เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1025 เผด็จศึก
ตอนที่ 1,025 เผด็จศึก
เทพีกระบี่ก็กำลังตกตะลึงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ในชีวิตอันยาวนานหลายพันปีของนาง เทพีกระบี่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามนุษย์ผู้หนึ่งจะสามารถแบ่งปันพลังช่วยเหลือเทพเจ้าได้เช่นนี้
นี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
และมันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวนางเอง
“ตายซะ”
เทพีกระบี่ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
นางอาศัยความได้เปรียบของพลังที่เพิ่มขึ้นมาไล่ล่าสังหารฝ่ายตรงข้าม
คมกระบี่สาดประกาย
โจมตีใส่เทพแห่งวิหารเฉียนเกาอย่างต่อเนื่อง
เทพเจ้าวัยกลางคนได้แต่ร้องคำรามและควงหอกปัดป้องตลอดเวลา
วูบ!
คมกระบี่ฟันเข้าใส่ช่วงเอวและหน้าท้องของเขา
ตัวคนขาดครึ่งด้วยกระบี่นี้
นี่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการถูกมนุษย์โจมตี ใบหน้าของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขาพยายามใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของตนเองให้ดีที่สุด
ดังนั้น ม่านโลหิตที่กระจายอยู่ทั่วแผ่นฟ้าไม่ต่างจากลูกปัดเม็ดเล็ก ๆ จึงเริ่มกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง
แต่การรวมร่างใหม่ในครั้งนี้เชื่องช้ามากกว่าตอนที่เขาถูกหลินเป่ยเฉินโจมตีหลายเท่า
แล้วเทพีกระบี่จะปล่อยให้อีกฝ่ายฟื้นตัวได้อย่างไร?
“อาณาเขตกระบี่พิชิตฟ้าชั่วนิรันดร์!”
เสียงคำรามแหบต่ำ พลังศักดิ์สิทธิ์ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มอัตรา เงากระบี่ครอบคลุมผืนฟ้าสะท้อนประกายกับแสงจันทรา มวลอากาศปั่นป่วนไม่ต่างจากกำลังเกิดพายุใหญ่…
วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!
รังสีกระบี่จำนวนมากพุ่งออกไป
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาตกอยู่ภายใต้การครอบคลุมของเงากระบี่ อาณาเขตเพลิงผลาญนคราอ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด บัดนี้ มันถูกพายุกระบี่บีบตัวเข้ามาจนเหลือรัศมีไม่กี่ร้อยหลาเท่านั้น…
เทพเจ้าวัยกลางคนตกอยู่ใต้แรงกดดันมหาศาล
บาดแผลบนร่างกายยังไม่ทันสมานตัวดี เมื่อเผชิญแรงกดดันเช่นนี้ บาดแผลจึงระเบิดตัวออก ส่งผลให้ท้องฟ้าสาดกระจายด้วยม่านโลหิตอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้”
เทพแห่งวิหารเฉียนเการ้องคำรามด้วยความโกรธแค้น ไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่ตกลงสู่กับดักของนายพราน
“ตายซะ”
เทพีกระบี่แผดเสียงด้วยความเย็นชา
เส้นผมยาวสลวยของนางปลิวไสวไปตามแรงลม บรรยากาศปกคลุมด้วยจิตสังหารแรงกล้า
ฟู่! ฟู่!
โลหิตพุ่งออกมาจากช่วงไหล่ ช่วงแขน หน้าอก ช่วงท้อง ช่วงคอและต้นขาของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา
ในที่สุด พลังของอาณาเขตเพลิงผลาญนครา ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากอาณาเขตกระบี่พิฆาตฟ้าชั่วนิรันดร์ได้อีกต่อไป
อาการบาดเจ็บของเขาเกิดขึ้นจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพีกระบี่
ด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ ก็สามารถทำให้เทพแห่งวิหารเฉียนเกาถึงขั้นเสียชีวิตได้แล้ว
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
มหัศจรรย์มากเลยแฮะ?
แข็งแกร่งมากจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินลองพยายามถ่ายทอดพลังลมปราณของตนเองเข้าสู่รัศมีการโจมตีของกระบวนท่ากระบี่พิชิตฟ้าชั่วนิรันดร์
ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เด็กหนุ่มต้องตกตะลึง
เพราะทันทีที่พลังลมปราณของเขาเข้าสู่ขอบเขตของรัศมีการโจมตี มันก็ถูกกลืนหายเข้าไปราวกับแสงสว่างในแสงตะวัน
หลินเป่ยเฉินเข้าใจแล้ว
มนุษย์ธรรมดาอาจจะต่อสู้กับเทพเจ้าได้ก็จริง
แต่หากเทพเจ้าเอาจริงขึ้นมา มนุษย์ย่อมไม่มีทางต้านทานได้เด็ดขาด
ความเป็นจริงช่างน่ากลัว
นี่หมายความว่ามนุษย์ผู้หนึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังหารเทพเจ้า
เพราะพลังของมนุษย์ธรรมดา ไม่สามารถทำอะไรเทพเจ้าได้แม้แต่น้อย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าเพราะเหตุใด เขาเล่นงานเทพแห่งวิหารเฉียนเกาหลายครั้งหลายหนก่อนหน้านี้ แต่อีกฝ่ายก็สามารถคืนร่างกลับมาใหม่ได้เสมอ
ต่อให้เป็นการโจมตีด้วยหอกเงินจากภพอื่น แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเทพแห่งวิหารเฉียนเกาได้สักนิด
และที่สำคัญก็คือ
ดูเหมือนเขาจะลืมอะไรไปบางอย่าง
สิ่งที่เขาลืมก็คือนักพรตหญิงชิน
หลินเป่ยเฉินได้ยินข่าวลือว่านางเคยสังหารเทพเจ้าไม่ใช่หรือ?
นางสามารถทำได้อย่างไรกันนะ?
หรือว่าแท้จริงแล้วนักพรตหญิงชินไม่ใช่มนุษย์ แต่นางก็คือเทพเจ้าเช่นกัน?
หลินเป่ยเฉินอดสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของนักพรตหญิงชินขึ้นมาไม่ได้
แต่น่าเสียดายที่หลังจากออกจากเมืองหยุนเมิ่ง นักพรตหญิงผู้เป็นรักแรกของเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย และหลินเป่ยเฉินก็ไม่รู้เลยว่านางกำลังวางแผนทำอะไรอยู่
เมื่อเห็นเทพแห่งวิหารเฉียนเกาอยู่ในสภาพร่อแร่ปางตาย หลินเป่ยเฉินก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาในหัวใจ
หากเขาดึงเทพแห่งวิหารเฉียนเกาเข้าไปอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง มนุษย์จะสามารถสังหารเทพเจ้าได้หรือไม่?
เมื่อศัตรูเข้ามาอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของเขา พลังในการต่อสู้ก็จะลดน้อยลง เมื่อถึงตอนนั้น หลินเป่ยเฉินก็จะสามารถใช้วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณได้โดยไม่มีใครพบเห็น บางทีมันอาจจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คิดไม่ถึงก็ได้กระมัง?
แต่เมื่อลองคิดดูอย่างถี่ถ้วน
หลินเป่ยเฉินก็คิดว่ามันควรเป็นตัวเลือกสุดท้ายเท่านั้น เพราะเขายังไม่เคยใช้วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณอย่างจริงจังมาก่อน ตอนที่ต่อสู้กับมือธนูจ้าวอินทรีอวี้ซือไป๋ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ครั้งก่อน นางไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แตกต่างจากผู้ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้…
ในระหว่างที่เด็กหนุ่มตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด การต่อสู้ของเทพเจ้าทั้งสององค์ก็ยุติลงแล้ว
อาณาเขตเพลิงผลาญนคราถูกรัศมีจากอาณาเขตกระบี่พิชิตฟ้าชั่วนิรันดร์ครอบคลุมเข้ามาจนเหลือความหนาไม่ถึงหนึ่งนิ้วมือ
มันแทบไม่ต่างอะไรจากกระดาษแผ่นหนึ่ง
เทพีกระบี่รวบรวมพลังเต็มอัตราอีกครั้ง ก่อนที่กระบี่ยาวในมือของนางจะตวัดฟันใส่ม่านพลังของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาอย่างแรง
ทันใดนั้น โลหิตสีแดงสดก็สาดกระจายออกจากร่างกายของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาเปรอะเปื้อนทั่วตัวกระบี่
เลือดทุกหยดคือวิญญาณของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา
การสูญเสียโลหิตเท่ากับเป็นการสูญเสียพลังต่อสู้
เทพเจ้าวัยกลางคนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดึงโลหิตของตนเองกลับคืนมา แต่นั่นก็ทำให้สภาพของเขาดูน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง
บัดนี้ เทพแห่งวิหารเฉียนเกามีสภาพไม่ต่างไปจากหนอนดักแด้ที่มีเส้นไหมสีแดงเหม็นคาวรัดพันตลอดร่างกาย
เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาตกเป็นรองเทพีกระบี่ทุกประตู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระดับฝีมือหรือจำนวนผู้ศรัทธา ไปจนถึงระดับของพลังศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ เขาไม่สามารถโจมตีโต้กลับได้อีกต่อไป
สำหรับมารนอกระบบอย่างเขา ต่อให้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์เทพเจ้า แต่รากฐานพลังก็ยังไม่มั่นคงแข็งแรงมากพอ
เขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เขาไม่สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เมื่อเผชิญหน้าเทพีกระบี่ที่มีระดับพลังสูงล้ำมากกว่า เขาจึงต้องพ่ายแพ้
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาทั้งตกตะลึง โกรธแค้น หวาดกลัวและสิ้นหวัง
“ได้โปรดหยุดมือ”
เขาร้องตะโกนเสียงดัง “ได้โปรดหยุดมือ อย่าทำอะไรข้าเลย ข้ายอมแพ้แล้ว ข้ายอมแล้ว…”
เทพีกระบี่หัวเราะเยาะ
ยอมแพ้แล้วอย่างนั้นหรือ?
นี่คือการแข่งขันหรืออย่างไร?
ช่างไร้เดียงสาจนน่าสงสารนัก
ควับ!
เทพีกระบี่รวบรวมพลังตวัดกระบี่ออกไปอีกครั้ง
“อ๊าก โลหิตของข้าไหลออกไปแล้ว…”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาส่งเสียงร้องด้วยความขมขื่น ใบหน้าบิดเบี้ยว
ม่านพลังไฟที่ครอบคลุมรอบกายแตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยวชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากการโจมตีของพายุกระบี่
โลหิตสีแดงสดไหลรินออกมา…
ท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยแสงจันทร์นวลผ่องพลันกลับกลายเป็นสีแดงสด
“ทุกอย่างจบลงแต่เพียงเท่านี้”
กระบี่ยาวในมือของเทพีกระบี่ตวัดฟันเข้าใส่ร่างกายของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา
พลังศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมาอีกครั้ง
ตู้ม!
ร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเการะเบิดกระจายในอากาศ
ครั้งนี้ เขาถูกโจมตีด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า
ทำให้ไม่สามารถฟื้นคืนร่างกลับคืนมาได้อีก
เศษเลือด เศษเนื้อ เศษกระดูก อวัยวะภายในต่าง ๆ พร่างพรมลงไปสู่พื้นดินด้านล่างราวกับสายฝน…
เศษเสี้ยวร่างกายที่เหลืออยู่ของเทพแห่งวิหารเฉียนเกายังคงพยายามที่จะคืนร่างกลับมา แต่เขาก็ถูกเทพีกระบี่ฟันเข้าใส่จนร่างกายแหลกละเอียดเป็นเศษเนื้อ
การต่อสู้ยุติลงแล้ว
เทพีกระบี่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ในมือถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
รัศมีสีขาวสว่างตาส่งแสงเรืองรองออกมาจากเรือนร่างอรชรอันเต็มไปด้วยสง่าราศีชวนฝัน
สตรีที่ต่อสู้สุดชีวิตนับว่ามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
“โฮะ ๆๆๆๆๆ…”
หลินเป่ยเฉินรีบลอยตัวขึ้นไปอยู่เคียงข้างนางและยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชมเชย “พลังศักดิ์สิทธิ์ช่างแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ข้าแค่ให้ท่านหยิบยืมพลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่านก็สามารถใช้มันสังหารเทพแห่งวิหารเฉียนเกาได้สำเร็จ…”
ไม่เสียทีที่เขาอุตส่าห์คบหาไว้เพื่อหวังใช้ผลประโยชน์