เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1113 เก็บกวาดกระบี่
ตอนที่ 1,114 กระบี่เพลิงโลกันตร์
“จี๊ด?”
อากวงมีสีหน้างุนงง
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่บ่อลาวาด้านล่าง
เจ้าหนูยักษ์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะพยักหน้า และนำขวดน้ำเต้าบรรจุสุราดาวแดงออกมาจากกระเป๋าที่อยู่บนแผ่นหลัง เมื่อเปิดฝาจุกออก มันก็กระดกขวดน้ำเต้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด หลังจากนั้นอากวงก็หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบหนึ่งมวนโดยใช้ประกายไฟจากกรงเล็บของมันเอง เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว สัตว์เลี้ยงของหลินเป่ยเฉินก็ดีดก้นบุหรี่ทิ้งลงไปในบ่อลาวาด้านล่าง
นี่มันอะไรกันครับเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินปากอ้าตาค้างอยู่ตรงนั้น
อากวงไปหัดดื่มสุราสูบบุหรี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่?
ขวดน้ำเต้าสุราดาวแดงนี้เป็นของที่หลินเป่ยเฉินมอบให้แก่พ่อบ้านหวังจง
แล้วมันมาอยู่ในมือของอากวงได้อย่างไร?
เมื่อดูจากกิริยาท่าทางของเจ้าหนูอสูรหางกุดแล้ว นี่คงไม่ใช่พฤติกรรมที่มันเพิ่งเริ่มทำแน่ ๆ
อายุเพียงเท่านี้ คิดจะกินเหล้าสูบบุหรี่ได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินหงุดหงิดใจจนอยากจะสั่งสอนสักชุดใหญ่
แต่ในพริบตานั้นเอง อากวงก็ปลดกระเป๋าสะพายลงจากแผ่นหลัง แล้วมันก็หมุนตัวตีลังกา 360 องศาข้ามขอบสะพานหินพุ่งตรงลงไปในบ่อลาวาร้อนเหลวด้านล่างโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ไม่มีสะเก็ดไฟกระจายขึ้นมาสักนิด
หากนี่เป็นการแข่งขันกีฬากระโดดน้ำ อากวงต้องได้ตำแหน่งผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่เดี๋ยวก่อนสิ…
นี่เขาใจร้ายเกินไปหรือเปล่านะ?
หลินเป่ยเฉินมองอากวงจมหายลงไปใต้พื้นผิวลาวาก็ให้รู้สึกสะอึกใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขาเริ่มรู้สึกผิด
แต่ว่านับจากที่อากวงมาอยู่กับเขา มันก็ได้กินแต่ของดี ๆ มีอาวุธวิเศษให้ใช้งาน สามารถกลายพันธุ์เป็นหนูล่องหน ทุกวันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงกับมีลูกเลี้ยงเป็นเสือบินตัวหนึ่ง ไม่ว่ามองจากแง่มุมใด อากวงก็มีชีวิตที่สุขสบายมากกว่าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ของมันหลายร้อยเท่า…
เอ่อ…
นั่นสินะ
หากคิดเช่นนี้ นี่ก็หมายความว่าอากวงตักตวงผลประโยชน์จากหลินเป่ยเฉินไปเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยแล้ว
ดังนั้นให้กระโดดลงไปในบ่อลาวาบ้างจะเป็นไรไป?
เฮอะ
นี่คือหน้าที่ที่อากวงสมควรทำอยู่แล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็ไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป
เขาจ้องมองบ่อลาวาด้านล่างด้วยความพินิจพิเคราะห์
ปุด ปุด ปุด
พื้นผิวของบ่อลาวามีฟองอากาศผุดพราวขึ้นมาเหมือนกับหม้อไฟขนาดใหญ่ยักษ์
เมื่อนึกถึงหม้อไฟ ไม่รู้ทำไมจมูกของหลินเป่ยเฉินจึงได้กลิ่นเนื้อย่างชาบูหมูกระทะขึ้นมาจากบ่อลาวาด้านล่างโดยทันที
หรือว่าอากวงจะถูกต้มสุกไปแล้ว?
ในขณะที่หลินเป่ยเฉินกำลังจะกระโดดลงไปเพื่อช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงของตนเอง ‘หัวขนาดใหญ่’ ก็โผล่พ้นขึ้นมาจากใต้พื้นผิวลาวาร้อนเหลว
ย่อมต้องเป็นหัวของอากวง
ขนสีเงินบนศีรษะของเจ้าหนูอสูรหงิกงอเป็นก้อนด้วยอานุภาพความร้อนของบ่อลาวา
“จี๊ด”
อากวงชูบางอย่างในมือของมันขึ้นสูง
มันพยายามแหวกว่ายผ่านบ่อลาวาอย่างยากลำบาก
แต่ในที่สุด อากวงก็สามารถกระโดดขึ้นมาจากบ่อลาวาได้สำเร็จ แม้จะทุลักทุเลมากก็ตาม
วูบ!
อากวงกระโดดกลับมายืนอยู่บนสะพานหิน
“จี๊ด”
มันประคองของที่อยู่ในมือออกมาข้างหน้าด้วยความนอบน้อม
เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
เป็นกระบี่เล่มใหญ่ที่ให้ความรู้สึกร้อนแรงราวกับมีเปลวไฟลุกโชน
ตัวกระบี่มีความยาว 4 เซี๊ยะ กว้าง 14 ชุ่น คมกระบี่มีลักษณะเป็นฟันเลื่อย มองดูแล้วแทบไม่ต่างจากเปลวไฟที่กำลังลุกโชนสว่างไสว
ปลายกระบี่ไม่ได้แหลมตรง แต่มีลักษณะโค้งทำมุม 45 องศา
ด้ามจับกระบี่มีสีแดงเข้ม จับได้อย่างถนัดมือ และถูกแกะสลักเป็นลวดลายหางมังกรอย่างสวยงาม
นับเป็นสุดยอดกระบี่เล่มหนึ่งโดยไม่ต้องอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม
“ฮื่อ กระบี่เล่มนี้มีวาสนาต่อข้าอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ขึ้นสำรวจดูด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้น เขาจึงได้ลองตวัดกระบี่
แล้วคุณชายหลินก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
ให้ตายเถอะ!
กระบี่เล่มนี้หนักมาก
เมื่อลองคำนวณน้ำหนักที่อยู่ในมือดูแล้ว หลินเป่ยเฉินเกรงว่ากระบี่ที่ได้ขึ้นมาจากบ่อลาวาเล่มนี้ น่าจะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นชั่ง
เขารู้สึกไม่ต่างกับกำลังยกภูเขาทั้งลูก
มันมีน้ำหนักมากกว่ากระบี่เงินของผู้อาวุโสเฉินถึงสองเท่า
ถึงแม้หลินเป่ยเฉินจะฝึกฝนร่างกายจนแข็งแรงและมีพละกำลังมหาศาล แต่ขณะนี้ กล้ามเนื้อบนแขนของเขาก็ปูดโปนขึ้นมาแล้ว
เขารู้สึกเลยว่าสำหรับกระบี่เล่มนี้ ไม่ต้องใช้ฟันใช้แทงหรอก แค่ใช้ทุบคู่ต่อสู้ก็ตายแล้ว
“กระบี่เล่มนี้หนักมากเกินไป หากไม่ใช่ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสาม อย่าว่าแต่ใช้มันเป็นอาวุธเลย ต่อให้ยกก็ยังยกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ…”
หลินเป่ยเฉินเริ่มคำนวณน้ำหนักของกระบี่เล่มใหม่ในมือด้วยความจริงจังอีกครั้ง
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงมวลความร้อนที่แผ่ออกมาจากด้ามจับกระบี่
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าสามารถจับกระบี่ได้อย่างสบายมากขึ้น
มวลความร้อนที่แผ่ขึ้นมาจากด้ามจับกระบี่นั้น ช่วยให้เด็กหนุ่มสามารถจับกระบี่ได้อย่างมั่นคง
หากกระบี่เล่มนี้มีพลังวิญญาณบรรจุอยู่ในตัวจริง ๆ ก็เป็นไปได้ที่มันอาจจะสัมผัสได้ถึงพลังปราณธาตุไฟที่อยู่ในตัวของหลินเป่ยเฉิน
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็รีบโคจรพลังปราณธาตุไฟลงไปที่ตัวกระบี่
ฟู่!
ในพริบตานั้น กระบี่ในมือก็มีเปลวไฟลุกโชน
และเปลวไฟเหล่านั้นก็กลืนกินไปทั้งร่างกายของหลินเป่ยเฉิน
“จี๊ด!”
อากวงร้องอุทานออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่มากระทบผิวหน้า มันรีบหมุนตัวตีลังกาถอยกลับไปตั้งหลัก เพราะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถทนทานพลังงานความร้อนจากตัวของผู้เป็นเจ้านาย เนื่องจากเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของหลินเป่ยเฉินและกระบี่ของเขาในยามนี้ แม้แต่ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียนก็ยังอาจรับอันตรายได้เช่นกัน
มุสิกยักษ์จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาเคารพเลื่อมใสมากกว่าเดิม
นี่แหละนายท่านของมัน
นายท่านผู้แข็งแกร่ง!
“นับว่าเป็นกระบี่ที่ประเสริฐนัก”
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนสะพานหิน ทันทีที่โคจรพลังปราณธาตุไฟลงไปในตัวกระบี่ น้ำหนักของมันก็เบามากกว่าเดิมหลายเท่า
จนแทบจะไม่ต่างไปจากน้ำหนักของกระบี่ทั่วไปที่หลินเป่ยเฉินใช้งานตามปกติ
วิเศษมาก
สำหรับกระบี่เล่มนี้ เมื่อโคจรพลังปราณธาตุไฟลงไป มันก็จะปรับเปลี่ยนน้ำหนักของตนเองใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับระดับพลังของผู้เป็นเจ้าของ
หลินเป่ยเฉินลองควงกระบี่ดูอีกครั้ง สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความสุขที่ไม่อาจปิดกั้น
เขาพินิจดูจากเปลวไฟที่ลุกโชนทั่วคมกระบี่ เมื่อโคจรพลังปราณธาตุไฟลงไปที่ตัวกระบี่แล้ว กระบี่เล่มนี้ก็จะมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงมากกว่าเดิมอย่างน้อยสี่เท่า
ควับ! ควับ! ควับ!
นี่สิ อาวุธขั้นเซียนของจริง
สามารถทนทานพลังปราณธาตุไฟของเขาได้อย่างไม่มีปัญหา
เสมือนว่ากระบี่เล่มนี้เกิดมาเพื่อหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าผู้ใดเคยครอบครองกระบี่เล่มนี้มาก่อน แต่น่าเสียดายเกินไปที่จะปล่อยทิ้งให้ของดีเช่นนี้ถูกหลอมละลายอยู่ในก้นบ่อลาวา
ในเมื่อเจ้าของคนเก่าไม่ต้องการมันแล้ว ถ้าอย่างนั้น…
กระบี่เล่มนี้ก็ต้องเป็นของเขา!
หลินเป่ยเฉินบอกกับตนเองอยู่ในใจโดยไม่ลังเลสักนิด
“เราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีนะ…”
“กระบี่หางมังกรไฟ? ฟังดูเชยไปหน่อย”
“หรือจะเรียกว่ากระบี่มังกรไฟเฉย ๆ ดีนะ? คนน่าจะชอบ”
“ตั้งชื่อเป็นกระบี่เพลิงโลกันตร์ดีกว่า”
เมื่อได้ชื่อที่ตนเองพอใจแล้ว หลินเป่ยเฉินก็สลายพลังปราณธาตุไฟและโยนกระบี่เพลิงโลกันตร์ไปให้กับอากวง
โชคดีที่มุสิกยักษ์มีร่างกายแข็งแรงมากกว่าสัตว์อสูรทั่วไป มันจึงไม่ถูกกระบี่ใหญ่เล่มนี้ทับตาย
หลังจากเก็บกระบี่เข้าไปในกระเป๋าบนแผ่นหลังเรียบร้อย อากวงก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นหิน ไม่ค่อยกล้าเงยหน้าสบตามองเด็กหนุ่มสักเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้ มันดื่มสุราเพื่อเรียกความกล้าหาญในการกระโดดลงไปในบ่อลาวา เนื่องจากอากวงเตรียมตัวเตรียมใจแล้วว่าตนเองคงตายแน่ ๆ แต่ที่ไหนได้ มันกลับอยู่รอดปลอดภัยเป็นปกติดี แล้วจะให้มันสู้หน้านายท่านได้อย่างไรอีก?
ทันใดนั้น อากวงก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มประจบประแจงให้แก่หลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินเงื้อฝ่ามือขึ้น
อากวงหลับตาลงย่นลำคอ เตรียมตัวรับแรงกระแทกจากฝ่ามือพิฆาต…
ตุบ!
แต่ปรากฏว่ามีห่อของห่อหนึ่งตกเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของมัน
อากวงรีบลืมตาขึ้นมอง
จี๊ด?
ปรากฏว่าเป็นห่อบรรจุบุหรี่กล่องหนึ่ง
นี่หมายความว่าอย่างไร?
มันเงยหน้ามองไปที่เจ้านายของตนเองอีกครั้ง
และอากวงก็ได้เห็นว่าหลินเป่ยเฉินกำลังนำขวดน้ำเต้าสุราดาวแดงออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
“รับไปสิ”
เด็กหนุ่มยิ้มให้อย่างใจดี
“ข้าเคยควบคุมเจ้าให้อยู่ในกฎระเบียบ ห้ามไม่ให้เจ้าดื่มสุราสูบบุหรี่เพราะว่าเจ้ายังเด็กมากเกินไป และมันจะไม่ดีต่อสุขภาพของเจ้า แต่ในเมื่อบัดนี้เจ้าเติบโตขึ้นแล้ว ข้าก็ควรเคารพในทางเลือกของเจ้า หากเจ้าอยากสูบจงสูบ หากเจ้าอยากดื่มจงดื่ม อย่างไรเสียระดับพลังของเจ้าก็สูงมากแล้ว ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์อสูรทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกลัวผลเสียจากนิโคตินและแอลกอฮอล์ ในอนาคตข้างหน้า หากเจ้าต้องการสุราบุหรี่เหล่านี้อีกเมื่อไหร่ ก็สามารถมาซื้อหากับข้าได้ทุกเมื่อ”
หลินเป่ยเฉินเกือบจะหลุดปากพูดออกไปแล้วว่า “ก็สามารถมารับที่ข้าได้ทุกเมื่อ”
โชคดีที่เขาเปลี่ยนคำพูดได้ทันในลมหายใจสุดท้าย
มิเช่นนั้น คงได้ล้มละลายเพราะเจ้าหนูตัวนี้แน่ ๆ
แต่เพียงเท่านี้ อากวงก็ซาบซึ้งใจมากพอแล้ว
“จี๊ด”
มันมีน้ำตาคลอเต็มสองเบ้า
มันยกขาหน้าของตนเองขึ้นลูบเส้นขนบนศีรษะที่หงิกงอเป็นก้อนกลม ก่อนจะนำกระดานออกมาขีดเขียนข้อความว่า…
‘ข้าน้อยยินดีเผาไหม้ศีรษะของตนเองอีกร้อยครั้งพันครั้งเพื่อรับใช้นายท่านขอรับ’