เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก - ตอนที่ 281 ขาดสารอาหาร / ตอนที่ 282 หัวใจบิดเบี้ยว
ตอนที่ 281 ขาดสารอาหาร
วิธีสกปรกของเหยียนเฟิงแค่นี้ ในสายตาของเหยียนเค่อแล้วมันยังไม่พอ
ไม่ถึงสองชั่วโมงเรื่องนี้ก็ถูกเหยียนเค่อจัดการแก้ไข้ได้อย่างเงียบเชียบ โดยไม่เป็นจุดสนใจเลยสักนิดเดียว
เหยียนเค่อเห็นซย่าเสี่ยวมั่วและอันหร่านเดินเข้าประตูใหญ่บริษัทฮุยเถิงไปด้วยกันผ่านภาพวงจรปิด เขาจ้องใบหน้าไร้เครื่องสำอางของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วเหม่อลอย ก่อนจะปิดโปรแกรมแล้วเริ่มวุ่นกับงานของวันนี้
เมื่อคืนซย่าเสี่ยวมั่วหลับไม่ค่อยสนิทนัก ใบหน้าและกลิ่นกายของเหยียนเค่อเอาแต่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตลอดทั้งคืน สมองขบคิดอย่างเลอะเลือนจนฟ้าสว่าง เจ็บตาจนลืมไม่ขึ้น ตรงเข้าบริษัททันทีโดยที่ไม่แม้แต่จะแต่งหน้า
“ทำไมวันนี้เธอสภาพแย่อย่างนี้ล่ะ” อันหร่านเห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอแล้วก็สงสาร “ช่วงนี้วาดการ์ตูนตอนใหม่เหนื่อยมากเลยเหรอ”
“ไม่หรอก” หลังจากตื่นนอนซย่าเสี่ยวมั่วก็ตกใจกับใบหน้าของตน แต่รู้สึกว่าอายุลดน้อยลงไปไม่น้อย “ตอนนี้ฉันดูเด็กลงไปเลยใช่ไหม”
“อืม เหมือนผู้หญิงที่ขาดสารอาหารน่ะ” อันหร่านลูบก้อนผมทรงดังโงะที่เธอมัดรวบไว้ด้านหลัง
“เธอน่ะสิขาดสารอาหาร!” ซย่าเสี่ยวมั่วผลักไหล่เธอแล้วหัวเราะ “วันนี้ไม่มีประชุมตอนเช้าฉันต้องรีบไปเติมสารอาหารบำรุงร่างกายสักหน่อย”
“หัวเราะแห้งมาก” อันหร่านควงแขนเธอเดินเข้าไปในห้องทำงาน “เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัว เธอรู้ว่าต้องเก็บตัวตนของเหยียนเค่อไว้เป็นความลับ จึงไม่พูดว่าใครถูกใครผิดอีกหลังจากที่ทั้งคู่ไร้ซึ่งความสัมพันธ์กันแล้ว
“อย่างนั้นก็ดี ตั้งใจทำงาน ถ้าเหนื่อยก็พักสักงีบได้” อันหร่านแยกกับเธอ ต่างคนต่างกลับไปห้องทำงานของตัวเอง
เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าห้องทำงานรอยยิ้มบนใบหน้าก็เหือดหายไป
เธอยอมรับตัวตนของเหยียนเค่อไม่ได้จริงๆ รู้สึกถึงระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน และไม่สามารถหยอกล้อได้เหมือนแต่ก่อนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไร้ซึ่งระยะห่างอีกแล้ว
แต่สุดท้ายแล้วเหยียนเค่อก็จะเป็นเพียงความสวยงามครั้งหนึ่งในความทรงจำของเธอ ต่อไปคงไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ต่อให้เจอกันอีกครั้งก็คงแค่ผงกหัวทักทายกันเท่านั้น
หวังว่าในอนาคตเขาจะมีความสุข ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งกอดเข่าบนโซฟา คิดไปถึงความสัมพันธ์ของตนกับเหยียนเค่อ ระหว่างนั้นก็เผลอคิดไปถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ที่ไร้ซึ่งความกังวลของเธอกับเซียวอู๋อี้
บางทีทุกสิ่งต่างก็เปลี่ยนแปลง บ้างก็เล็กน้อยจนไม่รู้สึกตัว บ้างก็ยิ่งใหญ่จนฟ้าดินสะเทือน
ซย่าเสี่ยวมั่วยังทำตัวเป็นสาวสวยที่ยังโศกเศร้าและกังวล ยังไม่ทันได้หลุดออกมาจากห้วงความทรงจำก็ได้รับข้อความที่ส่งมาจากคุณแม่ซย่าเสียก่อน
“สิบโมงเช้าวันเสาร์ ที่สตาร์บัค ฝ่ายชาย หวังอี้เหว่ย อายุสามสิบ งานอดิเรก…” ซย่าเสี่ยวมั่วอ่านข้อความนั้นจบ เมื่อคิดว่าตอนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังอ่านข้อมูลอย่างละเอียดของตนอยู่ก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
การนัดบอดไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย ให้สวีรั่วชีมาแสร้งเล่นละครว่าเป็นเลสเบี้ยนก็ไม่เลวนะ
ซย่าเสี่ยวมั่วพอใจกับความคิดในหัวของตนเป็นอย่างมาก ถ้าสวีรั่วชีอยู่ด้วยล่ะก็ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะชอบเธอหรือเปล่า
อันหร่านได้รับข้อความจากเหยียนเค่อก็นึกว่าเขามีอะไรจะสั่ง แต่ก็เห็นข้อความเรียบง่ายกระชับของเหยียนเค่อเสียก่อน [ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ตัวตนของผมแล้ว คุณก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปแล้วกัน]
เหยียนเค่อรู้นิสัยซย่าเสี่ยวมั่วดี รู้ว่าเธอต้องไม่พูดเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังแน่นอน จึงบอกอันหร่านเผื่อเอาไว้ก่อน กันไม่ให้อันหร่านเปิดเผยออกไป ซย่าเสี่ยวมั่วก็คงไม่เอ่ยชื่อเขาให้อันหร่านได้ยินอีก ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วรู้เรื่องตัวตนของเขาจากอันหร่านอีกล่ะก็ เขากับซย่าเสี่ยวมั่วคงไม่ได้ติดต่อกันอีกแล้ว
เหยียนเค่อลูบฝ่ามือด้านขวาของตน เมื่อคืนเขาออกแรงมากไปหน่อย ไหล่ของซย่าเสี่ยวมั่วจึงเจ็บเพราะฝ่ามือของเขา เลือดที่ทะลักออกมาย้อมผ้าพันแผลจนกลายเป็นสีเลือด ตอนกลับเขาถึงจะเห็นมัน จึงจัดการแผลของตัวเองอย่างลวกๆ จนถึงตอนนี้บาดแผลก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นออกแรงไปมากขนาดนั้นแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยนะ
ตอนที่ 282 หัวใจบิดเบี้ยว
หลังจากอันหร่านได้รับข้อความแล้วก็ตื่นตะลึง มิน่าล่ะสีหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วถึงดูแย่อย่างนั้น เจอเรื่องกระทบกระเทือนมาจริงๆ ด้วย
เธอตัดสินใจทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้ทั้งตัวตนของเหยียนเค่อและไม่รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วรู้ตัวตนของเขาแล้วด้วย เธอรู้สึกเจ็บปวดในใจ จะทำงานให้เจ้านายก็ต้องเป็นนักแสดงที่ได้มาตรฐาน ทักษะการแสดงสำคัญมากจริงๆ นะ
เหยียนเค่อพบว่าไม่ว่าจะงานยุ่งเท่าไร แต่คนที่คิดถึงอยู่ไม่ว่าจะงานยุ่งเท่าไรคุณก็ไม่เคยลืมเลือนเขาไปได้เลย แถมยังยึดเอาพื้นที่สมองของคุณไปทั้งหมดในยามที่คุณมีเวลาว่างอีกด้วย
เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
เซ่าหมิงฟ่านส่งข้อความหาเหยียนเค่อว่า เหยียนเฟิงโทรมาหาเขาที่ห้องทำงาน เหยียนเค่อเองก็รู้สึกว่าเวลาก็ผ่านไปประมาณหนึ่งแล้ว ควรจะกลับบ้านไปรองรับความโมโหของพ่อกับแม่แล้ว
เหยียนเค่อลูบหางคิ้วของตนที่ยังมีรอยช้ำอยู่เล็กน้อย รวมทั้งมองผ้าพันแผลที่รัดไว้บนมือของตนอีกครั้งก่อนจะพึมพำในใจ ทำไมช่วงนี้เขาถึงเลือดตกยางออกบ่อยนักนะ เหยียนเค่อส่องกระจกอีกสักครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดนี้ไปคิดบัญชีกับหลี่หมิงฉวีทั้งหมด คิดอย่างดุดัน ‘หลี่หมิงฉวี นายจบเห่แน่’
“พ่อครับแม่ครับ เหยียนเค่อไปต่างประเทศ อีกสองวันถึงจะกลับมา” เหยียนเฟิงบอกข่าวคราวของเหยียนเค่อให้พวกท่านรับรู้
เหยียนเฟิงรู้ว่าเหยียนเค่อต้องยังอยู่ในประเทศ และแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่เหยียนก็ไม่ได้โง่ แต่ต่อให้เหยียนเค่อไม่ได้ไปต่างประเทศพวกเขาก็หาไม่เจอว่าตอนนี้เหยียนเค่อไปพักอยู่ที่ไหน
“ได้ ไม่ต้องสนใจเขา เรียกให้กลับไม่กลับเอง แกก็ไปทำงานเถอะ” คุณพ่อเหยียนก็ไม่อยากให้เรื่องของลูกชายคนเล็กมาทำให้ลูกชายคนโตเสียการเสียงาน
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”
เหยียนเฟิงแวะไปไปเยี่ยมหลี่หมิงฉวีที่โรงพยาบาลก่อนจะเข้าบริษัท
ก่อนหน้านี้ได้รับข้อความจากเฉิงนั่วก่อนว่า หลี่หมิงฉวียอมรับข้อเสนอการร่วมงานกันของทั้งสองบริษัทแล้ว แถมยังสนับสนุนให้เหยียนเฟิงขึ้นรับตำแหน่งด้วย แน่นอนว่าเหยียนเฟิงก็ต้องเอาใจผู้สนับสนุนของตนให้ดีหน่อย
หลี่หมิงฉวีกำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูสภาพร่างกายอันเจ็บปวด ขาข้างที่กระดูกแตกละเอียดนั้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บถึงสองครั้งทำให้หลังจากฟื้นฟูร่างกายแล้วก็ยังต้องทำกายภาพอีก ความเจ็บปวดที่ทะลุเข้าไปถึงหัวใจและความลำบากหลังจากการเดินทำให้เขาแทบจะเสียสติไปหลายครั้งหลายครา
พี่ชายของหลี่หมิงฉวี หลี่หมิงเจ๋อซึ่งเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปของตระกูลหลี่เห็นน้องชายเจ็บปวดเช่นนี้ หลายครั้งก็อยากจะบุกไปที่บ้านของตระกูลเหยียน แต่อิทธิพลของตระกูลเหยียนในช่วงหลายปีมานี้ขยายกว้างขึ้นมาก บ้านตระกูลหลี่ไม่กล้าทำให้พวกเขาไม่พอใจนัก ทำได้เพียงนำความแค้นทั้งหมดโยนให้
เหยียนเค่อและให้เหยียนเฟิงจัดการแทนพวกเขา มองดูสองพี่น้องทะเลาะกันเอง แล้วนั่งรอผลประโยชน์ในตอนสุดท้าย
ตอนที่เหยียนเฟิงไปถึง หลี่หมิงฉวีกำลังเดินกายภาพอยู่ หลี่หมิงฉวีแหกร้องราวกับจะขาดใจ เสียงดังจนเหยียนเฟิงทนฟังต่อไปไม่ได้
เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เหยียนเค่อไปเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ มีปีหนึ่งที่บนภูเขาลูกหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์เกิดหิมะถล่ม เหยียนเค่อไปเป็นหน่วยอาสาไปช่วยเหลือ ตอนนั้นเพื่อจะช่วยเพื่อนคนหนึ่งทำให้โดนก้อนน้ำแข็งหนาๆ กระแทกเข้ากับส่วนหลัง ซี่โครงหักไปสามซีก แต่ตอนหลังที่เขาไปหาเหยียนเค่อที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น เขาจำได้ว่าเหยียนเค่อยังเจ็บจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่ยังคงโบกมือมาทางเขาด้วยรอยยิ้มได้อยู่
ความจริงการมีน้องชายแบบนี้เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ แต่เมื่อเกิดในครอบครัวแบบนี้ความภูมิใจก็เปลี่ยนแปลง น้องชายที่ทำให้เขาภูมิใจกลับกลายเป็นศัตรูคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
“หลี่หมิงฉวีดีขึ้นหรือยัง”
หลี่หมิงเจ๋อเห็นเหยียนเฟิงก็เลือดขึ้นหน้า ปล่อยหมัดใส่หน้าเขาหนึ่งที เหยียนเฟิงหลบไม่ทัน ทำได้เพียงรับกำปั้นหนักๆ นั่นไว้
“เหยียนเค่อไอ้สารเลวนั่น!”
เหยียนเฟิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวคละคลุ้งของเลือดอยู่ในปาก กระพุ้งแก้มกระแทกกับฟันจนเลือดออก
“ฉันขอโทษแทนเหยียนเค่อด้วยนะ” ท่าทีของเหยียนเฟิงแสดงออกอย่างเหมาะสม ถึงอย่างไร
เหยียนเค่อก็เป็นน้องชายของตน ไม่ว่าอย่างไรเขาเป็นฝ่ายผิด