เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก - ตอนที่ 407 ชื่อเรียกที่คล่องปาก / ตอนที่ 408 วันว่างในยามบ่าย
- Home
- เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก
- ตอนที่ 407 ชื่อเรียกที่คล่องปาก / ตอนที่ 408 วันว่างในยามบ่าย
ตอนที่ 407 ชื่อเรียกที่คล่องปาก
ฉินซื่อหลานเข็นรถตามซย่าเสี่ยวมั่วไปจ่ายเงิน ไม่รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วชอบช่องคิดเงินช่องนี้หรือว่าเธอมีวาสนากับพนักงานคนนี้กันแน่ ครั้งนี้ถึงได้เจอกับพนักงานคนเดิมคนนั้น
ซย่าเสี่ยวมั่วจำไม่ได้เลย จนกระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียง “เอ๊ะ” อย่างประหลาดใจก่อนจะถาม
ซย่าเสี่ยวมั่ว “สามีคุณล่ะคะ”
“คะ?” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างงุนงง ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงใครอยู่
“คราวที่แล้วคุณมากับสามีไม่ใช่เหรอคะ ที่ซื้อแพมเพิร์สไป”
ยายหนูนี่ความจำดีเหลือเกิน ซย่าเสี่ยวมั่วเกือบจะลืมไปแล้ว แต่พอเธอพูดขึ้นมาก็นึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้ทั้งหมด จำต้องยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยทักทาย “ไง สบายดีนะคะ”
ฉินซื่อหลานราวกับได้รู้เรื่องที่สุดยอดเรื่องหนึ่ง เขามองซย่าเสี่ยวมั่วอย่างตื่นตะลึง พวกเขาสองคนซื้อแพมเพิร์สด้วยเหรอเนี่ย
“อย่ามองฉันแบบนั้นนะ” ไม่อยากจะกลับไปนึกถึงเรื่องเก่าเลย ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากพูดอะไรกับ
ฉินซื่อหลานมากนัก
แต่ประเด็นที่ฉินซื่อหลานสนใจกลับไม่ใช่สิ่งนี้ “ถ้าพวกเธออยากได้แพมเพิร์สก็มาขอฉันได้นะ ที่โรงพยาบาลมีเยอะเลย”
“น้องชายคุณเหรอคะ” เด็กสาวคนนั้นเอ่ยถามซย่าเสี่ยวมั่วอย่างไม่มั่นใจนัก รูปหล่อจังเลย
ซย่าเสี่ยวมั่วครุ่นคิดอยู่นาน ไม่รู้จะตอบอย่างไร ฉินซื่อหลานจึงตอบแทน “ผมเป็นพ่อของสามีเขาน่ะครับ”
“คิก” ซย่าเสี่ยวมั่วถองศอกใส่เขาหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “นายกล้าพูดเอาเปรียบ
เหยียนเค่อด้วยเหรอ!”
เด็กสาวพนักงานก็คิดไม่ถึงว่าฉินซื่อหลานจะตอบเช่นนี้ จึงยิ้มตอบอย่างกระอักกระอ่วน “คุณคนนี้ก็ตลกดีนะคะ”
“นี่มันผิดศีลธรรมชัดๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ละอายใจสักนิด เธอถลึงตาใส่ฉินซื่อหลานหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยขึ้นทันทีโดยไม่ผ่านการกลั่นกรอง “เขาเป็นน้องชายสามีฉันน่ะค่ะ”
คำว่า ‘สามี’ นี่เรียกได้อย่างคล่องปากเชียวนะ ฉินซื่อหลานยืนอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
เด็กสาวทำหน้าอ๋อ “ยีนดีจังเลยนะคะเนี่ย”
“เหอะ” สามี…สามีบ้านแกน่ะสิ ซย่าเสี่ยวมั่วกุมหน้า
“เหอะๆ รู้แล้วจ้าว่าเป็นสามีเธอ กลับกันเถอะ” ฉินซื่อหลานดันซย่าเสี่ยวมั่ว ก่อนจะคว้าของมาถือไว้ “รีบไปเร็ว”
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วโบกมือ คราวหน้าเธอไปซื้อของที่ซูเปอร์ฯ อื่นดีกว่า
“คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย” เหยียนเค่อก็มีวันที่ลดตัวมาเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยหรือเนี่ย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสงสัย ว่าเมื่อก่อนสองคนนี้ไปทำอะไรกันมาบ้าง
“คิดไม่ถึงอะไร” ต้องวางมาดก่อน จะแพ้ไม่ได้ ซย่าเสี่ยวมั่วถามกลับ
“คิดไม่ถึงว่าว่าจะมีหลายด้านแบบนี้” ฉินซื่อหลานสองมือประคองพวงมาลัย วิชาจิตวิทยานี่สำคัญจริงๆ ด้วยสินะ
ซย่าเสี่ยวมั่วใช้มือม้วนเส้นผมที่ปรกหน้าเล่น พูดเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยคโดยไร้ซึ่งแรงโน้มน้าว “ความจริงเรื่องพวกนั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่นายเห็นหรอกน่า”
“ซับซ้อนสิ” ฉินซื่อหลานหันไปมองเธอปราดหนึ่ง “ผู้หญิงนี่เป็นสิ่งที่ชีวิตที่น่ากลัวจริงๆ ด้วย ถึงทำให้ผู้ชายประหลาดพวกนั้นเปลี่ยนไปได้น่ะ”
“แม้แต่สิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างนายฉันก็ทำให้เปลี่ยนได้เหมือนกัน จะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ปฏิเสธ เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดคำพูดน่าอายออกไป ตอนนี้ก็ไม่อยากจะมาชี้แจงให้เหยียนเค่อ เธอยกมือขึ้นตีเข้าที่แขนของฉินซื่อหลาน “รีบไปสิ จะมาจอดตรงนี้ทำไมเล่า!”
ฉินซื่อหลานหันไปมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อย่างซุกซน “โมโหกลบเกลื่อนความเขินหรือไง”
“ทำไมต้องโมโหกลบเกลื่อนด้วย” ซย่าเสี่ยวมั่วพบว่าเมื่อก่อนเวลาเจอฉินซื่อหลานนั้น เขาจะมาในมาดของเทพบุตรชุดขาวบริสุทธิ์ เป็นหนุ่มหล่อที่เปี่ยมไปด้วยมาดผู้ดีมีการศึกษา แต่ตอนนี้เพิ่งจะพบว่า ความเย็นชาอะไรนั่นล้วนเป็นเพียงภาพลวงตา
ฉินซื่อหลานเคาะนิ้วเข้ากับพวงมาลัย ก่อนจะยิ้มมีเลศนัย “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”
แล้วยิ้มทำไมล่ะ ซย่าเสี่ยวมั่วมองเขาอย่างงุนงง ยิ้มได้อย่างไรกันล่ะเนี่ย
ตอนที่ 408 วันว่างในยามบ่าย
ตอนที่สวีรั่วชีตื่นขึ้นมานั้น สวีอันหรานยังหลับอยู่ สองแขนนั้นโอบรัดเธออย่างแน่นหนา
สวีรั่วชียื่นแขนออกไปสะกิดต้นแขนเขา ก่อนจะบ่นด้วยเสียงงัวเงีย “ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันจะลุก”
สวีอันหรานที่ถูกปลุกให้ตื่นก็มุดศีรษะเข้าไปที่ซอกคอของเธอ ผมสั้นอ่อนนุ่มปัดไปมาบนใบหน้าของสวีรั่วชี ทำให้รู้สึกจักจี้ขึ้นมาเล็กน้อย
“ตื่นได้แล้ว นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย” แสงแดดที่ส่องลอดเข้ามาผ่านม่านหน้าต่างไม่ได้แรงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ในห้องนอนก็มืดลงเล็กน้อย น่าจะบ่ายสองกว่าแล้ว
สวีอันหรานยื่นมือไปคว้านาฬิกาข้อมือที่ถอดวางไว้อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู ก่อนจะกอดสวีรั่วชีต่ออย่างเกียจคร้าน “เพิ่งจะบ่ายสองโมงครึ่ง นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ”
“ฉันตื่นแล้ว” สวีรั่วชีไม่ชอบนอนขี้เซา ในเมื่อตื่นแล้วก็อยากลุกจากเตียง
“นอนเป็นเพื่อนฉันต่ออีกสักหน่อยเถอะ” เมื่อคืนสวีอันหรานนอนในห้องหนังสือทำให้หลับไม่ค่อยสนิทนัก แถมยังต้องตื่นขึ้นมาจัดการเอกสารแล้วส่งให้เหยียนเค่อตั้งแต่เช้าตรู่อีกต่างหาก ตอนนี้เขาไม่อยากจะลุกเลยสักนิด
สวีรั่วชีไม่พูดอะไร ใช้นิ้วมือดึงผมเขาเล่น เมื่อก่อนตอนที่ทำงานยุ่งๆ สวีรั่วชียังไม่ได้มีความรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่า การที่สวีอันหรานทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยไม่มีเวลาพักนั้นไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลย
“อาทิตย์หน้าฉันอาจจะต้องไปดูงานกับเหยียนเค่อนะ” สวีอันหรานดึงมือของเธอมาเล่น ดวงตายังคงปิดสนิทไม่อยากตื่นขึ้น “ถ้าเธอจะไปขี่ม้ากับซย่าเสี่ยวมั่วก็ระวังตัวด้วย พวกเราไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“แน่นอน เมื่อก่อนตอนพี่ไม่อยู่ฉันก็ดูแลตัวเองเหมือนกันแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“อย่าดูถูกเสน่ห์ของแฟนเธอสิ” มีผู้หญิงไปมากมายขนาดนั้น ต้องเจอสักคนสองคนที่เมื่อก่อนอยากได้เขามาครอบครองแน่นอน
สวีอันหรานถูไถปลายนิ้วของเธอเบาๆ มือเรียวงดงามไม่เข้ากันกับใบหน้าสวยดุของสวีรั่วชีเลยสักนิด แต่สภาพของมือต่างหากที่เป็นสภาพจิตใจที่แท้จริงของสวีรั่วชี
“ใครจ้องจะงาบแฟนฉันต้องโดนกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก”
สวีรั่วชีกำหมัด แน่นอน เธอรู้ว่าหมู่ผึ้งภมรรอบกายสวีอันหรานไม่ได้น้อยไปกว่าเหยียนเค่อเลย เธอต้องไปอยู่กับซย่าเสี่ยวมั่วถึงจะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย เมื่อพูดจบก็นึกถึงศัตรูหัวใจเบอร์หนึ่งของตนขึ้นมา จึงเอ่ยกำชับผู้ชายของตนอย่างจริงจัง “พี่กับเหยียนเค่อก็รักษาระยะห่างกันด้วยล่ะ!”
สวีอันหรานคลายหมัดของเธอออก นิ้วเรียวยาวสอดเข้ากับซอกนิ้วของเธอ ทำให้นิ้วทั้งสิบประสานเข้าด้วยกัน ก่อนจะยิ้มเป็นการรับประกัน “แน่นอนจ้า”
สวีรั่วชีจ้องมองรูปคิ้วที่อ่อนโยนเหมือนกับเจ้าของของมัน “พี่หล่อจัง”
สวีอันหรานหลุดยิ้ม “แฟนเธอหล่ออยู่แล้วต่างหาก”
ไม่ว่าจะถูกผู้หญิงมากมายแค่ไหนชมว่าหล่อเขาก็ไม่มีความรู้สึก แต่ถูกผู้หญิงของตัวเองชมว่าหล่อแล้วก็รู้สึกโชคดีที่ตัวเองหน้าตาดีพอให้สวีรั่วชีมาชอบได้
ชมหน่อยไม่ได้เลยคนนี้ สวีรั่วชีกุมมือของเขา มองใบหน้ายิ้มแย้มอันอบอุ่น ต่อไปผู้ชายคนนี้ก็จะเป็นของเธอแล้ว ในใจพลันรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา ความรู้สึกเปี่ยมล้นจนแทบจะทะลักออกมา
เหยียนเค่อกำลังเก็บของ เขาไม่มีโชคได้นอนกอดเมียในตอนบ่ายอย่างสวีอันหราน มีเพียงผู้ช่วยหวังที่ยืนจ้องมองมาเท่านั้น
“เยอะขนาดนี้เลย?”
“ครับ” ผู้ช่วยหวังพบว่าสมองของคนในบริษัทน่าจะมีปัญหากันเยอะเลย มีพนักงานระดับกลางและระดับสูงหลายคนที่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนกรุ๊ปและ YAN กำลังตึงเครียด
เหยียนเค่อมองดู แต่ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์เช่นนี้นัก “ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก”
ถ้าอย่างนั้นเยอะขนาดนี้ก็โทษเขาไม่ได้นะ ผู้ช่วยหวังคิดอย่างสบายใจ
แต่เหยียนเค่อก็ดันกระดาษกองนั้นมาให้เขาอีก “เอาคนที่คุณคิดว่าไม่ใช่แน่ๆ ออกไป”
ผู้ช่วยหวังเข้าใจความหมายของเขา ‘คนที่ไม่ใช่แน่ๆ’ ก็คือคนที่เขารู้จักแวดวงการคบค้าสมาคมและเข้าใจความคิดในการทำงานของคนคนนั้นเป็นอย่างดี “ครับ” เขายื่นมือออกไปรับ กำลังจะเดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเองต่อ
“ทำตรงนี้ก็ได้” เหยียนเค่อจัดการเอกสารสำคัญและเอกสารสัญญาที่เก็บสะสมมานานหลายปี เขานั่งคนเดียวก็เบื่อเหมือนกัน
ผู้ช่วยหวังไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาก็พูดจาดีแบบนี้ ทว่าไม่ต้องย้ายที่ก็ดีเหมือนกัน