เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1203 แลกได้เท่าไหร่
ตอนที่ 1,203 แลกได้เท่าไหร่
“78… 79… 85…”
หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นนับงูที่ตนเองฆ่าได้ซึ่งมีทั้งหมดร้อยสามสิบห้าตัว โชคร้ายที่เมื่อพวกมันตายแล้ว ผิวหนังก็กลับมาแข็งกระด้างดังเดิมไม่สามารถถลกออกมาได้ ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงต้องเก็บพวกมันมาทั้งตัว เพื่อนำไปแลกเป็นเงินรางวัลต่อไป
หากเดาไม่ผิด หนังงูชนิดนี้น่าจะนำไปทำเป็นชุดเกราะได้ดีเยี่ยม
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดถึงมีห้องโถงใหญ่ตั้งแผงค้าขายอยู่ด้านนอกประตูขนส่ง และบางคนถึงกับยอมให้เช่าอุปกรณ์ล่าอสูรสำหรับนักผจญภัยอีกด้วย
คาดการณ์ได้ว่าน่าจะมีนักผจญภัยรวมกลุ่มกันเข้ามาล่าอสูรในนี้เป็นอาชีพเลี้ยงปากท้อง
เพราะอสูรในหุบเขาอเวจีมีมากเกินกว่าที่จะล่าได้ผู้เดียวหมด
และพวกเขาก็คงไม่มีสัมภาระใส่ซากอสูรที่ล่ามาได้อย่างพอเพียง
แต่โชคดีที่ก่อนมายังดินแดนทวยเทพ หลินเป่ยเฉินได้เคลียร์พื้นที่ส่วนหนึ่งในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เขาจึงสามารถใส่ซากฝูงงูพิษเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
ชั่วยามต่อมา หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นการสังหารอีกครั้ง
‘นกแก้วอสูร ตั้งชื่อตามลักษณะที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับนกแก้ว พวกมันมีความสูงมากกว่าสามเมตร มีกรงเล็บที่แข็งแกร่ง ชำนาญการโจมตีจากทางอากาศ เสียงร้องสามารถส่งผลต่อการสะกดจิตผู้คน ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่สัตว์อสูรระดับ 5 มีค่าตัวละ 0.5 แต้มคะแนนศรัทธา…’
‘แมงมุมอสูร มีรูปร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งแมงมุม สามารถปล่อยใยพิษ ชำนาญเรื่องการชักใยวางกับดัก จุดอ่อนคือกลัวไฟ…’
‘อสูรเร่ร่อน สัตว์อสูรที่มีลักษณะคล้ายกับวิญญาณคนตาย ชำนาญเรื่องการปล่อยคลื่นความกลัวกล่อมประสาทผู้คน จุดอ่อนคือกลัวไฟ…’
‘ตุ่นอสูร มักซุ่มโจมตีจากใต้ดิน…’
ตลอดเส้นทาง หลินเป่ยเฉินค้นพบสัตว์อสูรหลากหลายชนิด
และทุกชนิดก็ไม่ซ้ำกันเลย
ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตนเองกำลังเล่นเกมออนไลน์อยู่เลยนะ?
แต่ประเด็นสำคัญก็คือสัตว์อสูรเหล่านี้สามารถฆ่าได้ง่ายมาก
“แบบนี้ก็สบายเราแล้วสิ ฮ่า ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
เมื่อมีอาวุธอยู่ในมือ ประกอบกับได้รับข้อมูลจากแอปความรู้คู่ปัญญา หลินเป่ยเฉินจึงเดินหน้าฆ่าสัตว์อสูรทุกชนิดที่ตนเองพบเจอด้วยความสนุกมือเป็นอย่างยิ่ง
เขาจำได้ดีถึงสิ่งที่นักบวชเซียงเหยียนเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้…
“สิ่งที่เกิดขึ้นในหุบผาอเวจีอยู่นอกเหนือการควบคุมของเทพเจ้า”
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงลองใช้วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ
และพบว่ามันมีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเขาโคจรพลังปราณธาตุไฟใส่ลงไปในกระบี่เพลิงโลกันตร์ ก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดจะต้านทานการโจมตีจากเขาได้อีก
สมแล้วที่มันเป็นเคล็ดวิชาลับสุดยอดของเผ่าเทพพงไพร
หลินเป่ยเฉินยอมรับด้วยความเคารพจากใจจริง
ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็สังเกตได้ว่าพลังของตนเองแข็งแกร่งมากขึ้น
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลินเป่ยเฉินได้ค้นพบกับอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ…
ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรในเขตแดนระดับ 4 ของหุบผาอเวจี จะไม่สามารถคุกคามอันตรายเขาได้เลย
ไม่ใช่ว่าหลินเป่ยเฉินหลงตนเองเกินไป
แต่มันคือความเป็นจริง
แม้แต่กิ้งก่าไฟซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสัตว์อสูรที่อันตรายที่สุดชนิดหนึ่งในเขตแดนระดับ 4 ก็ยังไม่สามารถต้านทานอิทธิฤทธิ์ของกระบี่เพลิงโลกันตร์ได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินลองแม้กระทั่งจับงูพิษลูกศรเขียวมาฉีดละอองพิษใส่แขนของตนเอง และผลก็ปรากฏว่า ผิวหนังของเขายังคงปลอดภัยไร้ริ้วรอย ไม่เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนแม้แต่น้อย…
“ทำไมเราถึงแข็งแกร่งขึ้นเร็วขนาดนี้?”
เด็กหนุ่มไม่อยากจะเชื่อตัวเอง
หรือนี่จะเป็นผลมาจากการปลดผนึกตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุน?
หลินเป่ยเฉินนั่งลงใช้ความคิดเล็กน้อย ก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปที่ประตูขนส่ง เพราะเป้าหมายต่อไปของเขา คือการเข้าไปล่าสัตว์อสูรในเขตแดนระดับ 5
แม้ว่าขณะนี้เขาจะล่าสัตว์อสูรในเขตแดนระดับ 4 มาได้มากแล้ว แต่หลินเป่ยเฉินก็มั่นใจว่าสัตว์อสูรในเขตแดนระดับ 5 ต้องมีมูลค่าในการแลกของรางวัลมากกว่ากันแน่นอน
มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินเปิดแอปไป่ตู้ แมปเพื่อค้นหาเส้นทางไปสู่ประตูขนส่ง
เขาสามารถมาที่ประตูขนส่งได้อย่างราบรื่น
สิ่งเดียวที่ทำให้เด็กหนุ่มประหลาดใจก็คือตลอดเส้นทางการล่าสัตว์อสูรในเขตแดนระดับ 4 เขาไม่พบเจอนักผจญภัยคนอื่นๆ เลยแม้แต่คนเดียว
หลินเป่ยเฉินก้าวเข้าไปในม่านพลังของประตูขนส่ง
ความรู้สึกเหมือนการเล่นสไลเดอร์เกิดขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้น เบื้องหน้าเขาเต็มไปด้วยแสงสว่าง
หูได้ยินเสียงความวุ่นวาย
หลินเป่ยเฉินกลับมาสู่สถานีขนส่งของเขตแดนระดับ 4 เรียบร้อยแล้ว
“ขอแสดงความยินดีสำหรับการเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยขอรับนายท่าน ไม่ทราบว่านายท่านมีสิ่งใดมาค้าขายหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นของเล็กของใหญ่ เราพ่อค้าไม่มีเกี่ยงงอน มิหนำซ้ำ ยังให้ราคาดีเสมอ…”
“กราบเรียนนายท่าน หอการค้าระฆังทองให้ข้อเสนอที่ดีที่สุดเสมอ”
“พวกเราคือหอการค้าจากเผ่าคนแคระเทวะ ไม่ทราบคุณชายมีสินค้าใดมาขายหรือไม่ พวกเราสามารถช่วยท่านตีราคาเบื้องต้นได้…”
สายตาของหลินเป่ยเฉินเพิ่งจะปรับตัวได้กับแสงสว่างเท่านั้น เขาก็ถูกรุมล้อมโดยพ่อค้าจำนวนมาก ทุกคนต่างก็วิ่งเข้ามาห้อมล้อมเด็กหนุ่มด้วยความกระตือรือร้น
“คนพวกนี้รู้ได้อย่างไรกันนะว่าเรามีของดีออกมาด้วย?”
หลินเป่ยเฉินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ นี่ขนาดเขามีสถานะเป็นผู้ลักลอบเข้าเมือง ก็ยังมีความโดดเด่นเป็นสง่าเกินหน้าเกินตาผู้ใด
เกิดมาเก่งมันช่างน่าเหนื่อยใจจริง ๆ
แต่ยังไม่ทันได้มีเวลาพูดถึงเรื่องราคา…
“กลุ่มนักล่าอสูรโล่แห่งแสงออกมาแล้ว”
ไม่ทราบเลยว่าผู้ใดเป็นคนตะโกนออกมา
แต่หลังจากนั้น บรรดาพ่อค้าที่เข้ามาห้อมล้อมหลินเป่ยเฉินก็รีบย้ายไปห้อมล้อมกลุ่มนักล่าอสูรกลุ่มใหม่ที่เพิ่งกลับออกมาจากประตูขนส่งทันที
นี่มันอะไรกัน?
หลินเป่ยเฉินได้แต่ยืนมองด้วยความไม่อยากเชื่อ
เขี่ยเขาทิ้งง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ?
จังหวะนั้น เด็กหนุ่มได้ค้นพบว่านักล่าอสูรทุกคนที่เดินทางออกมาจากประตูขนส่ง ล้วนแต่ถูกพ่อค้าเหล่านี้เข้าไปห้อมล้อมเพื่อขอซื้อสินค้ากันทั้งนั้น
และพ่อค้าเหล่านี้ก็เจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาสามารถบอกได้โดยการชำเลืองมองเพียงวูบเดียวว่า ผู้ใดได้ของดีกลับออกมาและผู้ใดกลับออกมามือเปล่า
สำหรับบุคคลเช่นหลินเป่ยเฉินผู้สวมใส่ชุดเกราะทมิฬหรูหรา ต่อให้กลับออกมามือเปล่า อย่างน้อยก็คุ้มค่าที่ลองเข้ามาสอบถามดู
หลินเป่ยเฉินนำแก่นกายหมาป่าขนเทาออกมาชูขึ้นสูงและถามว่า “มีผู้ใดรับซื้อสิ่งนี้บ้าง?”
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มมีเพียงแก่นกายอสูรระดับล่าง บรรดาพ่อค้าหลายสิบคนที่ยืนรีรออยู่บริเวณนั้นก็รีบกระจายตัวแยกย้ายกันไปทันที
“กราบเรียนคุณชาย แก่นกายของท่านมีราคาเท่ากับคะแนนศรัทธา 0.1 แต้มเจ้าค่ะ”
ในที่สุด หลงเหลือผู้ซื้อเพียงรายเดียวจากหอการค้าของเผ่าคนแคระเทวะเดินเข้ามายื่นข้อเสนอ
นางเป็นหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปี
หน้าตาสะสวย รูปร่างสะโอดสะอง ผมสีทองยาวสลวยเป็นลอนงาม นางสวมใส่ชุดแนบเนื้อขับเน้นให้เห็นถึงหน้าอกหน้าใจอันใหญ่โต กระโปรงสีขาวแหวกขึ้นมาถึงต้นขา อวดโฉมเรียวขาขาวเนียนที่มีกางเกงซับในสีขาวปกคลุมอยู่ด้านใน ท่อนขาของนางเรียวยาวอย่างสมบูรณ์แบบ เข้ากันดีกับรองเท้าบูทหนังที่หุ้มข้อเท้าได้อย่างมิดชิด
กล่าวโดยรวมก็คือผู้ซื้อรายนี้มีเสน่ห์ของสตรีที่เย้ายวนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อผู้ซื้อสาวรายนี้เสนอตัวเข้ามา ผู้ซื้อรายอื่น ๆ ก็ไม่สนใจหลินเป่ยเฉินอีกเลย
นั่นเป็นเพราะว่าสถานีขนส่งในดินแดนระดับ 4 แห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเผ่าคนแคระเทวะ ไม่ว่าอย่างไรหอการค้าอื่น ๆ ก็ต้องไว้หน้าพวกเขา แม้ว่าชุดเครื่องแบบสีขาวสะอาดตาที่นางสวมใส่จะบอกว่าผู้ซื้อสตรีรายนี้ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่างของหอการค้าคนแคระเทวะเท่านั้นก็ตาม
“ผู้ชี้แนะกระโปรงขาวชิงเล่ย?”
หลินเป่ยเฉินเห็นป้ายเหล็กขนาดเล็กติดอยู่บนหน้าอกของหญิงสาว มันบอกชื่อและตำแหน่งของนางเอาไว้อย่างครบถ้วน เขาจึงเผลออ่านออกมาโดยไม่รู้ตัว
“แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นเพียงผู้ชี้แนะระดับกระโปรงขาวเท่านั้น แต่ก็มีสิทธิ์ซื้อขายสินค้าได้เต็มที่เจ้าค่ะ” ชิงเล่ยยกมือปิดปากหัวเราะคิกคักอย่างโปรยเสน่ห์ ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ไม่ทราบคุณชายมีสินค้าใดมาเสนอขายบ้างหรือไม่?”
“ย่อมต้องมี”
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินสวมใส่ชุดเกราะสีดำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แม้แต่กระบังหมวกเหล็กก็ปิดลงมา ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขาได้อีก
และเด็กหนุ่มก็ยังดัดเสียงอีกด้วย “แต่ก่อนอื่น ข้าคงต้องรบกวนสอบถาม ไม่ทราบว่าข้าขอเปลี่ยนจากรับคะแนนศรัทธามาเป็นรับศิลาเทวะแทนได้หรือไม่?”
ชิงเล่ยเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “แต่การซื้อขายด้วยคะแนนศรัทธาเป็นระบบที่ปลอดภัยที่สุดแล้วนะเจ้าคะ นี่คือสกุลเงินที่นักผจญภัยใช้กันอย่างแพร่หลาย ตลอดการค้าขายที่ผ่านมา มีไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่นักผจญภัยจะขอแลกเป็นศิลาเทวะแทนคะแนนศรัทธาเช่นนี้”
อ้าว?
หลินเป่ยเฉินชะงักไปเล็กน้อย
เขาเกิดความสงสัยขึ้นมามากมายในหัวใจ จึงใช้โอกาสนี้สอบถามโดยไม่ลังเล
ผู้ซื้อที่มีนามว่าชิงเล่ยอธิบายด้วยความอดทน
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้เข้าใจ
หากเปรียบเป็นในโลกยุคปัจจุบันของเขา ศิลาเทวะก็ไม่ต่างไปจากทองคำ ส่วนคะแนนศรัทธาก็คือธนบัตรที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน
สำหรับนักล่าอสูรส่วนใหญ่ พวกเขาต่างก็เป็นพลเมืองระดับสามัญ สกุลเงินในการจับจ่ายใช้สอย ย่อมต้องใช้คะแนนศรัทธาทั้งสิ้น
การค้าขายที่นี่ หลินเป่ยเฉินสามารถขอรับเป็นศิลาเทวะได้ก็จริง แต่มันจะไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อการถูกปล้น ด้วยเหตุนี้ การแลกศิลาเทวะจึงเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับความนิยมในการค้าขาย
โครงสร้างทางสกุลเงินของดินแดนทวยเทพก็เป็นเช่นนี้เอง
นอกจากนั้น หลินเป่ยเฉินยังได้รู้อีกด้วยว่าศิลาเทวะหนึ่งก้อนมีค่าเท่ากับคะแนนศรัทธาหนึ่งหมื่นแต้ม
เมื่อได้ยินอัตราแลกเปลี่ยนเช่นนั้น หลินเป่ยเฉินก็ถึงกับยืนตกตะลึงอยู่กับที่
นั่นหมายความว่าแก่นกายหมาป่าขนเทาที่เขาอุตส่าห์ชำแหละออกมาอย่างยากลำบากนั้น แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
จึงไม่ต้องแปลกใจอีกแล้วว่าเพราะเหตุใด ผู้ซื้อคนอื่นๆ ถึงได้เดินหนีไปเมื่อเห็นแก่นกายหมาป่าขนเทาในมือเขา
“แล้วสิ่งนี้ล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินหยิบซากงููพิษลูกศรเขียวออกมาอีกครั้งและถามว่า “งูพิษชนิดนี้สามารถแลกเป็นคะแนนศรัทธาได้เท่าไหร่?”