เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ - บทที่ 381 ได้โปรดแต่งงานกับฉัน
- Home
- เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์
- บทที่ 381 ได้โปรดแต่งงานกับฉัน
เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 381 ได้โปรดแต่งงานกับฉัน
ที่โต๊ะทานข้าว แอเรียนหมุนสปาเก็ตตี้บนจานอย่างกระสับกระส่ายด้วยส้อมขณะที่เธอเหลือบมองมาร์คที่กำลังดื่มด่ำกับอาหารมื้อเย็นของเขา หลังจากที่อดกลั้นมานานในที่สุดเธอก็พูดว่า “บางที… ฉันควรไปหาทิฟฟ์ที่โรงพยาบาล ยิ่งฉันประวิงเวลานานเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นเท่านั้น”
มาร์คหยุดการเคลื่อนไหวของส้อมเขา “เธอจะไปจริงเหรอ?”
แอรียนรู้ดีว่ามาร์คอาจไม่ค่อยอยากเจออีธานเท่าไหร่เนื่องจากพวกเขาเป็นพี่น้องกัน การได้เห็นอีธานจะทำให้ความทรงจำที่ไม่พึงประสงค์กลับคืนมาอย่างแน่นอน
“ฉันจะรีบกลับมา ไม่ว่าอีธานจะประสบอุบัติเหตุจริง ๆ หรือไม่ เขาก็คงไม่สามารถทำอะไรฉันในโรงพยาบาลได้ ถูกไหม? ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณกังวลขนาดนั้นคุณก็ให้ไบรอันไปกับฉันหรือส่งบอดี้การ์ดสองคนติดตามฉันไปก็ได้” แอเรียนประนีประนอมอย่างเต็มที่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอมีความมุ่งมั่นที่จะไปโรงพยาบาลแค่ไหน
“เดี๋ยวฉันไปกับเธอเอง กินให้หมด” มาร์คพูดอย่างเยือกเย็นพร้อมตักเนื้อใส่จานให้เธอ
การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกผิดมากกว่าเดิม ท้ายที่สุดเธอเคยบอกเขาว่าเธอไม่ต้องการเห็นหน้าเขาอีกตอนที่เธออยู่ในโรงพยาบาลหลังจากที่เธอแท้ง แอเรียนสงสัยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรในตอนนั้น นั่นทำให้เขาเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยหรือเปล่า? แม้ว่า แอรี่ คินซีย์ จะเป็นคนที่ผิดเรื่องที่เธอแท้ง แต่มันอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่มาร์คต้องการแม้เขาจะมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับแอรี่ก็ตาม
แอเรียนก้มหัวลงเพื่อที่มาร์คจะได้ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอ ความรู้สึกที่ไม่ได้พูดถึงเป็นเรื่องที่ปกติระหว่างสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าเธอจะโกรธแค่ไหน ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะหย่ากันจริง ๆ และเธอออกจาก คฤหาสน์ เทรมอนต์ เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไม่คิดถึงเขาอีก อย่างไรก็ตาม มาร์คอยู่ในชีวิตของเธอมานานกว่าสองทศวรรษแล้ว เขาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเธอ การดำรงอยู่ของเขาฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเธอ
หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเสร็จ มาร์คก็ขับรถพาแอเรียนไปที่โรงพยาบาลที่อีธานรักษาตัวอยู่
เพื่อป้องกันไม่ให้อีธานใช้มาตรการป้องกันใด ๆ หากอีธานรู้ว่าพวกเขากำลังจะไป แอเรียนจึงไม่ได้แจ้งทิฟฟานี่ล่วงหน้าว่าพวกเขากำลังจะไปที่โรงพยาบาล
เมื่อพวกเขาไปถึงที่โรงพยาบาล พวกเขาก็ถามพยาบาลทันทีว่าอีธานพักอยู่ห้องไหน
พวกเขารีบไปที่ห้องของอีธานทันที แต่พอไปถึงพวกเขาก็ค้นพบว่าห้องนั้นว่างเปล่า เตียงถูกจัดแจงไว้อย่างเรียบรอย และโต๊ะข้างเตียงก็ว่างเปล่า
ฉากต่อหน้าทำให้พวกเขาตกตะลึง มาร์คเป็นคนแรกที่หายจากอาการช็อกและไปถามพยาบาลทันทีว่าอีธานออกจากโรงพยาบาลหรือยัง
พยาบาลตรวจดูการบันทึกและบอกเขาว่า “ไม่นะ เขาอาจจะออกไปเดินเล่นมั้ง”
ในขณะนี้แอเรียนตัดสินใจโทรหาทิฟฟานี่เพียงเพื่อพบว่าโทรศัพท์ของเธอนั้นปิดเครื่องไว้
มาร์คลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะค้นหาเบอร์โทรของอีธาน เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะต้องโทรไปที่หมายเลขนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บันทึกมันไว้ในโทรศัพท์ของเขา เขาจึงต้องค้นหาในบันทึกการโทรของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาโทรไปเขาก็พบว่าโทรศัพท์ของอีธานก็ปิดเครื่องเช่นกัน
“ฉันประเมินเขาต่ำไป เขาอาจจะจ้างให้ใครคอยเฝ้าระวังอยู่ใกล้โรงพยาบาลและออกไปเมื่อเขารู้ว่าพวกเรากำลังมา เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตราบใดที่เราอยู่ที่นี่เขาจะไม่กลับมา เราจะเสียเวลาที่นี่เปล่า ๆ ถ้าเขาไม่ต้องการให้เราพบทิฟฟานี่ เราก็จะหาเธอไม่เจอ เขาอาจจะกำลังพยายามทำแผนของตัวเองให้สำเร็จในระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล”
แอเรียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขา “แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไร? มีอะไรให้เราทำอีกไหมนอกจากจะนั่งเฉย ๆ และรอสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
มาร์คตอบกลับด้วยการส่ายหัว “เราจะไปหาลิเลียนโดยตรง การค้นหาทิฟฟานี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ แต่มันคือการได้ที่ดินนั้นต่างหาก”
ณ เวลานี้ นั้นเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขา
…
ที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล
ทิฟฟานี่พิงราวบันไดและมองลงไป ผู้คนที่เดินอยู่ข้างล่างนั่นดูเล็กมากข้างใต้ของเธอ เธอพองแก้มตนเองอย่างโกรธแค้นใส่อีธาน “ดูสิ่งที่คุณทำสิ! โทรศัพท์ฉันหล่นเลย! ถ้าคุณไม่ทำให้ฉันตกใจแบบนั้นโทรศัพท์ฉันก็จะไม่ตก! ฉันจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการซื้อเครื่องใหม่ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ฉันก็จนมากอยู่แล้วก็ตาม! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโทรศัพท์ของฉันที่ตกลงไปทำให้ใครต้องเสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ? นั่นจะเป็นจุดจบของฉันเลยนะ! คุณนี่นะ… จริง ๆ เลย!”
อีธานมองเธออย่างไม่พอใจ “ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีคนเดินหรอก ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ ดังนั้นเลิกบ่น ดูสิ ดวงดาวออกไปแล้ว!”
ทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นและเห็นดวงดาวสองสามดวงกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้าเหมือนที่อีธานได้บอกไว้ ในเมืองที่พวกเขาอยู่การที่จะได้เห็นดาวนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก และนั้นเป็นสัญญาณว่าคืนนี้อากาศจะดีด้วย เธอถอนสายตาจากการมองดาวหลังจากที่มองเพียงแวบเดียว “เอาล่ะ กลับลงไปข้างล่างกันเถอะ ก่อนหน้านี้คุณดูอ่อนแอมาก แต่คุณยังดึงฉันขึ้นมาที่นี่เพื่อดูดาว ถ้าหมอไม่บอกฉันว่าคุณอาจเวียนหัวหรือเป็นลมได้ฉันคงจะไม่อยู่ต่อหรอก”
ทันใดนั้นอีธานก็เดินเข้ามาหาเธอจากด้านหลังและโอบแขนรอบตัวเธอ “ทิฟฟ์ ได้โปรด แต่งงานกับฉันได้ไหม?”
ทิฟฟานี่ตกใจมากที่เขามากอดเธออย่างกะทันหันจนเธอตัวแข็งแทนที่จะดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขา เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะลุกลี้ลุกลน “นี่อยู่ ๆ นายพูดอะไรออกมาเนี่ย?”
“ตอนนั้นเราจะหมั้นกันเมื่อเรากลับมาที่ประเทศนี้ แต่มันล้มเหลวเพราะฉัน ตอนนั้นฉันต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่ในอาชีพของฉัน เพราะฉันไม่ต้องการให้ใครพูดว่าฉันกำลังเกาะครอบครัวเธอ ฉันไม่คาดคิดเลยว่ามันจะใช้เวลานานขนาดนี้ ตอนนี้ฉันไม่อยากปล่อยคุณไปอีกแล้ว เราทำเหมือนกับว่าเราไม่ได้เลิกกันได้นะ ได้โปรดแต่งงานกันฉันได้ไหม?” เขากระซิบคำพูดที่รักใคร่เข้าหูของเธอ แม้ในความมืดนั้นความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาก็ยังคงชัดเจนอย่างน่ากลัว
“ฉันว่ามันเร็วเกินไป…” ทิฟฟ์เริ่มพูดขึ้น
อย่างไรก็ตาม อีธานคัดจังหวะเธอก่อน “ไม่ มันไม่เร็วไปเลย! มันช้าไปสำหรับฉัน!”