เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก - ตอนที่ 559 เที่ยวใหม่ที่สถานที่เดิม / ตอนที่ 560 ตั้งแต่ต้นจนจบ
- Home
- เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก
- ตอนที่ 559 เที่ยวใหม่ที่สถานที่เดิม / ตอนที่ 560 ตั้งแต่ต้นจนจบ
ตอนที่ 559 เที่ยวใหม่ที่สถานที่เดิม
ผู้หญิงคนนั้นไม่คิดว่าจะโดนเหยียนเค่อเมิน รีบเอ่ยขึ้น “อย่าเพิ่งไปสิ”
ไม่รีบจะรอให้เธอมาจีบหรืออย่างไร เหยียนเค่อยิ้มเย็นกับคำพูดของหล่อน จูงเจ้าโกลเด้นเดินไปยังร้านอาหารโดยไม่ได้หันกลับไปมองหล่อน
“คุณ” เจ้าหล่อนยังคงเดินตามเขามา เหยียนเค่อขายาวเวลาเดินเลยก้าวได้กว้างหล่อนจึงเดินตามไม่ค่อยทัน หายใจหอบแฮกๆแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันชอบคุณ”
เหยียนเค่อได้ยินประโยคนี้จึงชะงักฝีเท้าลง ผู้หญิงคนนั้นยังนึกว่าตัวเองอยู่ในละคร ยืนมองเขาอย่างรอคอย
“เธอชอบอะไรในตัวฉัน” เหยียนเค่อยังคงทำหน้าเย็นชา ไม่ได้แสดงออกว่ากำลังไม่พอใจ
“คุณหล่อซะขนาดนี้” ผู้หญิงคนนี้จีบปากจีบคอพูดต่อด้วยท่าทางอายๆ “หุ่นก็ดูดีมาก”
หลังจากพูดเสร็จหล่อนก็สีหน้าของเหยียนเค่อ พบว่าฝ่ายตรงข้ามยังไม่แสดงสีหน้าใดๆทั้งสิ้น จึงกลัวว่าชายหนุ่มจะคิดว่าตนหน้าไม่อายเลยรีบพูดต่อ “ดูอบอุ่นใจดี แล้วยังรักสัตว์อีกด้วย ยิ่งตอนที่นั่งพูดอยู่กับหมาของคุณยิ่งดีน่ารักมาก”
เหยียนเค่อพยักหน้า ในในก็เริ่มคิดอะไรปัญญาอ่อนขึ้นมาอีก คิดไปบ่นไป เขาดีขนาดนี้ ทำไมซย่าเสี่ยวมั่วถึงไม่ชอบเขา ใบหน้ายังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า เอ่ยอย่างจริงจัง “อย่างนั้นเธอรู้ไหมว่าฉันไม่ชอบหมา”
ผู้หญิงตรงหน้าดูจะตึงในสิ่งที่เหยียนเค่อบอก ไม่รู้จะเอ่ยพูดอะไร ในใจก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย คนเลี้ยงหมาจะไม่ชอบหมาได้อย่างไร
เหยียนเค่อยังโจมตีไม่พอ จึงเอ่ยต่ออย่างไม่สนใจ “อีกอย่าง หมาตัวนี้เป็นของแฟนฉัน” พบจบก็กะจะจูงเจ้าโกลเด้นเดินต่อ แต่ก็ต้องอึ้งไปอีกครั้งกับคำพูดของหล่อน
“เพื่อคุณแล้วฉันยอมไม่เลี้ยงหมาก็ได้ ดังนั้น…”
เหยียนเค่อเว้นระยะจากหล่อน “ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ชอบเลี้ยงหมา แต่ฉันชอบเลี้ยงแฟนของฉัน”
เหยียนเค่อพูดออกไปค่อนข้างตรง ในใจคิดว่าคิดถึงตอนโดนซย่าเสี่ยวมั่วปฏิเสธเลยทำกับคนตรงหน้าบ้าง ชายหนุ่มจูงเจ้าโกลเด้นเดินจากไป
เจ้าโกลเด้นเดินนำไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองชายหนุ่มหล่อเหลาที่เดินจูงเจ้าโกลเด้นอย่างสนอกสนใจว่าเป็นใคร
เหยียนเค่อเดินจูงเจ้าโกลเด้นมาจนถึงหน้าร้านอาหารเช้าได้อย่างแม่นยำ ถึงเจ้าของร้านจำเหยียนเค่อไม่ได้แต่จำเจ้าโกลเด้นได้อย่างแม่นยำ
“เฮ้ พ่อหนุ่ม คุณไม่ได้ขโมยหมาของคุณซย่ามาใช่ไหม” เจ้าของร้านอาหารเห็นชายหนุ่มจูงลูกรักของซย่าเสี่ยวมั่วเข้ามาก็มองอย่างแปลกใจ
เหยียนเค่อก้มมองเจ้าโกลเด้นที่นอนหมอบอยู่ตรงปลายเท้าอย่างรู้งาน แล้วเอ่ยถามขึ้น “จำเป็นต้องขโมยไหม”
“หน้าคุณดูคุ้นๆ แฟนของคุณซย่าใช่ไหม ไม่เห็นมาที่นี่นานเลย” เจ้าของร้านยังจำชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เมื่อก่อนเคยมากินอาหารที่นี่ได้
“อืม” แต่ก่อนชายหนุ่มคุ้นเคยกับการสวมบทบาทนี้ ยิ่งตอนนี้ยิ่งเต็มใจจะทำหน้าที่นี้เข้าไปใหญ่
เจ้าของร้านเอ่ยแซว “ช่วงหลังๆคุณซย่าไม่ได้พาคุณมาด้วย ผมยังนึกว่าพวกคุณเลิกกันแล้วเลย”
เหยียนเค่อไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ต่อ หลังจากสั่งอาหารเสร็จก็จูงเจ้าโกลเด้นเข้าไปด้านใน
“เย็นชาจริงๆ คุณซย่าทนได้อย่างไรเนี่ย” เจ้าของร้านมองตามหลังเหยียนเค่อแล้วบ่นพึมพำ จากนั้นก็กลับเข้าไปทำเกี๊ยวน้ำไก่ฉีกกับเสี่ยวหลงเปาในครัว
เหยียนเค่อคนเย็นชากำลังนั่งเล่นราวกับเด็กอยู่กับเจ้าโกลเด้น เอ่ยกับมันอย่างรู้สึกอิจฉา “ทำไมแกถึงได้ออกมากินข้าวกับซย่าเสี่ยวมั่วทุกวัน ฮะ”
เจ้าโกลเด้นไม่รู้ว่าชายหนุ่มพูดอะไร ได้แต่นั่งอย่างเชื่อฟังมองชายหนุ่มพูดอยู่คนเดียวอยู่บนเก้าอี้
เหยียนเค่อพบว่ามันไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบสนองเลยจึงหมดคำพูด หันกลับไปนั่งรออาหารที่สั่งไป “ถ้าไม่ใช่เพราะร้านนี้เอาแกเข้ามาได้ด้วย ฉันก็ไม่มาหรอกนะ”
เจ้าโกลเด้นเห่าตอบ เอาขาหน้าที่มีแต่เนื้อไปแตะที่เข่าของชายหนุ่ม
ตอนที่ 560 ตั้งแต่ต้นจนจบ
เหยียนเค่อหันไปมองเจ้าโกลเด้น “ทำไม แกมีปัญหาอะไร”
เจ้าโกลเด้นมองจ้องชายหนุ่มสักพัก ไม่สามารถสื่อสารกันรู้เรื่องมันจึงได้แต่นอนเอาตัวทับไปที่เท้าของชายหนุ่ม
เจ้าของร้านเอาอาหารมาเสิร์ฟมองเห็นชายหนุ่มนั่งดื่มน้ำอยู่บนโต๊ะคนเดียวจึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้ “หมาล่ะ”
“หืม” เหยียนเค่อหันไปมองเจ้าของร้านแวบหนึ่ง “อยู่นี่ไง”
เขายกมือโชว์เชือกที่อยู่ในมือเจ้าของร้านจึงได้เห็นเจ้าโกลเด้นที่นอนอยู่ที่พื้น “ทำไมไม่เรียกมันมานั่งบนโต๊ะล่ะ”
“นั่ง?” เหยียนเค่อรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่เจ้าโกลเด้นได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันกับเขา “ซย่าเสี่ยวมั่วทำแบบนั้นตลอดเลยเหรอ”
เจ้าของร้านพยักหน้า “ใช่ครับ หมาของพวกคุณมันน่าเอ็นดู ไม่ดื้อด้วย นี่ถ้าเป็นคนอื่นพามาตัวอื่นเข้ามาผมคงไม่ให้เอามาในร้านหรอก”
“นี่คุณเลือกปฏิบัติด้วยเหรอ”
เหยียนเค่อก้มลงมองเจ้าโกลเด้นที่นั่งนิ่งๆอยู่ แค่นั่งอยู่ตรงนั้นก็พอแล้ว เขายังไม่อยากนั่งจ้องหน้ากินข้าวร่วมกับมัน
หลังจากที่เบลล์โทรหาเหยียนเค่อเสร็จก็เริ่มดูกล้องวงจรปิดต่อ ดูเหมือนว่าเซียวอู๋อี้กับสวีอิ๋งอิ๋งคุยเรื่องสำคัญกันเสร็จแล้ว ทั้งคู่นั่งจิบชา คุยเล่นกันต่อ
ความจริงเซียวอู๋อี้ก็ลังเลว่าจะร่วมมือกับสวีอิ๋งอิ๋งดีหรือไม่ แต่เธอก็พบว่าขนาดเธออยู่เฉยๆอย่างสงบมันยังมีปัญหาเลยดังนั้นจึงต้องร่วมมือกับสวีอิ๋งอิ๋ง
ตอนที่สวีอิ๋งอิ๋งไปร่วมงานแต่งของสวีอันหรานก็เห็นเหยียนเค่อกับซย่าเสี่ยวมั่วส่งสายตาให้กับไปมา ขนาดมู่หยางยังไปชอบซย่าเสี่ยวมั่วเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าสายตาของผู้ชายพวกนี้มีปัญหาหรือเปล่า
ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่อยากขัดขวางเหยียนเค่อ แต่ยังอยากให้ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ว่าหากหล่อนไม่เหลืออะไรเลย พวกผู้ชายที่บอกว่ารักหล่อนจริงๆพวกนั้นก็จะไม่เหลียวมองหล่อนอีก ดังนั้นสิ่งแรกที่หล่อนทำหลังกลับมาจากงานแต่งก็คือการมาหาเซียวอู๋อี้
เดิมทีเซียวอู๋อี้ยังรู้สึกว่าจุดประสงค์ของสวีอิ๋งอิ๋งมันดูแปลกๆ แต่พอมาคุยกันในครั้งนี้ถึงได้รู้แน่นอนแล้วว่าตอนนี้สวีอิ๋งอิ๋งมองซย่าเสี่ยวมั่วเป็นศัตรู จึงรู้สึกแปลกใจ “แต่ก่อนคุณไม่ได้เกลียดซย่าเสี่ยวมั่วขนาดนี้นี่ ตอนนี้ไม่ชอบแล้วเหรอ”
สวีอิ๋งอิ๋งได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจ เอ่ยเถียง “เธอคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเธอหรืออย่างไร ฉันไม่ได้อิจฉาหล่อนซะหน่อย มีอะไรต้องให้เกลียดหล่อน”
เซียวอู๋อี้ฝืนยิ้ม นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอลงเรือลำเดียวกับหล่อนแล้วล่ะก็ คงจะต้องเอาน้ำชาราดไปที่หัวหล่อนแน่ๆ
“ผู้หญิงอย่างซย่าเสี่ยวมั่วไม่เจียมตัวเลยจริงๆ หล่อนไปยั่วหลานชายตระกูลมู่ ขนาดมีเหยียนเค่ออยู่แล้วแท้ๆ ฉันจะจัดการหล่อนแทนเหยียนเค่อ”
คำพูดที่ดูไม่แยแสใครของสวีอิ๋งอิ๋งยิ่งทำให้เซียวอู๋อี้รู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่
แต่เซียวอู๋อี้ก็ไม่อยากไปต่อเถียงกับผู้หญิงไม่มีสมองอย่างหล่อน ถ้าเธอเป็นเหยียนเค่อก็คงเลือกที่จะชอบ ซย่าเสี่ยวมั่วเหมือนกัน
“อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ ยังมีนัดต่อ”
สวีอิ๋งอิ๋งพูดออกมาคำนึง แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน “อย่าเอาตัวเองไปเกี่ยวแล้วกัน”
เบลล์เห็นเซียวอู๋อี้ขึ้นรถไปกับผู้ชายที่แทบจะหัวล้านไปทั้งหัวก็รู้สึกรังเกียจ รังเกียจยิ่งกว่าเห็นเหยียนเฟิงอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเสียอีก
สวีอิ๋งอิ๋งนั่งอยู่ต่ออีกสักพัก เบลล์ ไม่รู้ว่าหล่อนจะยังอยู่ต่อทำไม แต่ถ้าหล่อนไม่ไป เธอก็ออกไปไม่ได้ จึงได้แต่นั่งรออยู่ในนั้น
เบลล์รู้สึกภูมิใจในความรอบคอบของตัวเอง ยกมือให้พนักงานดูแลกล้องวงจรปิดไปยกอาหารที่เธอสั่งไว้เข้ามา
“ขอบใจนะ ทานด้วยกันสิ” เบลล์สั่งมาเผื่อพนักงานด้วย “ทำงานกะดึกขนาดนี้ลำบากแย่”
พนักงานที่ทำงานในห้องวงจรปิดส่วนใหญ่เป็นคนที่เพิ่งจบมหาลัยมาได้ไม่กี่ปี พอเห็นเบลล์ไม่ใช่คนถือตัวก็ก็เปลี่ยนสรรพนามเป็นเรียก ‘พี่’ ใช้แทนตัวเองว่า ‘ผม’ อย่างสนิทสนมขึ้นมาทันที
เบลล์กินข้าวอิ่มแล้ว แต่หยียนเฟิงก็ยังคงไม่มา เธอมองจ้องไปที่หน้าจอ หาวไปหลายรอบแล้ว
“พี่ครับ พี่นอนไปก่อนไหม เดี๋ยวพวกผมช่วยดูให้”
“ไม่ต้องหรอก พวกนายไปพักเถอะ ฉันดูอีกแปปเดี๋ยวก็กลับแล้ว” เบลล์เห็นว่าสวีอิ๋งอิ๋งโทรศัพท์อยู่หลายรอบก็พอจะเดาได้ว่าหล่อนกำลังรอใครอยู่ จึงได้แต่รออย่างใจเย็น