เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1024 เจ้าทำอะไรลงไป
ตอนที่ 1,024 เจ้าทำอะไรลงไป
แน่นอนว่าเทพแห่งวิหารเฉียนเกาย่อมไม่เชื่อ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เชื่อไม่ลงเด็ดขาด
เพราะมันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“หึ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นเทพเจ้าหรืออย่างไร?”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาเหยียดหยาม “ข้าเคยเห็นเจ้าแสดงฝีมือมาแล้ว เจ้าเพียงอาศัยการรับพรศักดิ์สิทธิ์จากเทพเจ้าเท่านั้น แต่บัดนี้ หุ่นกระบอกอย่างเจ้าคิดที่จะปกป้องนาง รู้หรือไม่ว่าการฝืนชะตาฟ้านั้นเป็นเช่นไร?”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ให้ตายสิ
สมแล้วที่หมอนี่เป็นเทพเจ้า ช่างมีสายตาแหลมคมเหลือเกิน
มันรู้ด้วยว่าเขาอาศัยพลังจากผู้อื่นมาตลอด
แต่แล้วจะทำไมล่ะ?
นั่นอาจจะเป็นความจริง
จะมีใครสักกี่คนที่สามารถทำอย่างเขาได้?
“ท่านไม่ต้องกลัวเขาหรอก”
หลินเป่ยเฉินพูดพร้อมกับผลักเทพีกระบี่ออกไปข้างหน้า “เร็วเข้า ออกไปสู้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจะคอยระวังหลังให้เอง”
เทพีกระบี่ชักสีหน้าด้วยความรำคาญใจ
แม้นางอยากจะให้หลินเป่ยเฉินหลบหนีไป
เขาหลบหนีไปก็เรื่องหนึ่ง แต่เล่นผลักนางให้ออกมาต่อสู้ถึงขนาดนี้ มันหมายความว่าอย่างไร?
เจ้าเศษสวะ
นางรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี
ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ โฉมหน้าที่แท้จริงก็ถูกเปิดโปงออกมา
หึหึ
แต่ช่างปะไร เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
จะได้ไม่ต้องมีใครห่วงใครอีกแล้ว
ความคิดมากมายผุดขึ้นในจิตใจของเทพีกระบี่ และลมหายใจต่อมา นางก็โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ลำแสงสีเงินสว่างเจิดจ้ารวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มใหม่ และกระบี่เล่มนั้นก็กำลังฟันเข้าใส่เทพแห่งวิหารเฉียนเกาด้วยความหนักหน่วงรุนแรง
“ฮ่า ๆๆ…”
เทพเจ้าวัยกลางคนสามารถปัดป้องการโจมตีของเทพีกระบี่ได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้น เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน “เป็นอย่างที่คิด เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย ต่อให้เขาจะเป็นสาวกของเจ้า แต่หลินเป่ยเฉินก็สามารถหักหลังเจ้าได้โดยไม่ลังเล…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
เสียงหัวเราะพลันเงียบลง
เพราะว่าหลินเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่ห่างไกล ไม่ได้หลบหนีไปไหน
เด็กหนุ่มมีท่าทีเคร่งขรึมและสงบเสงี่ยมเรียบร้อย มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้ม สองมือยกขึ้นมาอยู่ในระดับหน้าอก นิ้วโป้งกระตุกตลอดเวลาคล้ายกับกำลังสร้างค่ายอาคมบางอย่าง…
นอกจากนี้ ยังมีกระแสพลังไหลรินเข้าสู่ร่างกายจากรอบทิศทางอีกด้วย
พลังศรัทธา?
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
เจ้าเด็กคนนี้ก็เป็นนักบวชเช่นกันหรือ?
แต่นี่ไม่ใช่การรวบรวมพลังเพื่อโจมตี
ถ้าอย่างนั้น หลินเป่ยเฉินกำลังทำอะไรอยู่?
จังหวะที่เทพแห่งวิหารเฉียนเกากำลังมึนงงสงสัย เขาก็เห็นมือขวาของหลินเป่ยเฉินวาดไปมาในอากาศหลายครั้ง ไม่ต่างจากผู้ที่กำลังเขียนอักขระบนแผ่นยันต์ และสุดท้าย เด็กหนุ่มก็จิ้มนิ้วชี้ลงไปในอากาศ
เหมือนเขาจะเสร็จจากการสร้างค่ายอาคมแล้ว
วูบ!
ทันใดนั้น กระแสพลังสีขาวนวลก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นเหมือนสายน้ำไหลออกมาจากร่างของหลินเป่ยเฉินซึมเข้าสู่ร่างของเทพีกระบี่โดยตรง
“ด้วยนามแห่งเทพีกระบี่ จงรับพลังจากสาวกของท่านไป”
เมื่อสิ้นเสียงคำรามราวกับพยัคฆ์คำรณของหลินเป่ยเฉิน ปาฏิหาริย์ก็บังเกิดขึ้น
ระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเทพีกระบี่พุ่งขึ้นสูง
รัศมีสีขาวเจิดจ้าเปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าดวงจันทร์
พวยพุ่งถึงขีดสุด
บนท้องฟ้านอกนครหลวงในยามนี้ ได้กำเนิดแสงสว่างที่คล้ายกับดวงจันทร์ดวงที่สองบนฟากฟ้า
แสงสว่างจากดวงจันทร์ดวงใหม่นี้แผ่ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดิน ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนหรือชาวเมืองผู้อยู่อาศัย…
…
นครเจาฮุย
“นายท่านประทานพรศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว”
“เร็วเข้า พวกเรารีบทำตามคำสั่งของนายท่าน มาสวดภาวนาให้เทพีกระบี่กันเถอะ!”
“คุณชายหลินและเทพีกระบี่คือผู้ช่วยชีวิตของพวกเรา ขอบคุณความเมตตาของพระองค์ท่านสำหรับอาหาร เสื้อผ้า ผืนดิน สุขภาพ และรอยยิ้มของพวกเรา…”
“นี่คือคำสั่งจากคุณชายหลิน พวกเจ้ามีลูกเมียอยู่เท่าไหร่ นำออกมาสวดภาวนาให้แก่เทพีกระบี่ทั้งหมด”
“เลิกเรียนก่อน เลิกเรียนก่อน ศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามทุกท่าน ได้โปรดมารวมตัวกันเพื่อสวดภาวนาให้แก่เทพีกระบี่…”
“ตลาดปิดแล้ว พวกเราจะมาสวดภาวนากัน”
“สำนักร้องทุกข์ปิดรับเรื่องชั่วคราว พวกเราจะมาสวดภาวนาให้เทพีกระบี่ นี่คือเรื่องสำคัญที่สุดประจำค่ำคืนนี้…”
บทสนทนาที่แปลกประหลาดดังขึ้นทั่วนครเจาฮุย
ในเวลาเดียวกันนี้
แม้แต่นายทหารที่เข้าร่วมกับกองทัพเป่ยไห่และอยู่ระหว่างการเคลื่อนขบวนสู่นครหลวงก็ยังหยุดชะงัก ก้มหน้าลงและสวดภาวนาอยู่ในใจเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
โหลวซานกวนผู้เป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ขมวดคิ้วสอบถาม
หากไม่มีคำสั่งทางการทหาร พวกเขาจะหยุดเดินทัพโดยพละการไม่ได้เด็ดขาด
โทษทัณฑ์ของทหารที่หยุดเดินทัพโดยไม่ได้รับคำสั่งจะต้องถูกประหารสถานเดียว
“กราบเรียนท่านแม่ทัพ เป็น… เป็นคุณชายหลินประทานพรศักดิ์สิทธิ์มาอีกครั้ง เขาสั่งให้นายทหารเหล่านี้ทำการสวดภาวนาให้แก่เทพีกระบี่ เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงหยุดเดินทัพอย่างกะทันหันขอรับ!”
นายทหารผู้หนึ่งวิ่งกลับมารายงานพร้อมกับคุกเข่าลงข้างเดียว
“เรื่องนั้น…”
โหลวซานกวนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เพราะเขาเห็นกับตาว่าห่างออกไปไม่ไกล แม่ทัพหญิงเฉียนเหมยผู้ขี่อยู่บนแผ่นหลังของหมาป่าน้ำแข็งกลายพันธุ์ ก็ยังยกมือขึ้นมาประสานกันบริเวณหน้าอกเพื่อทำการสวดภาวนาแล้วเช่นกัน
เรื่องนี้เขาจะเข้าไปแทรกแซงไม่ได้เป็นอันขาด
…
นอกนครหลวง ท้องฟ้ายามราตรี
เทพีกระบี่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังศรัทธาของตนเองเพิ่มมากขึ้น
นี่คือพลังจากสาวกผู้บริสุทธิ์และหนักแน่น
พลังหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
กระแสพลังเหล่านั้นไหลออกมาจากร่างของหลินเป่ยเฉินและซึมเข้าสู่ทุกสัดส่วนของนาง กลายเป็นพลังพิเศษที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า
อาการบาดเจ็บหายดีเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อสามารถโคจรพลังได้เต็มอัตราอีกครั้ง เทพีกระบี่ก็ระเบิดเสียงคำรามต่อเนื่อง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หอกไฟและกระบี่เงินปะทะกันอย่างหนักหน่วงรุนแรง
“เป็นไปได้อย่างไร?”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกามีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปแล้ว เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นในใจของเขา
เกิดอะไรขึ้น?
เหตุการณ์เช่นนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“จันทราสนธยาพิฆาต!”
เทพีกระบี่พยายามควบคุมพลังอย่างสุดความสามารถ นางไม่รู้เลยว่าพลังเสริมเหล่านี้จะคงอยู่ต่อไปอีกนานเพียงใด ดังนั้น นางจึงทุ่มเทใช้พลังในการโจมตีด้วยกระบวนท่าที่รุนแรงมากที่สุดออกมา
“อาณาเขตเพลิงผลาญนครา”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาพยายามต้านทานด้วยการเสริมสร้างอาณาเขตให้แข็งแกร่งมากขึ้น
ห่างออกมาไม่ไกล
หลินเป่ยเฉินยังคงยืนดูการต่อสู้อยู่เช่นเดิม
เขานำโทรศัพท์มือถือออกมาตรวจสอบยอดผู้ติดตาม
14.5 ล้านคน…
15.5 ล้านคน…
17 ล้านคน…
18 ล้านคน…
ยอดผู้ติดตามของเทพีกระบี่ในแอปเว่ยป๋อเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น นางก็มีผู้ติดตามแซงหน้าเทพแห่งวิหารเฉียนเกาเรียบร้อยแล้ว…
นั่นเป็นเพราะว่าไม่กี่อึดใจก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินได้โพสต์ข้อความใหม่ลงไปว่า ‘รบกวนขอความช่วยเหลือจากทุกท่าน มารวมตัวกันสวดภาวนาให้แก่เทพีกระบี่ ณ บัดนี้’
มีผู้คนตอบกลับโพสต์ของเขาถึงสามล้านครั้งและมีการแชร์ต่อไปอีกถึงหกแสนครั้ง…
บางคนถึงกับช่วยแชร์โพสต์สองครั้งด้วยซ้ำ
แต่การแชร์โพสต์สองครั้งมันจะต่างจากการแชร์โพสต์ทั่วไปอย่างไรบ้าง? หลินเป่ยเฉินก็ไม่รู้เหมือนกัน
แม้ว่าการทดลองก่อนหน้านี้จะได้ผลดี แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
นี่หมายความว่าในอนาคตข้างหน้า เขาคงหากินกับ ‘ธุรกิจโฆษณา’ ได้แล้วสินะ?
ตราบใดที่มีคนจ้าง เขาก็สามารถโพสต์ข้อความในเว่ยป๋อ เพื่อเรียกพลังศรัทธาส่งไปให้แก่ผู้ว่าจ้างได้อย่างสบาย ๆ
หุหุ
คิดเพียงเท่านี้ ก็เห็นเส้นทางเศรษฐีอยู่ข้างหน้าแล้ว
“เป็นไปไม่ได้…”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาส่งเสียงร้องคำรามจากกลางอากาศ
แขนของเขาระเบิดกระจาย
โลหิตย้อมท้องฟ้าป็นสีแดงก่ำ
“เจ้าทำอะไรลงไป?”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาที่แขนขาดไปข้างหนึ่งรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เขาหมุนตัวถอยหลังไปตั้งหลัก ดวงตาจ้องมองหลินเป่ยเฉินและคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
“ลองเดาดูสิ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เห็นเทพเจ้าอย่างเจ้าร้อนรนถึงเพียงนี้… ช่างทำให้บุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาอย่างข้ารู้สึกมีความสุขเหลือเกิน”