เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ - บทที่ 353 ศึกชิงสร้อยคอหยดน้ำตา
- Home
- เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์
- บทที่ 353 ศึกชิงสร้อยคอหยดน้ำตา
เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 353 ศึกชิงสร้อยคอหยดน้ำตา
แอเรียนอยู่ในห้างสรรพสินค้าและกำลังเลือกเสื้อผ้าของทารกแรกเกิดที่แผนกแม่และเด็ก ชุดเล็ก ๆ ทุกตัวดูน่ารักมาก เธอแทบจะมุ่งความสนใจไปที่เสื้อผ้าเด็กสีชมพูตัวเล็ก ๆ โดยสัญชาตญาณเพราะสิ่งที่แมรี่พูดก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการที่เธอมีแนวโน้มที่จะท้องเด็กผู้หญิง ยิ่งมองเธอก็ยิ่งปฏิเสธพวกมันไม่ลง เธอถูกล่อลวงมากจนเกือบจะซื้อสินค้าทั้งร้าน
ทิฟฟานี่เอื้อมมือมาลูบท้องของแอเรียน “จึ ๆ ลูกเธอยังไม่เกิดด้วยซ้ำแต่เธอกลับดูเหมือนคุณแม่คนนึงไปแล้ว ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกไม่นานเธอก็ได้เป็นแม่คน เวลาผ่านไปไวเสียจริง ถ้าเป็นฉันนะ เธอจะไม่ต้องออกมาเดินเหนื่อยซื้อของแบบนี้หรอก ทำไมไม่รอให้มาร์คออกจากโรงพยาบาลก่อน? เขาจะได้มากับเธอ การมีส่วนร่วมของเขาไม่อาจทำได้จากห้องส่วนตัวเขานะ นั่นจะเป็นการปล่อยอิสระให้เขาง่ายเกินไป”
คำพูดของเธอทำให้แอเรียนตะลึงจนแอเรียนเขินหน้าแดง แอเรียนรีบเอามือปิดปากทิฟฟานี่ “หยุดเลย อย่าพูดตามใจปากตัวเองแบบนี้ตลอดสิ เธอคิดหรอว่าคนอย่างเขาจะมาที่แบบนี้เพราะต้องซื้อเสื้อผ้าเด็ก? ฉันยังไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึงวันนั้นเลย”
ทิฟฟานี่นึกภาพมาร์คที่มีสีหน้าของคนเป็นพ่อที่รักลูกตนเองยืนเลือกเสื้อผ้าให้กับลูก ๆ เขาทันที เธอขนลุก “เธอพูดถูด ลองซื้อแบบสุ่มสักสองสามชิ้นก็ได้ แล้วฉันจะเดินเล่นกับเธอ เครื่องทำน้ำอุ่นที่บ้านฉันเสียฉันเลยต้องกลับเร็วเพื่อไปซ่อมมัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะบ่นฉันอีก”
ทั้งคู่เดินจากแผนกแม่และเด็กไปยังแผนกเครื่องประดับ เครื่องประดับที่ขายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ล้วนอยู่ภายใต้แบรนด์เทรมอนต์ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีแต่ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเขา ลูกค้าก็ยังคงแห่มาไม่หยุด สุดท้ายแล้วมันเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่มีมานานหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องอื้อฉาวเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงไม่สามารถทำให้ลูกค้าเกลียดชังพวกเขาได้
แววตาของทิฟฟานี่ติดอยู่ที่สร้อยคอเส้นนึงโดยไม่อาจละสายตาได้ สร้อยคอเส้นนั้นทำจากทองคำขาวฝังด้วยพลอยไพลินขนาดเล็กบนจี้ มันมีรูปร่างเหมือนหยดน้ำตาและถึงแม้ว่ามันจะมีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่มันก็ดูน่าตื่นตามาก หากมันถูกสวมด้วยเสื้อผ้าที่เข้าสีกันมันจะสวยงามมาก เธอหยุดยั้งตัวเองไม่ได้ที่จะเรียกหาพนักงานขาย “ขอดูเส้นนี้ได้ไหม?”
พนักงานขายซึ่งแต่งกายด้วยเครื่องแบบของเธอที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตเหลือบมองไปที่ทิฟฟานี่และแอเรียน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ “สร้อยคอเส้นนี้มีราคาที่ค่อนข้างจะแพงนะ ฉันเอาให้คุณดูอย่างเดียวไม่ได้หรอก และก็ให้ลองไม่ได้แน่นอน ฉันจะให้คุณดูก็ต่อเมื่อคุณแน่ใจว่าจะซื้อมันนะคะคุณผู้หญิง”
แอเรียนก้มหัวลงมองเสื้อผ้าตนเอง — ชุดคนท้องสีขาว ไม่ได้ติดยี้ห่ออะไร รองเท้าเธอก็เป็นรองเท้าที่ราคามาตรฐาน โดยรวมเสื้อผ้าที่เธอใส่มีราคาไม่เกิน 2,000 ดอลลาร์ แต่ทิฟฟานี่นั้นใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายกว่าเธอเยอะ นี่พวกเธอเพิ่งโดนเมินอย่างงั้นหรอ?
ทิฟฟานี่เบิกตากว้างด้วยความโกรธ “คุณหมายความว่าอย่างไง? ฮืม? คุณคิดว่าเราไม่มีปัญญาซื้อเส้นนี้หรอ? ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะซื้อมันไม่ถ้าหากคุณไม่ให้ฉันดูด้วยซ้ำ? ดูสิ ทุกคนในนี้สามารถลองได้ ทำไมฉันถึงลองไม่ได้ละ? คุณให้ลูกค้าดูและลองสินค้ามูลค่าหลักล้านด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คุณมาทำตัวสูงส่งแค่เพราะฉันขอดูสร้อยราคาหลักหมื่นอย่างงั้นหรอ? คุณเคยเห็นหมาทำตัวสูงส่งต่อหน้ามนุษย์ไหม?”
พนักงานขายคนนั้นกลอกตาใส่ทิฟฟานี่แล้วก็โยนมารยาทตัวเองทิ้งไป “กรุณาลดเสียงของคุณด้วยค่ะคุณผู้หญิง ถ้าคุณไม่มีปัญญาซื้อก็อย่ามามองมันให้เสียเวลาเลย แค่เพียงคุณมองแว้บเดียวก็ตีเป็นราคาได้นะคะ ฉันกลัวว่าป่านนี้คุณคงจะเสียทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวคุณไปแล้ว ถ้าคุณเดินออกไปและเลี้ยวขวาคุณจะเจอร้านหนึ่งดอลลาร์ คุณควรจะไปหาซื้อของในนั้นดีกว่านะคะ”
แอเรียนขวมดคิ้ว เธอกำลังจะพูดขึ้นเมื่อเสียงของผู้หญิงที่เงียบสงบและไพเราะดังเข้ามา “ฉันเอาสร้อยเส้นนี้ ห่อให้ฉันด้วย”
ทิฟฟานี่และแอรียนหันไปมองพร้อมกันและพบผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดรัดรูปสีแดง ถือกระเป๋าสีเดียวกันและสวมรองเท้าส้นเข็มสีแดงด้วย ผมของเธอถูกม้วนเป็นคลื่นที่หยาบและใบหน้าของเธอก็ไม่มีการแต่งหน้าที่สวยงามมากพอที่จะปกปิดความหยาบของรอยหยนที่ฝังลึกบนใบหน้าของเธอได้ เธอช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ นีน่า มอร์แรน ผู้ซึ่งรักสีแดงเช่นกัน
พนักงานขายยิ้มและรีบหยิบสร้อยเส้นนั้น เธอไม่ลืมที่จะหันมายิ้มเยาะเย้ยทิฟฟานี่และแอเรียนด้วย รอยยิ้มของเธอมีแสดงถึงความเหนือกว่าและความยั่วยุ
แอเรียนขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปคว้าสร้อยคอเส้นนั้นมาจากมือของพนักงานขาย “ขอโทษนะ พวกเราเล็งสร้อยนี้ก่อน ฉันจะซื้อมัน”
สีหน้าของผู้หญิงในชุดสีแดงเปลี่ยนไป “เธอไม่มีปัญญาไม่ใช่หรอ? จะยังเสียเวลาที่นี้อีกทำไม? เลิกเสแสร้งเพื่อทำให้คนอื่นประทับใจซะ ฉันรีบ ขอบคุณ”
พอเห็นอย่างนั้น พนักงานขายก็ดึงสร้อยคอกลับและทิฟฟานี่ก็พูดว่า “อย่าได้แตะตัวแอรินะ เธอท้องอยู่ และที่สำคัญ เธอเป็นคนที่จะตัดสินใจว่าสร้อยเส้นนี้จะถูกขายหรือไม่หรือถูกขายให้กับใคร!”
พนักงานขายจ้องทิฟฟานี่ด้วยความเย็นชาและพูดอย่างรังเกียจว่า “เธอน่ะเหรอจะเป็นคนตัดสินใจ? คุณช่างกล้าพูดเนอะ ถ้าขืนคุณยังทำตัวแบบนี้ไม่เลิกฉันจะเรียก รปภ.”
ร่างสูงเดินผ่านฝูงชนเข้ามาหาพวกเขา “ทำไมเธอยังไม่ซื้อมันอีก? มีเรื่องอะไรกัน?”
ดวงตาของทิฟฟานี่หรี่ลงโดยสัญชาตญาณ เธอกลัวเกินกว่าที่จะมองตาชายคนนั้น โดยปกติแล้วเธอจะไม่เป็นคนที่ก้มหัวลงในเวลาแบบนี้
อีธานสวมชุดสูทสีดำและสวมนาฬิกาแบรนด์ดังราคาแพงที่ข้อมือของเขา เขามีภาพลักษณ์ของชนชั้นสูงจากหัวจรดปลายเท้า แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสไตล์เด็กที่ไร้เดียงสาของเขาในอดีต เมื่อมองแวบแรกเขาดูเหมือนเจ้าพ่อธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จหรือเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาสังเกตเห็นทิฟฟานี่และแอเรียนก่อนที่สายตาของเขาจะจ้องมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะขยับไปที่สร้อยคอในมือของแอเรียน
“ทั้งคู่สนใจในสร้อยคอเส้นนี้ พอฉันเห็นว่าเขาใช้เวลานานมากกว่าจะซื้อมัน ฉันเลยบอกให้พนักงานไปห่อมันให้ฉัน ฉันไม่นึกว่าพวกเขาจะมาขวางการซื้อของฉันค่ะคุณคอนเนอร์…” ผู้หญิงในชุดสีแดงบ่นอย่างเสียใจ
อีธานตัดจบด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายก่อนที่เธอจะบ่นเสร็จด้วยซ้ำ “ไปห่อมันให้ฉัน” — เขาชะงักเป็นเวลาสองวินาทีและมองไปที่ทิฟฟานี่ — “เอามันให้ผู้หญิงคนนั้น”