เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ - บทที่ 239 ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป
- Home
- เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์
- บทที่ 239 ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป
เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 239 ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป
เฮเลนพูดไม่ออกเมื่อถูกตำหนิ แอรี่และมาร์คได้จบบทสนทนาของพวกเขาพอดี มาร์คจึงเดินมาหาแอเรียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและดึงแอเรียนกลับ พอไปถึงที่รถ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า “กลับไปที่คฤหาสน์เทรมอนต์”
ไบรอันไม่เข้าใจว่าบรรยากาศปัจจุบันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไรในเมื่อตอนที่พวกเขามาถึงที่ร้านอาหารพวกเขายังดี ๆ กันอยู่เลย แต่เขาก็ทำได้เพียงฮัมเสียงตอบรับเพราะไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้
แอเรียนไม่ได้รู้สึกผิดอะไรจึงถามมาร์คไปตรง ๆ ว่า “แอรี่พูดอะไรกับคุณ? ทำไมคุณถึงได้หน้าบูดราวกับฝนจะตกเช่นนี้?”
มาร์คไม่ได้ตอบคำถามแต่เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังรำพึงในความคิดเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “วันที่เกิดอุบัติเหตุจนเธอแท้ง เธอไปทำอะไรกับวิลในรถ?”
แอเรียนรู้สึกหนักใจเล็กน้อยเพราะไม่ต้องการที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น “วันนั้นเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะคุณเพิ่งซื้อบริษัทเขาไป เขาจึงเรียกฉันให้ไปหาเพื่อระบาย แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้บอกฉันหรอก เราแค่คุยกันเรื่อยเปื่อย หลังจากนั้นเขาก็ไปส่งฉันที่ออฟฟิศ ฉันกำลังออกจากรถตอนที่แอรี่มาชนฉัน คุณจะพูดถึงเรื่องนี้ทำไม? คุณต้องการให้ฉันเตือนคุณว่าคุณเป็นคนช่วยแอรี่ปกปิดเรื่องนี้และทำให้คนขับรถของเธอต้องรับผิดแทนเธอหรอ?”
“บอกความจริงผมมา ผมแค่ต้องการให้คุณตอบคำถามผม” น้ำเสียงของมาร์คดุขึ้น
“ฉันบอกคุณแล้วว่าเราแค่พูดคุยกัน คุณจะให้ฉันพูดว่าอะไรอีก?” แอเรียนตอบอย่างสับสน แต่พอนึกได้ว่าอารมณ์ของมาร์คต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่แอรี่พูดเธอจึงถามว่า “แอรี่บอกคุณว่าอะไร? ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณกำลังโกรธอะไรถ้าคุณไม่บอกฉัน?”
มาร์คหันไปมองออกหน้าต่างราวกับว่าเขาลำบากใจที่จะพูดมันออกมา หรือเขาอาจจะไม่อยากพูดถึงมันก็ได้ แอเรียนหายใจเข้าอย่างแรง “เธอบอกคุณว่าฉันคิดจะทำสิ่งที่ไม่ดีกับวิลใช่ไหม? ขอร้องละ เราอยู่ตึกออฟฟิศฉัน ผู้คนผ่านไปมามากมาย เธออาจจะไม่มีความละอาย แต่ฉันมี ฉันไม่มีวันทำสิ่งที่เธอทำได้หรอก อย่างเช่นให้ท่าสามีของพี่สาวตัวเอง ต่อให้ฉันเคยทำสิ่งที่ไม่ดีมา แต่ฉันไม่มีวันเอาชนะเธอในเรื่องนี้ได้หรอก”
มาร์คเงียบไปพักนึงก่อนที่เขาจะพูดว่า “แอรี่ไม่ได้บอกว่าเธอกับวิลกำลังทำอะไรกันอยู่…แอรี่แค่บอกว่าเธอกับวิลกำลังกอดกันอย่างลึกซึ้งจนพวกเธอไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าแอรี่เป็นคนชนเธอ”
แอเรียนเริ่มเห็นในสิ่งที่แอรี่นั้นใส่ความไว้จนอยากจะกลับรถไปต่อว่าเธอ “คุณก็เชื่อในสิ่งที่เธอพูดหรอ? เธอยอมรับว่าเป็นคนที่ชนฉันด้วย ถูกไหม? ถ้าเช่นนั้นฉันขอถามหน่อย คุณช่วยเธอตั้งแต่แรกทำไมถ้าคุณเองก็รู้ดีว่าเธอเป็นคนชนฉัน? และยังจะช่วยเหลือพวกคินซีย์ด้วย คุณยังมีหน้ามาโกรธฉันอีกหรอ? ทุกอย่างที่คุณเคยทำมันเหมือนกับแทงข้างหลังฉันด้วยซ้ำ!
“ฉันบอกคุณแล้วว่าอดีตก็คืออดีต เลิกพูดถึงมันได้แล้ว! พูดแล้วมันมีอะไรดีขึ้นหรอ? ฉันไม่เคยเถียงหรือเอาชนะคุณได้ แต่คุณกลับด่วนสรุปทุกครั้งที่คุณไม่พอใจโดยไม่บอกรายละเอียดฉันเลย ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป!”
ไบรอันที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับไม่แม้แต่จะกล้าหายใจ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นแอเรียนโกรธอย่าง “รุนแรง” และนี้ก็เป็นครั้งแรกในหลายปีที่เขาทำงานให้กับครอบครัวเทรมอนต์มาที่เขาได้เห็นคนที่กล้าพูดกับมาร์คเช่นนี้ เขาคิดว่ามาร์คจะต้องต่อกลับแน่นอน แต่มาร์คเองก็ไม่ได้อยู่ในลุคที่ดุของเขา ตอนนี้เขามองไปที่แอเรียนพร้อมกันสีหน้าที่เหวอ ๆ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าแอเรียนจะมีอารมณ์นี้กับเขาด้วย
เมื่อแอเรียนรู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันเริ่มอึดอัดแปลก ๆ เธอก็เริ่มที่จะรู้สึกผิด เมื่อกี่เธอเผลอหงุดหงิดมากไปหน่อยจนไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ไม่ระเบิดได้ แต่เพื่อปกป้องตนเองและไม่ให้คนอื่นรับรู้ได้ว่าเธอขี้ขลาดเธอจึงจำเป็นที่จะต้องแสดงต่อ “คุณ… พูดมาสิ คุณคิดอะไรอยู่? คุณช่วยแอรี่ตั้งแต่แรกทำไม? ฉันว่าอะไรคุณที่คุณไปช่วยพวกคินซีย์ไม่ได้หรอก เพราะนั้นมันเงินคุณ แต่คุณทำไปทำไม? ทำไปเพื่ออะไร? ฉันต้องการคำอธิบาย… แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ว่าคำตอบคุณจะเป็นเช่นไร ฉันรับได้หมด อย่างที่ฉันบอก อดีตก็คืออดีต แต่ฉันมีสิทธิ์ที่จะได้รู้เรื่องนี้!”
พอมาร์คเห็นว่าแอเรียนนั้นจริงจังมากเขาก็เริ่มที่จะคิดหาคำตอบ สุดท้ายเขาก็ได้ข้อสรุป “ผมช่วยแอรี่เพราะต้องการยั่วโมโหเธอ เช่นเดียวกับที่ผมช่วยเหลือพวกคินซีย์ แต่ผมช่วยเหลือพวกคินซีย์เพื่อ… ผลประโยชน์ด้วย”
มีคำตอบไหนในโลกนี้ที่ตรงกว่านี้อีกไหม? แอเรียนทั้งรู้สึกผิดและโมโห “ว้าว อย่างนี้ฉันต้องขอบคุณคุณที่ไม่ชอบแอรี่รึเปล่า? ทั้งหมดแค่เพื่อยั่วโมโหฉัน ฉันควรดีใจใช่ไหม? แล้วยังได้ผลประโยชน์ซะด้วย–ยิ่งปืนนัดเดียว แต่กลับได้นกสองตัว เริ่ด!…”