เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1014 ไหลตามน้ำ
ตอนที่ 1,014 ไหลตามน้ำ
ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันคิดไว้
มู่อวิ๋นไห่ที่มีค้อนจันทรามัจจุราชอยู่ในมือ ย่อมสามารถเอาชนะหลินเป่ยเฉินได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่ทันได้เบ่งบาน เหตุการณ์ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง
มันเห็นกับตาว่าหลินเป่ยเฉินสูญเสียอาวุธคู่กายไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มหาได้มีความตื่นตระหนกตกใจไม่
หลินเป่ยเฉินยื่นมือขึ้นไปในอากาศ
แล้วคทาสีเงินด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของหลินเป่ยเฉิน
เปรี้ยง!
คทาเงินปะทะเข้ากับค้อนเหล็ก
“เป็นไปได้อย่างไร…”
‘อันดับหนึ่งแห่งนครหลวง’ มู่อวิ๋นไห่อุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ ค้อนเหล็กในมือของมันลอยกระเด็นออกไป และในเวลาเดียวกันนี้ แขนของมันก็มีเลือดสาดกระจาย
วูบ!
หลินเป่ยเฉินโบกสะบัดคทา
ทันใดนั้น มู่อวิ๋นไห่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งนครหลวงก็ร่างระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ผิดท่า ผู้มีพลังขั้นเซียนอีกสองคนที่เหลืออยู่ ก็รีบล่าถอยกลับออกไปโดยเร็ว
แต่ไม่มีโอกาสเสียแล้ว
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินระเบิดรังสีสังหารออกจากร่างกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและอำมหิต ตัวคนพุ่งทะยาน ไม้คทาถูกฟาดลงไป และยอดฝีมือขั้นเซียนทั้งสองคนนั้นก็ร่างระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปเช่นกัน
“บัดซบ…”
ปู้เซียงฉือลอบอุทานอยู่ในใจ
เหตุไฉนผู้ที่มันคิดว่ารอดชีวิตกลับต้องมาตายหมดสิ้นด้วย?
จะมีเหลือรอดสักคนไม่ได้หรืออย่างไร?
หลังสบถคำหยาบออกมาแล้ว ปู้เซียงฉือก็ได้สติ หมุนกายหันหลังกลับ เตรียมตัวหลบหนี
มันไม่น่ามาที่นี่เลย
แต่อย่างไรก็ตาม…
“นี่ เจ้าน่ะ… เจ้าคือคนที่ไม่อยากตายใช่หรือไม่?”
เสียงของ ‘ปีศาจน้อย’ ดังขึ้นด้านหลัง “อย่าหนีเลย เจ้ากับข้ามีวาสนาต่อกัน ไหน ๆ ก็ได้พบกันอีกครั้ง ไม่คิดจะทักทายกันสักคำ ออกจะใจจืดใจดำเกินไปหน่อยแล้วกระมัง”
ทักทายอย่างนั้นหรือ?
ปู้เซียงฉือพูดโดยไม่ได้เหลียวหน้ากลับไปมองว่า “คารวะคุณชายหลิน ผู้ต่ำต้อยขอตัวก่อน”
แต่ดูเหมือน ‘ปีศาจน้อย’ จะไม่ยอมปล่อยมันไป “ยินดีต้อนรับกลับ”
ยินดีต้อนรับกลับอันใด?
ปู้เซียงฉือไม่ใช่ตัวโง่งม มันย่อมเข้าใจความหมายในวาจาของอีกฝ่าย
มันไม่กล้าลังเลรีรอ รีบหันกลับไปก้มหัวด้วยความเคารพนบนอบ ใบหน้าประดับรอยยิ้มอบอุ่นและจริงใจ “ขอบพระคุณคุณชาย พวกเราได้พบเจอกันอีกครั้ง นับว่ามีวาสนาต่อกันจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินกวักมือเรียก
ปู้เซียงฉือเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ทำไมมันถึงต้องมาที่นี่ด้วยนะ?
มันช่างโง่เขลาเหลือเกิน
แต่หลินเป่ยเฉินยังไม่ได้มีเจตนาสังหารปู้เซียงฉือ
เขาสะบัดหยดเลือดออกไปจากคทาเงิน เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว เด็กหนุ่มก็เก็บอาวุธของตนเองกลับคืนที่เดิม
ไม้คทานี้เขาได้มาจากเผ่ากิ้งก่าวายุ ถึงมันจะถูกหลอมขึ้นมาอย่างหยาบ ๆ ไม่ได้ลงอักขระอาคมอันใดเอาไว้เลย แต่เห็นได้ชัดว่าวัสดุที่นำมาหลอมเป็นไม้คทาด้ามนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
มันสามารถรับการโจมตีจากกระบี่วิญญาณมรกตได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน เพราะฉะนั้น ความแข็งแกร่งของมันจึงนับได้ว่าไม่เป็นที่ผิดหวัง
หลินเป่ยเฉินยกมือโบกวูบ
แล้วค้อนจันทรามัจจุราชที่ตกอยู่ห่างออกไปหลายสิบวาก็ลอยวูบเข้ามาอยู่ในมือของเขา
“ของดีนี่นา”
เมื่อค้อนเหล็กมาอยู่ในมือ ดวงตาของหลินเป่ยเฉินก็เป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความชื่นชม
ใหญ่ หนาและยาว
สามารถทนทานการพัวพันได้เป็นอย่างดี
นับว่าเป็นหนึ่งในยอดศาสตราวุธที่แท้จริง
“ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับคุณชาย ค้อนเหล็กเล่มนี้มีนามว่าค้อนจันทรามัจจุราช นับเป็นวัตถุขั้นเซียนระดับสูงและมีความเหมาะสมสำหรับผู้มีพลังขั้นเซียนอย่างคุณชายเป็นอย่างยิ่ง”
ปู้เซียงฉือประสานมือก้มศีรษะแสดงความยินดี
ชายหนุ่มถือว่าตนเองทรยศต่อตระกูลเว่ยโดยสมบูรณ์ บัดนี้ จึงทำหน้าที่เป็นสุนัขรับใช้หลินเป่ยเฉินด้วยความเต็มใจยิ่ง
ปู้เซียงฉือพยายามบอกตนเองว่าไม่มีอะไรที่มันต้องกลัว
หากตระกูลเว่ยกลับมาเรืองอำนาจได้อีกครั้ง มันก็แค่บอกว่าตนเองถูกหลินเป่ยเฉินบังคับ
แต่หากไม่ มันก็แค่ต้องไหลตามน้ำไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง
ปู้เซียงฉือปลุกปลอบตนเองจนจิตใจสงบลง
อ้อ ที่แท้ก็เป็นสุดยอดศาสตราวุธจริง ๆ ทั้งยังอยู่ในขั้นเซียนด้วย
หลินเป่ยเฉินประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ
ตลอดทั่วแผ่นดินตงเต้า อาวุธวิเศษและเครื่องมือที่ผ่านการเล่นแร่แปรธาตุจะถูกแบ่งแยกตามลำดับชั้น สิ่งที่มีระดับต่ำสุดก็คือเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุระดับสามัญ ของสิ่งนั้นหรืออาวุธชิ้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีความสามารถพิเศษ แต่มันจะมีความทนทานและความคมมากกว่าอาวุธที่ยังไม่ได้ผ่านการเล่นแร่แปรธาตุ
ถัดขึ้นมาจากนั้นก็จะเป็นวัตถุระดับวิเศษ ต่อด้วยวัตถุระดับยอดวิญญาณ และสูงสุดที่วัตถุระดับเซียน
วัตถุเหล่านี้ยังแยกย่อยแต่ละชนิดเป็นอีกสี่ขั้น ประกอบไปด้วยขั้นสามัญ ขั้นกลาง ขั้นสูงและขั้นสูงสุด
วัตถุระดับเซียนขั้นสูงเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่หายากมาก
นับว่าไม่ใช่ของธรรมดาเลยจริง ๆ
อย่างเช่นกระบี่วิญญาณมรกตที่เขามอบให้แก่ไป๋เสี่ยวเซียวไปนั้น ก็นับเป็นวัตถุระดับเซียนขั้นสูงเช่นกัน
ค้อนเหล็กด้ามนี้ดูเหมาะสมกับเซียวปิงมาก
เอากลับไปให้… ไม่สิ เอากลับไปขายต่อให้เจ้าอ้วนดีกว่า
นับจากนี้ไป ไม่แน่เซียวปิงอาจจะมีฉายาใหม่ว่าขุนค้อนหมูตอนบ้าคลั่งก็เป็นได้
เดี๋ยวเขาจะขายให้เซียวปิงในราคาศิลาบูชา 80 ก้อนแล้วกัน
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างมีความสุข ในมือกำด้ามจับค้อนเหล็กแนบแน่น หลังจากนั้น เขาก็เหลียวหน้ากลับไปมองเว่ยอู๋จีผู้อยู่กลางวงล้อมของนายทหารองครักษ์ “เจ้าคงคิดไม่ถึงเลยล่ะสิว่าหลินเป่ยเฉินคนนี้จะกลับมาแล้ว”
เว่ยอู๋จีกัดฟันกรอดและโบกมือออกคำสั่ง “ฆ่ามันซะ”
องครักษ์ที่อยู่รอบกายเขาในตอนนี้ล้วนแต่เป็นนายทหารผู้ซื่อสัตย์
ต่อให้รู้ว่าตนเองจะต้องพ่ายแพ้ แต่พวกมันก็ยังชักกระบี่วิ่งออกมาอย่างไม่กลัวตาย
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายเย็นชา ก่อนที่เขาจะโบกสะบัดมือวูบ
เด็กหนุ่มใช้พลังปราณธาตุทองคำควบคุมอาวุธของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
ฟู่! ฟู่!
เพียงพริบตาเดียว นายทหารนับร้อยคนของมณฑลเฉียนเกา ก็ล้มลงนอนสิ้นใจตายบนพื้นจากการทรยศของอาวุธในมือพวกมันเอง
แขนขาขาดกระเด็น โลหิตไหลนองเต็มพื้นหิน
เว่ยอู๋จีตัวสั่นงันงก
เขามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความขมขื่น
“ข้า…”
ชายวัยกลางคนพยายามเปิดปากพูด
“เฮอะ คนไม่เอาไหนเช่นเจ้า มีดีอย่างไรถึงขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ? วันนี้ ข้ามาทวงคืนชีวิตของเจ้าเพื่อล้างแค้นให้แก่ชาวเมืองหลายล้านคน ที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะความชั่วร้ายของตระกูลเว่ย”
หลินเป่ยเฉินขี้เกียจที่จะพูดจาให้มากความ จึงยกค้อนในมือขึ้นสูง
เปรี้ยง!
เนื้อหนังและเศษกระดูกกระจัดกระจาย
จักรพรรดิองค์แรกของตระกูลเว่ยยังไม่ได้ทันทำพิธีราชาภิเษกครองบัลลังก์อย่างเป็นทางการ ร่างกายก็มีอันแหลกสลายไปด้วยอานุภาพการทุบของค้อนจันทรามัจจุราชเสียแล้ว…
เสียชีวิตโดยที่แม้แต่เศษวิญญาณก็ไม่มีเหลือรอด
เมื่อเห็นเช่นนั้น ปู้เซียงฉือก็หมดแรงยืนอีกต่อไป มันล้มลงนั่งพับเพียบบนพื้นด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
โลกทั้งใบของมันได้ถล่มลงมาหมดสิ้นแล้ว