เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1237 ต้องโทษว่าเขาโชคร้ายมากเกินไป
ตอนที่ 1,237 ต้องโทษว่าเขาโชคร้ายมากเกินไป
“ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดเจ้าโง่นั่นถึงทำภารกิจล้มเหลว”
ความเศร้าสลดปรากฏขึ้นบนสีหน้าของเซวียนหมิง ก่อนที่เขาจะออกคำสั่งต่อไป “รีบไปสืบสวนมาให้เร็วที่สุด นี่คือเรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าเหลียน ไม่ว่าต้องทำอย่างไรก็ตาม จงนำตัวเด็กหญิงผู้นั้นมาให้ได้”
“รับทราบแล้วขอรับ”
นักเวทผู้คุกเข่าอยู่บนพื้นหินค้อมศีรษะลงด้วยความเคารพ จากนั้นตัวคนก็สลายกลายเป็นหมอกควันสีดำหายไปในอากาศ
…
เมืองเยี่ยเฉิง
แดนตะวันตกเฉียงเหนือ พื้นที่เขต 1
จวนตระกูลฮัน
“หืม? เจ้าหมายความว่าเขาอยากจะเข้าร่วมการแข่งขัน?”
เมื่อได้รับฟังคำบอกเล่าจากภรรยา ฮันฉวินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ดูเหมือนเจ้าใบ้ผู้นี้จะมีความทะเยอทะยานไม่เบา ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ได้ปรากฏเทพเจ้าอัจฉริยะหน้าใหม่หลายคนที่อยากเข้าร่วมการแข่งขันเช่นกัน นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิทธิ์ในการลงทะเบียนเข้าแข่งขันจึงมีราคาสูงยิ่ง… เจ้าเด็กใบ้ผู้นี้ถึงกับกล้าขอออกมาแล้ว”
“ถูกต้อง และนี่เป็นคำร้องขอเดียวของเขาเท่านั้นอีกด้วย”
ชุดเกราะสีดำทมิฬที่สร้างความประทับใจให้แก่หลินเป่ยเฉินบนตัวอันต้าหวงหายไปแล้ว
นางนั่งอยู่บนเก้าอี้บุหนังสัตว์ตัวใหญ่ กำลังรับการบีบนวดจากผู้เป็นสามีด้วยความผ่อนคลายยิ่ง “แต่ข้าก็ปฏิเสธไป เพราะพวกเรามีสิทธิ์ส่งตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันเพียงสองคน อย่างไรเราก็ต้องรักษาสิทธิ์ไว้ให้ลั่วเซวี่ยกับผู้คุ้มกันของนางเท่านั้น…”
ฮันฉวินพยักหน้ากล่าวว่า “สมควรเป็นเช่นนั้นแล้ว”
อันต้าหวงพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยชีวิตลั่วเซวี่ยกับพี่สะใภ้เอาไว้ นี่ย่อมเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง แต่โชคร้ายที่เขาแต่งงานแล้ว เพราะฉะนั้น เขาจึงมาเป็นผู้คุ้มกันให้ลั่วเซวี่ยไม่ได้ อย่าว่าแต่ลั่วเซวี่ยจะมีความรู้สึกผูกพันทางใจกับเขา ปัจจุบันเขาก็ไม่ได้เป็นเด็กรับใช้ในโรงเตี๊ยมอีกต่อไปแล้ว…”
อันต้าหวงบอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองชักชวนเจ้าเด็กใบ้ผู้มีนามว่าเจี๋ยนเซียวเหยาให้มาพบฮันลั่วเซวี่ยที่จวนตระกูลฮัน
เจี๋ยนเซียวเหยาเข้าใจผิดคิดว่าอันต้าหวงต้องการจะจับคู่เขากับฮันลั่วเซวี่ย
ในความเป็นจริง อันต้าหวงไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นเลย
นางเพียงต้องการให้เจี๋ยนเซียวเหยามาเป็นองครักษ์ส่วนตัวให้แก่ฮันลั่วเซวี่ย
เพราะถึงอย่างไร เจี๋ยนเซียวเหยากับฮันลั่วเซวี่ยก็เคยมีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว สำหรับกับฮันลั่วเซวี่ย หนุ่มใบ้ผู้นี้ย่อมเป็นองครักษ์ที่นางเชื่อใจได้มากที่สุด แม้ความแข็งแกร่งอาจจะมีเท่ากัน แต่อย่างน้อย เขาก็น่าจะสามารถช่วยปกป้องนางให้รอดพ้นจากอันตรายได้สำเร็จ
ซื่อสัตย์และพึ่งพาได้ นี่คือคุณสมบัติสำคัญของผู้ที่จะมาเป็นองครักษ์เทวะ
และอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญก็คือ องครักษ์เทวะต้องไม่มีพันธะผูกพันทางครอบครัว
มิเช่นนั้น ยามที่เจ้านายต้องตกอยู่ในอันตราย เขาก็อาจเกิดความลังเลในการเสี่ยงชีวิตขึ้นมาได้
“ปฏิเสธไปแล้วก็คือปฏิเสธไปแล้ว”
ฮันฉวินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่เป็นเพราะลั่วเซวี่ยอยากพบเจอเขาแท้ ๆ มิเช่นนั้น เจ้าคงไม่ต้องไปเจอเขาด้วยตนเองเช่นนี้… ฮูหยินของข้า นับว่าเจ้าทำงานหนักมากแล้ว ว่าแต่ เจ้าเด็กใบ้ผู้นั้นหล่อเหลาสมคำเล่าลือหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าสามีเห็นด้วยกับการตัดสินใจของนาง อันต้าหวงก็รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างยิ่ง
นางตอบว่า “เขาสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา ข้าจึงไม่ได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่าเขาดูดีมีสง่าราศีมากทีเดียว… แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่แปลกประหลาดนัก”
“ไม่ทราบว่าฮูหยินของข้าสงสัยเรื่องอันใด?”
ฮันฉวินถามด้วยความสงสัยขณะลงมือนวดบริเวณไหล่ให้แก่ภรรยาอย่างชำนาญ
“จางเฉียนบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้อาจไม่ได้เป็นใบ้และไม่ได้หูหนวก”
อันต้าหวงกล่าวในสิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชากลับมารายงาน
จางเฉียนก็คือนักรบเทวะที่ไปดักเจอหลินเป่ยเฉินอยู่หน้าหอการค้าคนแคระเทวะนั่นเอง เขาจดจำได้ดีว่าตนเองได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มมากับหู จางเฉียนมั่นใจว่าตนเองไม่ได้หูฝาด ดังนั้นเขาจึงรายงานเรื่องนี้ต่ออันต้าหวง
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ฮันฉวินขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวว่า “ลั่วเซวี่ยไม่รับทราบถึงเรื่องนี้ เขาปิดบังความจริงได้อย่างแนบเนียน นี่หมายความว่าเขาไม่อยากให้ลั่วเซวี่ยล่วงรู้ความจริงและเกี่ยวข้องมากเกินไป แต่ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะวางแผนร้ายบางอย่างอยู่เช่นกัน”
อันต้าหวงสอบถามว่า “ไม่ทราบท่านมองว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่?”
ฮันฉวินยิ้มกว้างมากกว่าเดิม “จวบจนถึงตอนนี้ ข้ายังมองเขาเป็นคนดี เพราะเขาปฏิเสธข้อเสนอของเจ้า และเขาไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับลั่วเซวี่ยอีก แต่ถ้าวันนี้เขารับคำเชิญของเรา เขาก็จะได้กลับมาใกล้ชิดกับลั่วเซวี่ย และจะมีโอกาสมากมายที่เขาจะดำเนินการแผนร้ายได้สะดวกมากขึ้น”
อันต้าหวงนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะกล่าวออกมาในที่สุด “สิ่งที่ท่านพูดมาล้วนมีเหตุผลยิ่ง”
อันต้าหวงทราบดีว่าจุดแข็งของตนเองคือการต่อสู้
ส่วนเรื่องการวางกลยุทธ์และการใช้สมองนั้น เป็นหน้าที่ของฮันฉวินผู้เป็นสามี
“สิ่งสำคัญสำหรับเราในขณะนี้ ก็คือการช่วยเหลือให้ลั่วเซวี่ยเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นมาให้ได้รวดเร็วมากที่สุด ใต้เท้าเหลียนเป็นผู้บรรจุชื่อนางเข้าสู่การแข่งขันด้วยตนเอง เราจึงต้องช่วยให้ลั่วเซวี่ยทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เมื่อนางเข้าสู่รอบสิบคนสุดท้าย นางก็จะได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่สภาเทพเจ้าโดยทันที หลังจากนั้น ตระกูลฮันของพวกเราก็จะกลายเป็นตระกูลเทวะระดับสูงแล้ว”
ฮันฉวินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ ฮันฉวินส่งคนไปออกตามหาครอบครัวของฮันหลี่ผู้เป็นพี่ชาย เจตนาคือต้องการรับตัวครอบครัวของพี่ชายมาเลี้ยงดูให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนบุญคุณที่พี่ชายเคยช่วยเหลือตนเองหลบหนีในอดีต
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฮันลั่วเซวี่ยจะกลับกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ในด้านการฝึกวิทยายุทธ์
นี่คือเรื่องที่ทำให้ฮันฉวินประหลาดใจอย่างแท้จริง
“ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดลั่วเซวี่ยจึงสามารถปลดผนึกพลังเวทในตนเองได้เช่นนี้?”
อันต้าหวงเองก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ “ในบรรพบุรุษตระกูลฮันของท่าน เคยมีผู้ใดสืบสายเลือดชาวเวทมาก่อนหรือไม่?”
“ข้าเองก็สงสัยเรื่องนี้อยู่เช่นกัน”
ฮันฉวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “เหตุผลที่ข้าสามารถแข็งแกร่งได้ดังเช่นในปัจจุบัน ก็เป็นเพราะข้าผ่านการเคี่ยวกรำอยู่ในส่วนลึกของหุบผาอเวจี…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนก็หยุดชะงักเล็กน้อยและกล่าวเสริมด้วยความเยือกเย็นว่า “แน่นอนว่าส่วนสำคัญมากที่สุดก็คือการได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า ผู้เป็นฮูหยินของข้า”
สีหน้าของอันต้าหวงพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด รอยยิ้มดั่งบุปผาบานสะพรั่งปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก
ฮันฉวินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะกล่าวต่อ “แต่สิ่งที่แน่ใจได้เลยก็คือสายเลือดของตระกูลฮันไม่เคยปรากฏยอดฝีมือมาก่อน เพราะฉะนั้น ข้าจึงไม่เข้าใจเช่นกันว่าพลังวิเศษในตัวของลั่วเซวี่ยนั้นมาจากที่ใด ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งหวาดหวั่นในโชคชะตามากเท่านั้น”
อันต้าหวงไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องราวนี้อีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พลังวิเศษที่ปรากฏขึ้นในตัวของลั่วเซวี่ยอย่างเป็นปริศนานั้น ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อตระกูลฮันอย่างยิ่ง
ดังนั้น สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขามากที่สุดในขณะนี้ ก็คือสิ่งที่ฮันฉวินได้กล่าวออกมาแล้ว พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือฮันลั่วเซวี่ยให้ทำผลงานในการแข่งขันให้ออกมาดีที่สุด
ส่วนเจี๋ยนเซียวเหยาผู้นั้นหรือ?
ในเมื่อเขาไม่สามารถมาเป็นองครักษ์ส่วนตัวให้แก่ฮันลั่วเซวี่ยได้ ก็ต้องโทษว่าเขาโชคร้ายมากเกินไปแล้ว