เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1023 คำขอที่แปลกประหลาด
ตอนที่ 1,023 คำขอที่แปลกประหลาด
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา
เห็นได้ชัดว่าเขาประหลาดใจในท่วงท่าที่มุ่งมั่นของเด็กหนุ่ม
และเทพเจ้าวัยกลางคนก็ไม่มีเวลาให้คิดอื่นใดอีก
เพราะจังหวะที่เขาสูญเสียสมาธิ เทพีกระบี่ก็ชิงลงมือ
รังสีกระบี่พุ่งเข้ามาเป็นเกลียวคลื่น
ระดับพลังทำลายล้างรุนแรง
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาลอบสบถอยู่ในใจ หันเหทิศทางของหอกไฟในมือและเปลี่ยนมันกลายเป็นโล่กำบังรับการโจมตีของเทพีกระบี่
ปีกกระบี่ทั้ง 12 คู่ของนางกางออกกว้างโดยทันที
ทั้งคนทั้งกระบี่โจมตีด้วยความรุนแรง
เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาควงหอกไฟในมือของตนเอง ตั้งรับกระบวนท่ากระบี่จากคู่ต่อสู้
เคร้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย
พลังศักดิ์สิทธิ์ระเบิดไปรอบทิศทาง
หลินเป่ยเฉินกลัวผมเสียทรง จึงถอยห่างออกมาเล็กน้อย
“ฆ่ามันเลย ฆ่ามันเลย”
เขายกมือป้องปากส่งเสียงให้กำลังใจ
มุมปากของเทพีกระบี่บิดตัวเป็นรอยยิ้ม
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาเลิกคิ้วขึ้นสูง
เทพเจ้าทั้งสองต่อสู้กันด้วยความดุเดือด
ไม่ต่างไปจากการต่อสู้ของอันธพาลข้างถนน
“หลินเป่ยเฉิน เจ้าไปเอาความอวดดีเช่นนี้มาจากไหน?”
“รอให้ข้าจัดการเทพีกระบี่ให้ได้เสียก่อนเถอะ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าความอำมหิตมันเป็นเช่นไร”
เทพเจ้าวัยกลางคนระเบิดเสียงคำรามผ่านทะเลเพลิง
นับตั้งแต่ที่การต่อสู้เปิดฉากขึ้น จิตใจของเขาก็ถูกครอบงำด้วยความดุดันอำมหิต
“เพลิงมังกรเก้าหาง”
สิ้นเสียงตะโกน หอกเพลิงในมือของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นมังกรเก้าหางตัวหนึ่ง มันอ้าปากกว้างระเบิดเสียงคำรามกึกก้องท้องนภา ก่อนจะบินเข้าไปหมุนวนรอบกายเทพีกระบี่ หมายรัดพันนางไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
นี่มันตั้งใจจะทำให้เทพีกระบี่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ใช่หรือไม่?
“กระบวนท่าหนึ่งกระบี่สามเงา”
กระบี่ยาวในมือของเทพีกระบี่พริ้วไหว ลำแสงสีเงินเป็นประกายเจิดจ้า แล้วหนึ่งกระบี่ก็แยกออกเป็นสาม เมื่อมังกรเพลิงเก้าหางสัมผัสร่างของนาง มันก็ถูกรังสีกระบี่ฟันกระจาย ร่างกายแหลกสลายกลายเป็นหมอกควัน
“เจ้าหลงกลเข้าให้แล้ว”
เทพแห่งวิหารเฉียนเการวบรวมเปลวไฟกลายเป็นหอกเพลิงเล่มใหม่ ทันใดนั้น มันทิ่มแทงหอกออกมาข้างหน้า
หอกเพลิงเล่มนี้มีแสงสว่างแวววาวราวกับดวงดารา อีกทั้งยังมีลวดลายสวยงามน่าตกตะลึงอีกด้วย
ปีกบนแผ่นหลังเทพีกระบี่กระพือพัด แล้วนางก็ซัดใบมีดจากปีกกระบี่เหล่านั้นออกมาหลายพันเล่ม
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง เปรี้ง!
บนท้องฟ้าในขณะนี้เกิดการระเบิดตัวของมวลพลังราวกับฝนดาวตก
พลังศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ
หลินเป่ยเฉินถอยร่นออกมาเรื่อย ๆ จนในที่สุด เขาก็มายืนอยู่บนกำแพงเมืองที่ว่างเปล่า
เด็กหนุ่มปล่อยกระแสพลังออกมาสร้างเป็นม่านพลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า คอยปกป้องกระแสพลังคุกคามไม่ให้ผ่านเข้าไปเล่นงานชาวเมืองที่ด้านใน
ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่การต่อสู้ระหว่างเทพเจ้าทั้งสอง
นี่คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
หลินเป่ยเฉินหวังที่จะวิเคราะห์รูปแบบการต่อสู้ จุดอ่อนและจุดแข็งของเทพเจ้าระหว่างการรับชม
เขาแอบนำโทรศัพท์ออกมาถ่ายวีดีโอเอาไว้
บนท้องฟ้า ร่างของเทพเจ้าเคลื่อนไหวเป็นเงาและลำแสง
เทพแห่งวิหารเฉียนเกากับเทพีกระบี่ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
การปะทะกันของพลังทั้งสองฝ่ายทำให้ฟ้าดินสะเทือน
สมแล้วที่เป็นการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้า
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้เห็นการต่อสู้ของเทพเจ้า
รูปแบบการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ใช้พลังลมปราณ
แต่การระเบิดพลังของเทพเจ้านั้น ดูจะมีความลื่นไหลมากกว่ามนุษย์ แม้ไม่มีสิ่งใดยืนยันสิ่งที่เขาคิด แต่หลินเป่ยเฉินก็เกิดสังหรณ์แปลก ๆ ขึ้นมาว่า หากนำมนุษย์ที่มีขั้นเซียนกับเทพเจ้าที่มีขั้นเซียนมาต่อสู้กัน ถึงอย่างไรมนุษย์ก็คงต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่วันยันค่ำ
สถานการณ์ในขณะนี้ เทพีกระบี่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
นางมีผู้ติดตามน้อยกว่าเทพแห่งวิหารเฉียนเกาถึง 2.6 ล้านคน และนั่นหมายถึงระดับพลังที่ห่างชั้นกันมากเกินไป
เปรี้ยง!
การปะทะกันเกิดขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่เงาร่างจะแยกออกจากกัน
กระบี่ยาวในมือของเทพีกระบี่แตกหัก
สายรัดผมของนางขาดสะบั้น
ผมยาวสลวยปลิวไสวตามสายลมราวกับเปลวไฟสีดำทมิฬ
โลหิตสีแดงสดเปรอะเปื้อนแก้มขาวผ่อง
นางลอยตัวอยู่กลางอากาศ เกิดอาการซวนเซเล็กน้อย แต่เมื่อระเบิดเสียงคำรามออกมา ใต้เท้าของนางก็ปรากฏมวลพลังรองรับสองเท้า แสดงให้เห็นถึงพื้นกึ่งโปร่งแสงที่กำลังแตกร้าวผืนหนึ่ง!
“เจ้าอ่อนแอมากเกินไป”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย
เขารอคอยจังหวะนี้มานานแล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์ถูกรวบรวมเต็มอัตรา
“ตายซะเถอะ”
เสียงมังกรคำรามดังกังวานทั่วแผ่นฟ้า
เทพีกระบี่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสมบูรณ์ มังกรเพลิงเก้าหางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และมันก็บินเข้ามารัดพันร่างกายของเทพีกระบี่ด้วยความบ้าคลั่ง…
“ฟู่”
เทพีกระบี่กระอักเลือดออกมาจากปาก
โลหิตเทพเจ้าสาดกระจายไปทั่วแผ่นฟ้า
“สวรรค์เข้าข้างข้าเสมอ”
รอยยิ้มอำมหิตปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา “ต่อจากนี้ไปย่อมเป็นยุคสมัยของข้า บัดนี้ เจ้าถึงกับกระอักเลือดออกมาแล้ว คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานกระมัง…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย…
ลำแสงสีเงินก็เป็นประกายวูบ
หอกเงินที่เคยเสียบทะลุร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาพลันพุ่งตรงเข้ามาเล่นงานอีกครั้ง
“หึ่ย บัดซบ…”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาผงะถอยหลัง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ระวังตัว
แต่รู้ตัวอีกที ตนเองก็ถูกหอกเสียบทะลุอีกแล้ว
ตู้ม!
หอกสั่นสะเทือน
ทันใดนั้น ร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
เช่นเดียวกับมังกรเพลิงที่กำลังรัดพันร่างของเทพีกระบี่
“หลินเป่ยเฉิน เจ้าสมควรตายเป็นร้อยครั้งพันครั้ง”
เสียงคำรามดังกังวานไปทั่วฟ้าดิน
ม่านหมอกเลือดและเศษกระดูกในอากาศค่อย ๆ กลับมารวมตัวกันกลายเป็นร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาอีกครั้งด้วยความเร็วน่าตกตะลึงยิ่ง
ความเร็วในการฟื้นตัวมีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาด้วยวิชาวารีบำบัดของหลินเป่ยเฉินหลายเท่า
เทพแห่งวิหารเฉียนเกายืนอยู่กลางอากาศ จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาแห่งความโกรธแค้น
“เจ้ามองอะไรไม่ทราบ?”
หลินเป่ยเฉินยื่นมือเข้าไปช่วยประคองเทพีกระบี่ ก่อนหันไปยิ้มอย่างอบอุ่นให้แก่เทพแห่งวิหารเฉียนเกา “ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง?”
ละอองน้ำสีฟ้าพร่างพรมลงไปบนร่างเทพีกระบี่
วิชาวารีบำบัด
หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นการรักษา
เทพแห่งวิหารเฉียนเการวบรวมเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์และเคลื่อนกายเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า
ทุกครั้งที่เท้าของเขาก้าวเดินในอากาศ เปลวไฟรอบกายก็จะระเบิดตัวตูมตาม
เปลวเพลิงลากเป็นทางยาวตามมาด้านหลัง
“ข้าจะส่งพวกเจ้าลงนรกไปด้วยกันทั้งคู่”
เทพแห่งวิหารเฉียนเการะเบิดเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด
บัดนี้ เขากำลังจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
นี่คือการสร้างอาณาเขตอัคคีผลาญนครา
เปลวไฟขยายวงล้อมเป็นมหาสมุทร แผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย และกักขังให้หลินเป่ยเฉินกับเทพีกระบี่ต้องติดอยู่ตรงกลาง
อานุภาพในการทำลายล้างรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
ระดับพลังน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“หลินเป่ยเฉิน หอกอันต่ำต้อยของเจ้าจะไม่สามารถทำอะไรข้าได้อีกแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อ จะลองลอบโจมตีข้าดูอีกสักครั้งก็ได้…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ลำแสงสีเงินก็พุ่งเข้ามา
ร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาถูกหอกเงินในมือหลินเป่ยเฉินเสียบทะลุเป็นครั้งที่สาม
“เจ้า…”
ใบหน้าของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาแสดงออกถึงความไม่อยากเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร?
หอกเล่มนี้…
“นี่มันไม่ใช่อาวุธจากโลกนี้ เจ้า…”
ในที่สุด เขาก็ได้เข้าใจแล้ว
ตู้ม!
หอกเงินสั่นสะเทือน
ร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาถูกระเบิดกระจายอีกครั้ง
แล้วหอกเงินเล่มนั้นก็บินกลับเข้าไปอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉิน
“ก็เจ้าขอให้ข้าลองโจมตีดูไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าเทพีกระบี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของตนเอง “ท่านเคยพบกับคำขอที่แปลกประหลาดเช่นนี้บ้างหรือไม่? นี่คือครั้งแรกเลยนะที่มีคนขอให้ข้าทำอะไรเช่นนี้”
เทพีกระบี่หลับตาลงและไม่ตอบคำใด ด้วยกำลังพยายามจะฟื้นฟูพลังของตนเองกลับมาให้เร็วที่สุด…
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาสามารถรวมร่างกลับขึ้นมาใหม่ได้ในทันที
และอาณาเขตอัคคีผลาญนคราก็ยังไม่จางหายไป
มิหนำซ้ำ เปลวเพลิงยังรุนแรงขึ้นอีกด้วย
“หนีไปซะ…”
เทพีกระบี่รู้แล้วว่าตนเองจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ นางจึงกล่าวว่า “เจ้าฆ่าเขาไม่ได้หรอก มนุษย์ไม่สามารถต่อสู้กับเทพเจ้าได้อยู่แล้ว นี่คือกฎเหล็กของดินแดนทวยเทพ ไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดทำได้มาก่อน…”
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “แล้วท่านจะอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างนั้นหรือ?”
“ฮ่า ๆๆ…”
เทพแห่งวิหารเฉียนเการะเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “นางเทพีผู้นี้ใกล้ตายเต็มทีแล้ว เจ้ายังคิดเป็นห่วงนางอยู่อีกหรือ? เด็กน้อย เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กจ้อยเท่านั้น อย่าว่าแต่จะสังหารข้าเลย เจ้าไม่สามารถสลายพลังของข้าได้ด้วยซ้ำ ต่อให้เจ้าระเบิดร่างข้าได้อีกนับหมื่นครั้ง เจ้าก็ไม่สามารถทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย…”
“แน่ใจหรือ?”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ขอเพียงข้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือเท่านั้น เทพีกระบี่ก็จะได้รับพลังพิเศษ และนั่นก็จะทำให้นางสามารถฆ่าเจ้าได้ไม่ต่างจากสุนัขข้างถนนตัวหนึ่ง”