เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 898 เชื่อเขาหรือไม่
หลังจากการเดินทางเพื่อธุรกิจ ลี่เฉินซีใช้เวลาอันสั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ เขาไม่สนใจเรื่องการพักผ่อนใดเลย ทันทีที่งานเสร็จสิ้น เขาก็รีบกลับมาในชั่วข้ามคืน
ตอนที่เขากลับมาเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ซูย้าวยังคงหลับใหลอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเตียงทรุดลง มืออันเย็นเฉียบของชายหนุ่มสัมผัสมาที่เธอ ลมหายใจอันคุ้นเคยนั้นต่อให้ไม่ต้องลืมตาขึ้นมาก็เดาได้ว่าเป็นใคร
“กลับมาแล้วเหรอคะ?”
เสียงอันเกียจคร้านของเธอแทบแหบแห้ง เธอขยี้ตาก่อนจะลืมตาขึ้น กำลังจะเอามือคล้องไปที่คอเขา ก็ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า “ใจเย็นๆ รอผมสักครู่ เดี๋ยวจะทำให้คุณกับลูกๆ หนาวเอาได้”
ขณะที่เขาพูดก็ได้หันหลังกลับเข้าไปในห้องน้ำ ซูย้าวนั่งนิ่งอยู่สองสามวินาที ทันใดนั้นรูม่านตาของเธอก็ขยายกว้างขึ้น เธอพยายามพยุงท้องโตของเธอเดินไปที่หน้าต่างดีไซน์สูงจากพื้นจรดเพดาน เธอเลิกม่านขึ้น เป็นจริงดังนั้น เธอพบว่าในถนนที่ทอดยาวออกไปนั้นมีรถลึกลับสองคันจอดอยู่
ดูเหมือนว่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ไปไม่นาน น่าจะมีใครอยู่ในรถ
คนเหล่านั้นไม่ได้ถอยกลับไป พวกเขายังคงจ้องมองมาอยู่ กล่าวคือ……การคาดเดาอย่างที่สองของเธอนั้นถูกต้อง!
ซูย้าวยกมือขึ้นกุมช่วยหน้าผากของเธอไว้อย่างช่วยไม่ได้ บางทีเธออาจกังวลเกินไปชั่วขณะ ทำให้สมองของเธอวิงเวียนเล็กน้อย มาถึงตรงนี้แล้ว เธอยังไม่เชื่อลี่เฉินซีอีกเหรอ?
ไม่ เธอเชื่อเขา!
แต่ว่า ถ้าหาก……
ถ้าเขาต้องการปกป้องเธอกับลูกจริงๆ และเขาต้องเข้าไปแทนที่ทุกอย่างที่อานเจียเย้นมีก่อนที่จะตาย นั่งอยู่ในตำแหน่งJoke และกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของรุ่นนี้ แล้ว……
แม้ว่าเขาจะเก็บความลับได้ดี ทำตัวไม่โดดเด่น แต่ชีวิตของเขาจะแตกต่างอะไรกับอานเจียเย้น เขาต้องสละชีวิตเอาตัวเองมาอยู่ในนั้น
ต่อให้เป็นการป้องกัน เพราะหมดหนทาง แต่ทางเลือกก็คือทางเลือก บางสิ่งเมื่อได้สัมผัสกับมันแล้วก็ยากที่จะกำจัดทิ้งไป หากความปลอดภัยของทุกคนและมาด้วยความเสียสละของเขา เช่นนั้น……
ซูย้าวไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป ราวกับว่าจิตใจของเธอแบ่งเป็นสองฝั่งไปชั่วขณะ ฝ่ายหนึ่งเตือนเธอให้เชื่อใจเขาและไม่ควรเดาสุ่มไปเอง ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเตือนเธอว่าลี่เฉินซีไม่ใช่คนที่เธอรู้จักแล้ว!
เธอควรจะทำอย่างไร?
เธอครุ่นคิดไปมาอย่างสับสน น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
ลี่เฉินซีพูดขึ้นพลางก้าวเข้ามาใกล้เธอแล้วเหยียดแขนไปโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาโน้มตัวไปที่ไหล่ของเธอ สูดดมความหอมกรุ่นของเธออย่างตะกละตะกลาม “รอเจ้าตัวเล็กเหล่าคลอดออกมาก่อน เราจะจัดงานแต่งงานและไปฮันนีมูนทันที ผมแทบจะทนไม่ไหวแล้ว!”
ซูย้าวหมดสิ้นความผ่อนคลายสบายใจก่อนหน้านี้ไป ในใจเธอตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล เธอหันไปมองใบหน้าที่หล่อเหลาและน่าเกรงขามของชายคนนั้น ซึ่งมันทับซ้อนกับร่างที่เธอตกหลุมรักเขาเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอหลับตาลงอย่างอ่อนแรง
ในที่สุด เธอก็กลืนคำถามเหล่านั้นลงไป
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากถาม แต่ที่จริงเพราะเธอกลัวที่จะได้ยินอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะจากปากเขา ความจริงบางทีก็น่ากลัวเหลือเกิน!
ตอนนี้ทุกอย่างได้มาอย่างยากเย็น ตัวเธอราวกับจมอยู่ในน้ำผึ้ง ความสุขดังกล่าวทำให้เธอชื่นชอบ มันเป็นความฝันที่เธอไม่อยากตื่นขึ้นมา
เธอหันกลับไปกอดเขา “คุณรู้ว่าฉันรักคุณมาก รักมากจริงๆ……”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลี่เฉินซีงุนงงเล็กน้อย เขาใช้มือยกแก้มเธอขึ้น “ผมรักคุณเหมือนกัน ที่รัก เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
เธอส่ายหน้าอย่างลังเล “ไม่มีอะไรค่ะ คุณเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ไม่มีอะไรครับ งานยุ่งมาก เล็กๆ น้อยๆ มากมาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเล่าให้คุณฟังอย่างละเอียด” เขาพูดพร้อมเอนตัวไปอุ้มเธอกลับไปที่เตียงใหญ่
หลังจากกอดเธออยู่ทั้งคืน ในเช้าวันรุ่งขึ้นลี่เฉินซีถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ หลังจากที่หยิบขึ้นมาดูจึงรู้ว่าเซียวไน่คลอดลูกแล้ว เป็นฝาแฝดชายหญิง
ซูย้าวก็มีความสุขมากเช่นกัน “โอกาสจะได้ลูกแฝดหรือแฝดสามมีน้อยมาก ดูเหมือนว่าคุณและประธานเจียงจะโชคดีมากเลยนะคะ!”
“คุณกับอาไน่ก็เหมือนกัน!” เขาหันกลับมาจูบเธอที่หน้าผาก “เตรียมตัวกันเถอะครับ เราไปดูเจ้าตัวเล็กกัน”
ซูย้าวพยักหน้าและค่อยๆ ไปที่ห้องน้ำจากความช่วยเหลือของลี่เฉินซี
ตราบใดที่เขายังอยู่ที่บ้านและดูแลเธอ ก็ไม่ต้องให้พี่เลี้ยงเข้าไปแทรกแซง เขาดูแลเธอด้วยตัวเอง ซึ่งมันไม่ต่างจากคนรับใช้เลย ตั้งแต่ดูแลซูย้าวอาบน้ำแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ลงไปกินข้าวกับลูกๆ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าทั้งสองกำลังจะไปโรงพยาบาลเพื่อดูเด็กน้อย พวกเขาก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที
ซีซีถึงกับขว้างตะเกียบทิ้งไปอย่างจงใจ “เด็กทารกก็เหมือนลิงแรกเกิด น่ารักตรงไหน? ทำไมทุกคนถึงชอบนัก?”
การแสดงออกของลี่เจิ้งและลี่หมิงก็ไม่ดีเท่าไหร่ ราวกับว่าพวกเขากำลังประท้วงอยู่
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เจี่ยงเวินอี๋พยายามเกลี้ยกล่อมเด็กสามคนที่อยู่ข้างๆ เธอ แต่ก็ยังไม่เป็นผล ท้ายที่สุดซีซีจึงทำหน้ามุ่ยและวิ่งกลับขึ้นไปชั้นบน ลี่หมิงกับลี่เจิ้งก็เดินตามน้องสาวของพวกเขาไป
เหลือเพียงสามคนในห้องอาหารอันใหญ่โตนี้ เจี่ยงเวินอี๋รักหลานๆ ของเธอเสมอ แต่หญิงชราก็ลำบากใจเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ “จะว่าอย่างไรดี? เจิ้งเอ๋อเจ้าเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาโดยเฉินซีกับฉัน เด็กคนนี้ถูกแยกออกจากซูย้าวตั้งแต่วัยเด็กและไม่ค่อยได้รับความรักจากแม่มากนัก”
“ซีซีกับหมิงเอ๋อไปอีก เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้รับความรักจากพ่อ เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นระหว่างพวกเรา ลูกๆ ขาดความรัก จึงกลัวว่าถ้ามีน้องเพิ่มขึ้นมาอีก พวกเขาจะต้องมานั่งแย่งความรักนี้!”
เจี่ยงเวินอี๋พูดอย่างจริงจังและตบลงไปหลังมือของซูย้าวเบาๆ “ยกโทษให้เด็กๆ เถอะนะ! เมื่อเจ้าตัวเล็กเกิดมาพวกเขาจะชินไปเอง”
ซูย้าวพยักหน้าและยิ้ม “แม่คะ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ทุกคนเป็นลูกของเรา ไม่ว่ายังไงก็เป็นเลือดเนื้อของเรา พวกเราจะไม่ลำเอียงอย่างแน่นอน เด็กๆ เหล่านี้เป็นอย่างไร ฉันและเฉินซีรู้ดีค่ะ ดังนั้นพวกเราจะยังคงรักพวกเขาเหมือนเดิมเสมอ”
“ดีแล้ว ดีแล้วล่ะ!”
อันที่จริงซูย้าวและลี่เฉินซีได้วางแผนไว้เป็นการส่วนตัวว่า รอให้ลูกๆ ที่จะเกิดใหม่เหล่านี้หย่านมแล้ว เธอก็จะหาเวลาพาลี่เจิ้งไปเที่ยวสักพัก เพื่อชดเชยความรักของแม่ที่ขาดหายไป
สำหรับลี่หมิงและซีซี ลี่เฉินซีจะใช้เวลาช่วงนี้พาลูกชายกับลูกสาวไปเที่ยวอย่างสนุกสนาน เขาจะพยายามชดเชยสิ่งที่เขาเคยติดค้างลูกๆ เอาไว้ในอดีต
นี่เป็นแผนการของผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเด็กก็คือเด็ก ลี่เจิ้งอายุเพียงสิบเอ็ดขวบเท่านั้น เขาจะเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างไร?
เมื่อโตขึ้นหน่อยเขาก็คงจะเข้าใจเอง
ลี่เฉินซีและซูย้าวเดินทางไปโรงพยาบาล ระหว่างทาง เธอสังเกตเห็นรถที่วิ่งตามหลังออกไปไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้สะกดรอยตาม มันคืออะไรกันแน่?
อีกทั้งยังแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ดูเหมือนว่าทางตำรวจได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าพวกเขากำลังสืบสวนลี่เฉินซีอย่างละเอียด แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องใหญ่เช่นนี้ ในสายตาของเขาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากว่าเธอไม่ถาม เขาก็จะไม่อธิบายอะไรอย่างนั้นเหรอ?
เธอไม่เข้าใจความคิดผู้ชายคนนี้จริงๆ หรือว่าเธอคิดมากไปเอง บางทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นแต่เป็นเรื่องอื่น?
สมองของซูย้าวเต็มไปด้วยความสงสัย อารมณ์ของเธอไม่ดีมาตลอดทาง เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วย ก็พบเซียวไน่ที่เพิ่งตื่นขึ้นด้วยใบหน้าอันอ่อนแอ
เซียวไน่เพิ่งคลอดบุตร เธอยังไม่มีแรงในตอนนี้ เจ้าหน้าที่พยาบาลฉีดยาให้เธอและให้น้ำเกลือ เมื่อเธอเห็นซูย้าวก็พยายามลุกขึ้นนั่งสนทนากับหล่อน
เจียงจี้เซิงนั่งอยู่ข้างๆ อุ้มลูกสาวคนโตในอ้อมแขนของเขา เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนูก็ไม่พอใจ และเหล่ไปมองดูทารกน้อยสองคนในเปลเป็นครั้งคราวด้วยความโมโห “พ่อคะ ต่อจากนี้พ่อจะไม่รักหนูแล้วเหรอ?”
เมื่อลี่เฉินซีได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกคุ้นหูเป็นที่สุด
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะครับ ลูกเป็นลูกสาวคนโตของพ่อ เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของพ่อนะ!” เจียงจี้เซิงเกลี้ยกล่อมลูกสาว
เด็กหญิงตัวน้อยเหลือบมองเบ้ปากอย่างร้อนรน “ก่อนหน้านี้พ่อเคยพูดว่าแม่เป็นสิ่งล้ำค่าของพ่อ ใช่หนูที่ไหน? หนูพอจะมองออกแล้วล่ะค่ะ ต่อจากนี้หนูคงเป็นเด็กผู้น่าสงสารที่พ่อไม่รัก เป็นเหมือนผักกาดขาวที่อยู่ในดิน……”
ลี่เฉินซีที่กำลังฟังอยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาเอนตัวไปลูบแก้มเด็กน้อย “ไม่หรอกครับ พ่อกับแม่จะยังรักหนูมากเหมือนเดิม และหนูก็จะมีน้องชายน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อพวกเขาโตขึ้นก็จะรักพี่สาวคนนี้มากเช่นกัน มันไม่เลวเลยนะ!”