เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1245 ตั้งห้าพันล้านแต้มเชียวนะ!!
ตอนที่ 1,245 ตั้งห้าพันล้านแต้มเชียวนะ!!
ดวงตาขององครักษ์หมาป่าจ้องมองกระบี่ที่มีเปลวไฟเผาไหม้ในมือของหลินเป่ยเฉิน ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็เป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความเหยียดหยาม
“เจ้าไม่รู้หรือว่าอาวุธของเจ้า ไม่สามารถทำอะไรข้าได้หรอก”
องครักษ์อสูรหมาป่าพูดออกมา
พวกมันยังคงสื่อสารด้วยภาษาเทพเจ้า
นับเป็นสัตว์อสูรที่มีสติปัญญา
“อ้าวเหรอ?”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ ก่อนจะโบกมืออีกครั้ง แล้วกระบี่เพลิงโลกันตร์ก็หายวับไป เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “หากใช้อาวุธไม่ได้ ข้าก็จะส่งเจ้าลงนรกด้วยมือเปล่าเอง”
หลังจากนั้น ร่างกายที่ลุกเป็นไฟของหลินเป่ยเฉินก็เดินเข้าหาองครักษ์หมาป่าโดยไม่มีอาวุธติดมือเลยสักชิ้น
เมื่อผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ พวกเขาต่างก็รีบยกมือขึ้นมาปิดตาทันที
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้นะ?
เหตุไฉนเหตุการณ์ถึงกลายเป็นเช่นนี้?
ยอดฝีมือที่เป็นความหวังของพวกเขาจะต้องมาตกตายง่ายดายเช่นนี้เองหรือ?
แม้แต่ซวีเหิงก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ยอดฝีมือปริศนาท่านนี้เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองมากเกินไป ไม่ทราบว่าสมองยังทำงานเป็นปกติดีหรือไม่ ถึงได้คิดเข้าไปต่อสู้กับองครักษ์อสูรหมาป่าศิลาด้วยมือเปล่าเช่นนั้น?
ลมหายใจต่อมา…
พรึ่บ!
องครักษ์อสูรหมาป่าก็ลงมือแล้วเช่นกัน
มันย่อเข่าลงเล็กน้อย ใช้แรงกระแทกจากฝ่าเท้าส่งตนเองพุ่งเข้าหาหลินเป่ยเฉินราวกับเป็นลูกกระสุนปืนใหญ่
ตู้ม!
ทั้งสองฝ่ายปะทะฝีมือกันอีกครั้ง
กำปั้นของหลินเป่ยเฉินกับกรงเล็บขององครักษ์อสูรหมาป่ากระแทกเข้าใส่กันอย่างแรง
เกิดเป็นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายในอากาศ
เปลวไฟที่เผาไหม้ร่างกายของหลินเป่ยเฉินยิ่งเพิ่มความร้อนแรงมากกว่าเดิม ขณะนี้ เปลวไฟของเขาพวยพุ่งขึ้นสูง ส่งสะเก็ดไฟปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า
เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา ทั้งสองฝ่ายก็ต่อสู้กันเกือบหนึ่งร้อยกระบวนท่า
ระหว่างที่หนึ่งบุรุษกับหนึ่งอสูรหมาป่าต่อสู้กันนั้น กาลเวลาคล้ายกับจะเดินช้าลง
ในอากาศ ร่างขององครักษ์อสูรหมาป่าเริ่มมีเปลวไฟเผาไหม้บ้างแล้ว
เปลวไฟลุกไหม้ตามขนบนลำตัว
ใบหน้าหมาป่าแสดงออกถึงความเจ็บปวด และเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างขององครักษ์อสูรหมาป่าก็ระเบิดกระจายกลายเป็นหมอกควันและสลายหายไปในอากาศ…
ตุบ!
หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนพื้นดิน
จัดการองครักษ์ไปได้หนึ่งตัวแล้ว
เขาพอใจกับการควบคุมพลังอัคคีเทวะของตนเองเป็นอย่างยิ่ง
ต่อให้ไม่ต้องใช้กระบี่ เขาก็มีพลังปราณธาตุไฟแข็งแกร่งมากพอที่จะสังหารศัตรูได้
นี่คือความน่ากลัวของพลังอัคคีเทวะ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ
และมันก็ทำให้หลินเป่ยเฉินอยากจะรู้จริง ๆ ว่า หากเขาสามารถบรรลุขอบเขตพลังของอีกสี่ธาตุที่เหลือได้สำเร็จนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในเวลาเดียวกันนี้
กลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่เมื่อสักครู่ยังลอบด่าทอหลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลปัญญาอ่อน เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด หลายคนถึงกับต้องยกมือขึ้นมาขยี้ตาด้วยความเหลือเชื่อ สุดท้ายก็ต้องร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
สุดยอด!!
การต่อสู้ในรอบแรกท่ามกลางพายุทราย ยอดฝีมือปริศนาท่านนี้มีลักษณะตกเป็นรอง
แต่บัดนี้ เขากลับสามารถเก็บชัยชนะได้สำเร็จ
การแสดงฝีมือของหลินเป่ยเฉินทำให้ทุกคนรู้สึกปั่นป่วนมวนท้อง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความลุ้นระทึกตลอดเวลา
มือกระบี่ซวีเหิงไม่รู้ว่าตนเองสมควรพูดอย่างไรดี
เขาค้นพบว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากเกินไป มีความยโสโอหังมากเกินไป และดูเหมือนจะมีความหลงตนเองมากเกินไปด้วยเช่นกัน
องค์ประกอบทั้งหมดนั้นทำให้ซวีเหิงรู้สึกมึนงงสับสนเป็นอย่างยิ่ง
บนก้อนหินใหญ่ใจกลางสนามรบ ราชาหมาป่าศิลาหันกลับมามองที่หลินเป่ยเฉินในที่สุด
“เปลวไฟของเจ้ามีความพิเศษ”
มันจ้องมองเปลวไฟที่ลุกท่วมตัวหลินเป่ยเฉินคล้ายกับกำลังจมดิ่งลงไปสู่ความทรงจำอันแสนไกล “ทำให้ข้านึกถึงเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาแล้วสิ… เจ้าเป็นใครกันแน่?”
‘ข้าเป็นพ่อเจ้า’
หลินเป่ยเฉินตอบอยู่ในใจขณะจ้องมองไปที่ราชาหมาป่าศิลาด้วยแววตาดุดัน
ข้อมูลที่เขาได้มาจากแอปความรู้คู่ปัญญาระบุเอาไว้ว่า ซากศพของราชาหมาป่าศิลามีมูลค่าเป็นคะแนนศรัทธาถึงห้าพันล้านแต้ม
ห้าพันล้านแต้มเชียวนะ!!
นับเป็นเงินจำนวนมหาศาล
สามารถนำไปซื้อโอสถหัวใจพฤกษาได้แล้ว
“แววตาของเจ้าไม่ต่างไปจากนักล่าอสูรเหล่านั้น… ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง”
ราชาหมาป่าศิลากล่าวออกมาอย่างช้า ๆ
บัดนี้ เมฆดำลอยปกคลุมทั่วเมืองร้าง
การกระทำของหลินเป่ยเฉินก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ตามมามากมาย
มวลอากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง
นี่ไม่ต่างจากมียักษ์ใหญ่กระโดดลงสู่บ่อน้ำที่เงียบสงบ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองร้างกลางทะเลทรายยืนโงนเงนสั่นไหวไปกับมวลพลังในอากาศ ยากที่จะควบคุมตนเองได้อีก
บรรดาผู้เข้าแข่งขันที่มีระดับพลังต่ำต้อยถึงกับต้องก้มหมอบลงไปบนพื้นดิน
ส่วนยอดฝีมือทั้งสี่รวมถึงมือกระบี่ซวีเหิงก็แทบจะควบคุมพลังปราณเทวะของตนเองไม่ได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินเซถอยหลังไปสามก้าวกว่าที่จะยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไป
เพราะราชาหมาป่าศิลามีความแข็งแกร่งเกินคาดคิด
บรรดาอสูรหมาป่าที่เป็นลูกสมุนของมันเงยหน้าส่งเสียงเห่าหอนใส่ท้องฟ้า ก่อนจะถอยหลังหลบหนีกลับไปสู่ซอกหลืบใต้ดินอีกครั้ง
แม้แต่บรรดาองครักษ์ของราชาหมาป่าศิลาก็ยังส่งเสียงเห่าหอน เมื่อพวกมันประสานมือทำความเคารพ ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งหายเข้าไปในถ้ำใต้ดินใต้โขดหินใหญ่เช่นกัน
ไม่มีผู้ใดขัดขวาง
เพราะนอกจากหลินเป่ยเฉินแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่ายิ่งฝ่ายอสูรหมาป่ามีกำลังพลน้อยเท่าไหร่ ฝ่ายเทพเจ้าก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากเท่านั้น
“โฮก!”
ราชาหมาป่าศิลาเงยหน้าส่งเสียงคำรามใส่ท้องฟ้า
คลื่นเสียงกระจายไปรอบทิศทาง
มวลพลังกดดันกวาดผ่านรอบบริเวณราวกับพายุหมุน
สิ่งที่น่ากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว
หากจะมีใครสักคนหนึ่งก้มหน้ามองลงมาจากท้องฟ้า ก็จะเห็นมวลอากาศเกิดเป็นระลอกคลื่นพลังแห่งการทำลายล้างแผ่ขยายไปรอบบริเวณ โดยที่มีก้อนหินใหญ่ซึ่งราชาหมาป่าศิลายืนอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง…
เศษหิน เศษไม้ และเศษทรายบนพื้นดินถูกพายุลมหมุนม้วนตลบขึ้นมาซัดพุ่งใส่กลุ่มเทพเจ้าราวกับเป็นลูกธนู
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
“โอ๊ย…!”
“ขาของข้า…!”
เสียงกรีดร้องดังระงม
ผู้เข้าแข่งขันบางคนไม่ทันระวังตัว จึงถูกก้อนหินเหล่านั้นกระแทกเข้าใส่ร่างกาย ตัวคนระเบิดกระจายราวกับลูกแตงโมโดนทุบ…
โลหิตและกระดูกกระจัดกระจาย
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่ามีคลื่นพลังกำลังพุ่งเข้ามาที่ตนเอง ทำให้เขาต้องโคจรพลังและล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
พายุก้อนหินและเศษไม้เหล่านั้นพุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน
ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินนำกระบี่เพลิงโลกันตร์ออกมากุมด้วยสองมือและโคจรพลังปราณธาตุไฟใส่ลงไปด้วยความร้อนรน
เขาใช้กระบี่นี้ปัดป้องทุกอย่างที่พุ่งเข้ามา
กระบี่ไฟตวัดตัดผ่านอากาศ
มวลอากาศปั่นป่วนด้วยกระบี่ไฟที่อยู่ในมือเขา
ไม่ว่ากระบี่เพลิงโลกันตร์จะพุ่งผ่านบริเวณใด ก้อนหินและเศษไม้เหล่านั้นก็จะลุกไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปทันที