เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก - ตอนที่ 333 อุบัติเหตุ / ตอนที่ 334 ยอมรับผิด
ตอนที่ 333 อุบัติเหตุ
กำแพงสีขาว กระเบื้องหลังคาสีดำ ตรอกซอยที่ปูพื้นหิน บริเวณชายคามีหยดน้ำไหลริน สไตล์สิ่งปลูกสร้างที่เห็นอย่างแพร่หลายในหมู่บ้านริมน้ำทางใต้ ภาพงดงามดุจภาพวาดในบทกวีกลับมาถูกทำลายลงเพราะท่าทางประหลาดของซย่าเสี่ยวมั่ว
“เธอจะทำอะไร จะคุกเข่าให้ฉันหรือไง” เหยียนเค่อก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะลงไปนั่งท่านั้น
สีหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วบิดเบี้ยวเหยเกเป็นอย่างมาก แต่เพราะเส้นผมบดบังไว้ เหยียนเค่อจึงไม่เห็นสีหน้าของเธอ
เธอรู้สึกว่าหัวเข่าของเธอแตกละเอียดไปแล้ว เจ็บปวดจนพูดไม่ออก
“เป็นอะไรไป” เหยียนเค่อเห็นเธอไม่ส่งเสียง ก็ถามขึ้นอย่างร้อนใจ
ซย่าเสี่ยวมั่วเอามือยันพื้นแล้วพลิกตัว มือกุมหัวเข่า เจ็บปวดจนต้องกัดฟัน “เหอะ”
เหยียนเค่อย่อตัวลงยกมือเธอขึ้นมา ก่อนจะยกขาเธอมาดู ไม่มีเลือดไหลเพียงแต่สักพักหนึ่งรอยแดงก็กลายเป็นรอยบวมออกไปทางสีแดงเข้ม
“เจ็บมากเหรอ”
“เจ็บ-โคตร-โคตร” ซย่าเสี่ยวมั่วมีสีหน้าเศร้าสลด กัดฟันพูดออกมาทีละคำ
ถ้ารู้แต่แรกก็คงเข้าไปรับไว้แล้ว เหยียนเค่อวางขาเธอลง “เดี๋ยวฉันแบกเธอ”
เหยียนเค่อไม่กล้าอุ้มเธอแล้ว ทำได้เพียงแบกเธอเดินกลับไป
“เจ็บจัง” ซย่าเสี่ยวมั่วโอบรอบคอเขา ใบหน้าแนบกับแผ่นหลังของเขาแล้วโอดครวญ
“วันนี้ฉันตัดสินใจผิดพลาดจริงๆ ที่ออกมา” เหยียนเค่อแบกคนที่อยู่บนหลังแล้วค่อยๆ เดินกลับไป ทั้งตรอกซอยล้วนมีแต่เสียงสะท้อนของซย่าเสี่ยวมั่ว
บรรยากาศเวลาบ่าย ดวงอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตก เงาเล็กๆ สองเงาที่ซ้อนทับกันค่อยๆ เดินออกจากตรอกถนนนั้นไป
“ทำไมเธอหนักขึ้นเยอะขนาดนี้ล่ะ!”
“มีคนที่กินแล้วไม่อ้วนซะที่ไหนล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้ามองฟ้า
“ยายหมู” เหยียนเค่อลองชั่งน้ำหนักของคนบนหลังดู คิดไม่ถึงว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะน้ำหนักขึ้นมาเกือบห้ากิโลฯ ได้
“ฉันไม่เคยหนักถึงห้าสิบสักหน่อย นายเป็นผู้ชายหรือเปล่า แค่ห้าสิบกิโลฯ นนายยังแบกไม่ไหวเลย”
“เธอท้าทายความสามารถของฉันอีกแล้วนะ ตอนเช้าเธอก็ยอมรับว่ารู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นผู้ชายหรือเปล่า”
เหยียนเค่อยืดเอวตรง ซย่าเสี่ยวมั่วที่จู่ๆ ก็หงายไปทางด้านหลัง ตกอกตกใจจนเธอรัดคอของเหยียนเค่อแน่น เกือบจะรัดเหยียนเค่อจนสิ้นลม “จะฆ่าฉันหรือไง!”
ซย่าเสี่ยวมั่วคิดไปถึงคำพูดหน้าไม่อายเหล่านั้นของเหยียนเค่อ คิดในใจอย่างร้ายกาจว่าควรจะรัดคอนายให้ตายสิถึงจะถูก
เหยียนเค่อแบกเธอกลับไปที่รถ ก่อนจะวางเธอลงด้วยความระมัดระวัง คนบนหลังของตัวเองนั้นก็ช่างโง่เง่าเกินทน ไม่หัวโขกประตูรถก็ต้องหัวโขกคอนโซลหน้ารถ แถมยังถีบเข้ากับประตูรถในตอนที่พลิกตัวอีกต่างหาก…
“วันนี้ทำไมฉันทำอะไรก็ไม่ราบรื่นเลยนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วประคองขาพับของตนอย่างระมัดระวัง
“ฉันก็ด้วย” เหยียนเค่อมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ปิดประตูรถให้เธอแล้วจึงอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่ง
“เราสองคนต้องดวงไม่สมพงศ์กันแน่เลย” ซย่าเสี่ยวมั่วนึกไปถึงเซียมซีที่จับขึ้นมาในวัดแห่งนั้น ไหนบอกว่าจะโชคดีเป็นสิริมงคลไง! ทำไมพอมาเจอเหยียนเค่อแล้วถึงแย่อย่างนี้ทุกที!
เหยียนเค่อกวาดตามองเธอผ่านๆ “ถ้าไม่อยากให้ฉันปล่อยเธอทิ้งละก็ หุบปากไปซะจะดีกว่า”
“ฉันแค่พูดความจริงนี่นา”
เธอจิ้มโทรศัพท์โทรออกหาแม่ของตนเพื่อรายงานผลการนัดบอดในวันนี้ คุณนายเสิ่นน่าจะรู้เรื่องที่เธอล้มเหลวก่อนแล้ว ที่อดทนอยู่นานไม่ยอมโทรหาเธอสักทีก็คงจะรอให้เธอเริ่มยอมรับความผิดก่อน
เหยียนเค่อขับรถขึ้นถนนเลนส์ใหญ่ สายตาของคนข้างๆ ก็ยังเอาแต่จ้องเขาไม่หยุด
“เธอจะทำอะไร”
ซย่าเสี่ยวมั่วใช้สองมือจับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าจริงใจ “ฉันควรพูดกับแม่ยังไงแม่ถึงจะไม่โมโหแล้วฆ่าฉันน่ะ”
“เราสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” เรื่องก่อนหน้านี้ใช่ว่าจะลืมกันได้ง่ายๆ
ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทุกครั้งที่เธอกับเหยียนเค่อทะเลาะกัน เธอถึงจะชอบหลงลืมความจริงที่ว่าเธอกับเหยียนเค่อยังคงไม่ถูกกันอยู่ จากนั้นก็เรียกร้องความสนใจจากเหยียนเค่ออย่างหน้าไม่อาย
“ก็ได้” ซย่าเสี่ยวมั่วกดเปิดบัญชีรายชื่อโทรศัพท์อย่างไม่เกรงกลัว
ท่าทางของเหยียนเค่อราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน แต่ในใจยังคงใส่ใจสถานการณ์ทางด้านนั้น
ตอนที่ 334 ยอมรับผิด
“ฮัลโหลค่ะแม่” มือหนึ่งของซย่าเสี่ยวมั่ววางลงบนหน้าขาเหนือเข่าของตน พูดโทรศัพท์กับคนปลายสายด้วยเสียงตะกุกตะกัก
คุณนายเสิ่นตอบกลับเสียงต่ำ
ผ่านไปเนิ่นนาน ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้ฟังเสียงตอบกลับจากแม่ตนเสียที ทำได้เพียงยอมแพ้ก่อน “งานนัดบอดล่มอะ”
คุณแม่ซย่าเงียบอยู่นาน “ฉันรู้แล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วน่ะกลัวน้ำเสียงอึมครึมของคุณแม่ซย่าเป็นที่สุด เพราะปกติแล้วจะหมายความว่าจะมีความโมโหที่จะปะทุขึ้นมากขึ้นกว่าเดิม
เหยียนเค่อได้ยินเธอพูดเรื่องนัดบอดขึ้นมาก่อนก็รู้แล้วว่าการเจรจาของซย่าเสี่ยวมั่วกับแม่ต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ จึงยื่นมือไปทำท่าทำทางให้เธอ
“เปิดสปีกเกอร์” เขาไม่ได้ยินเสียงของคุณแม่ซย่า จึงช่วยซย่าเสี่ยวมั่วแก้ปัญหาไม่ได้
ซย่าเสี่ยวมั่วกลืนน้ำลาย แล้วเปิดสปีกเกอร์อย่างเชื่อฟัง คุณแม่ซย่าพูดต่อ “แกกลับมาบ้าน เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
น้ำเสียงที่เอ่ยคำว่า ‘คุย’ กดลงต่ำ ใครมาฟังก็รู้ว่าเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ซย่าจะคิดบัญชีกับซย่าเสี่ยวมั่ว
เหยียนเค่อจอดรถตรงข้างทาง ชี้ไปที่ขาของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วขยับปากบอกเธอ “ดวง”
ซย่าเสี่ยวมั่วงงไปพักหนึ่งกว่าจะรู้ตัว ตบหัวตนไปหนึ่งทีแล้วรีบอธิบายให้คุณแม่ซย่าฟัง “หนูกับผู้ชายคนนั้นดวงไม่สมพงศ์กันค่ะ แม่ไม่รู้หรอกว่าวันนี้ลูกสาวแม่สภาพแย่แค่ไหน ออกจากบ้านก็โดนคนขับรถชน ตอนนี้หนูเริ่มสงสัยแล้วว่ากระดูกหัวเข่าหนูจะแตกละเอียดหรือเปล่า ฮือออ”
“แกคงไม่ได้ขับไปชนรถเขาใช่ไหม”
นี่แม่แท้ๆ ของฉันงั้นเหรอ? เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่ซย่าเสี่ยวมั่วเกิดความสงสัยขึ้นมา
ซย่าเสี่ยวมั่วตัดสินใจไม่ใช้หัวข้อสนทนานี้มาเรียกร้องความสนใจอีก “หนูว่านายหวังอี้เหว่ยอะไรนั่นไม่ใช่คนดี เอาแต่ตามตื๊อหนูอยู่นั่นแหละ”
“เหอะๆ แต่เขาไม่ได้บอกฉันแบบนี้นะ เขาบอกว่าแกมีชีวิตส่วนตัวที่วุ่นวาย คบผู้ชายมั่วไปหมด แล้วยังมีผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินคนหนึ่งมาช่วยกู้สถานการณ์ด้วย” คุณแม่ซย่าเอาคำพูดที่หวังอี้เหว่ยบอกเธอเล่าให้ซย่าเสี่ยวมั่วฟังอย่างหมดเปลือก
“เขาใส่ร้ายหนู” ซย่าเสี่ยวมั่วร้องขอความเห็นใจ “แม่ต้องเชื่อลูกสาวที่ไปที่ไหนใครก็รักสิ”
“ฉันก็เชื่อแกไง ดังนั้นแกไปเล่นอะไรแผลงๆ อีกถึงทำให้เขาตกใจจนวิ่งหนีหายไปน่ะหา!” แน่นอนว่าคุณแม่ซย่าก็เข้าใจนิสัยลูกสาวของตน เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับซย่าเสี่ยวมั่ว ดังนั้นต้องเป็นเรื่องที่
ซย่าเสี่ยวมั่วกุขึ้นมาแน่นอน ตนต้องไปขอโทษขอโพยอีกฝ่ายที่ทำให้ขายหน้าอยู่ตลอดทั้งช่วงเช้า สะกดกลั้นความโมโหเอาไว้เต็มอก
“เพื่อนหนูคนหนึ่งน่ะแม่ เขาไปกินข้าวกับเสี่ยวชีแล้วเจอกัน บอกว่าจะช่วยฉันทดสอบผู้ชายคนนี้สักหน่อย ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะทนฟังคำขู่ไม่ไหวกันเล่า หนูยังไม่ทันอธิบายอะไรเลยเขาก็วิ่งหายไปก่อนแล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วอาศัยความสามารถในการเข้าใจของตัวเอง เชื่อมต่อคีย์เวิร์ดที่เหยียนเค่อพิมพ์ลงบนโทรศัพท์มาเชื่อมต่อกันเป็นเรื่องเป็นราว
เฮ้อ ความรู้ใจกันของพวกเขาจะเข้าขากันได้ดีก็เมื่อโกหกเท่านั้นล่ะ เหยียนเค่อมองซย่าเสี่ยวมั่วที่พูดสิ่งที่เขาอยากจะสื่อออกไปได้คร่าวๆ แล้ว จึงวางโทรศัพท์ลงก่อนจะขับรถต่อ
“รีบกลับมาเดี๋ยวนี้ มีอะไรมาคุยกันต่อหน้า” คุณแม่ซย่าแจ้งให้ทราบ
“หนูต้องไปโรงพยาบาลก่อน ถ้ากลับบ้านหนูเดินขึ้นบ้านจะลำบากนะ แม่รอหนูขาหายก่อนหนูจะรีบไสหัวกลับไปเลย โอเคไหม” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเสียงเบาต่อรองข้อเสนอกับคุณแม่ซย่าด้วยท่าทีท่าน่าสงสาร
คุณแม่ซย่าก็หมดสิ้นหนทาง จะว่าอย่างไรก็เป็นลูกสาวของเขาเอง ถึงแม้ว่าเรื่องที่ทำจะไม่ได้ดี แต่ก็จะบีบบังคับเธอเกินไปไม่ได้ จำต้องถอยลงหนึ่งก้าว “ให้เวลาแกอาทิตย์หนึ่ง ถ้าแกไม่กลับมาก็รอเปิดประตูให้แม่ได้เลย”
“แม่ดีที่สุดเลยค่ะ บ๊ายบาย!” ซย่าเสี่ยวมั่วรีบร้อนวางสาย หลังจากกำจัดเนื้อร้ายในใจไปได้แล้วก็ผ่อนคลายลง มองเหยียนเค่ออย่างอารมณ์ดี “ขอบคุณที่ช่วยนะ”
แต่เหยียนเค่อไม่สนใจเธอ
บรรยากาศอันกระอักกระอ่วนแผ่กระจายไปเต็มคันรถ เหยียนเค่อเองก็กลับไปทำตัวไม่รู้จักกับซย่าเสี่ยวมั่วตามเดิม
ซย่าเสี่ยวมั่วสางผมของตนแล้วพึมพำเสียงเบา “เปลี่ยนเร็วเกินไปไหม วันหลังก็เตือนกันหน่อยสิ”