์ส่วนตัวเบอร์หนึ่ง หลังจากรับสายแล้ว เขาได้เคาะอยู่ที่บนหน้าจอสองที ก็ได้จบสายสนทนาลง
ถ้าเขาคำนวณไม่ผิด ที่นี่กำลังจะเกิดเรื่อง เขาก็อยู่ต่ออีกไม่ได้แล้ว
คืนนี้ ซูย้าวกอดหมอนไว้ใบหนึ่ง ก็ไม่สนว่าบอดี้การ์ดหญิงคอยติดตามอยู่ เธอได้มาถึงที่หน้าห้องของเด็ก พอยื่นมือเคาะประตูเสร็จถึงพูดว่า “น้าเข้าไปได้มั้ยครับ?”
ด้านในไม่มีเสียงใดๆ เลย ซูย้าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้ผลักประตูเข้าไปในห้อง
บอดี้การ์ดหญิงไม่ได้ตามเข้าไปด้วย แค่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง
ในห้องมืดสนิท แต่กลับมีแสงอ่อนๆ สว่างออกมาจากใต้ผ้าห่ม เธอเดินไปที่ขอบเตียง ดึงผ้าห่มออกเบาๆ ก็เห็นเด็กที่เล่นเกมอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอขมวดคิ้วทีหนึ่ง “เกมอันนี้สนุกขนาดนี้เลยเหรอ?”
เด็กไม่สนใจเธอ กลับกันได้พลิกตัวแล้วหมกมุ่นกับการเล่นเกมต่อ
ซูย้าวเอาหมอนไปวางไว้ข้างๆ เอียงตัวนอนลงกับเด็ก มองเด็กข้างกายที่ยังคงหมกมุ่นกับเล่นเกมของตนเองอยู่ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นได้เรียกหยั่งเชิงคำหนึ่ง “หมิงเอ๋อ?”
“ผมความจำเสื่อมจริงหรือเปล่า?” ซูย้าวเอียงตัวมองแผ่นหลังของเด็ก “หม่ามี๊เป็นหม่ามี๊ของลูกไง ลูกมีพี่ชายคนโตชื่อเจิ้งเอ๋อ ยังมีน้องสาวฝาแฝดที่ชื่อซีซีอีก ลูกลืมไปหมดแล้วเหรอ?”
“ยังมีพ่อของลูกอีก เขาคือ……”
ไม่รอให้ซูย้าวได้พูดต่ออีก จู่ๆ เด็กได้พลิกตัวมาอย่างไว แล้วเอามือปิดปากของเธอไว้ เด็กได้กดเสียงให้ต่ำลง “ไม่ต้องพูดแล้ว!หม่ามี๊นี่เป็นหม่ามี๊ที่โง่เขลาจริงๆ !”
“ผมก็ต้องอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พูดไม่ได้ แดดดี๊เป็นคนบอกผมเอง หม่ามี๊นี่โง่จริงๆ เลย เฮ้อ……”
ซูย้าวมึนไปในชั่วขณะ ทั้งเซอร์ไพรส์และดีใจ เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าลี่หมิงน่าจะไม่ได้ความจำเสื่อม ไม่งั้นจะขอเครื่องเล่นเกมกับเธอได้อย่างไง แถมยังใช้สายตาแบบนั้นมองเธออีก?
“จำไว้ ผมไม่รู้จักหม่ามี๊ หม่ามี๊ก็อย่ามาสนิทสนมกับผมขนาดนี้ เดี๋ยวรอให้แดดดี๊มาถึงแล้ว เขาจะอธิบายให้หม่ามี๊เอง!”ลี่หมิงได้พูดอย่างรวดเร็วคำหนึ่ง เสร็จแล้วก็ได้ผลักเธอลงไป พร้อมถือโอกาสเอาหมอนของเธอโยนให้กับเธอ แถมยังจงใจพูดเสียงสูง เหมือนจงใจให้คนข้างนอกได้ยิน “ออกไป ผมไม่อยากนอนกับคุณน้าที่แปลกหน้า!”