เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1395 เขาสามารถทำได้สำเร็จแล้วหรือ
ตอนที่ 1,395 เขาสามารถทำได้สำเร็จแล้วหรือ?
“คุณชายเจี๋ยน ไม่ทราบว่าเลือกตำแหน่งได้แล้วหรือขอรับ?”
เซียวอวี้ผู้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูวิหารรีบเดินเข้ามาสอบถาม
หลินเป่ยเฉินแอบยัดกุญแจคืนใส่มืออีกฝ่ายพร้อมกับตอบว่า “เลือกได้แล้ว รบกวนพวกท่านต้องยืนรอนานเลยนะ นักรบเซียว”
ฮ่า ๆๆ เรียกว่าเลือกได้แล้วไม่ได้หรอก ต้องบอกว่าเก็บเอามาเกือบหมดโดยยังที่ไม่ได้เลือกมากกว่า
แต่เขาก็ยังไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำเกินไป หลินเป่ยเฉินอุตส่าห์เหลือตำแหน่งอื่น ๆ เอาไว้ในวิหารอีกตั้งหกสิบตำแหน่ง
ไม่ต้องขอบคุณกันก็ได้
“ไม่นานเลยขอรับ”
เซียวอวี้ขยับหลีกทางและผายมือเชิญด้วยความเคารพ “ในเมื่อคุณชายรับของรางวัลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขอเชิญตามข้าไปยังหอคอยหรงเซินได้เลยขอรับ เราจะทำการหลอมรวมพลังรับตำแหน่งเทพเจ้ากันที่นั่น”
“หอคอยหรงเซิน?”
หลินเป่ยเฉินชะงักเล็กน้อย
เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
เซียวอวี้รับหน้าที่นำทางไปพร้อมกับอธิบายว่า “หอคอยหรงเซินเป็นหนึ่งในสามหอคอยที่สูงที่สุดของเมืองเยี่ยเฉิง นอกจากใช้สำรวจสภาพแวดล้อมโดยรวมของตัวเมืองได้แล้ว สภาวะในหอก็ยังมีความพิเศษโดดเด่น ช่วยฟื้นฟูร่างกายเทพเจ้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขอรับ”
อ๋อ
หลินเป่ยเฉินเข้าใจแล้ว
นี่คือบริการหลังการขายนั่นเอง
ไปสำรวจดูหน่อยก็ดีเหมือนกัน
หลังจากนั้นไม่นาน
ภายใต้การนำทางของเซียวอวี้ หลินเป่ยเฉินก็มาหยุดยืนอยู่หน้าหอคอยที่สูงเสียดฟ้า
มันเป็นหอคอยทรงกระบอก มีลักษณะเหมือนหอคอยเก็บน้ำประจำโรงเรียนในชาติภพที่แล้วของหลินเป่ยเฉิน แต่ความสูงของมันไม่มีทางเลยที่มนุษย์จะก่อสร้างได้ด้วยวิทยาศาสตร์ มิหนำซ้ำ ด้านบนสุดของหอคอยที่สูงจากพื้นดินมากกว่าสองลี้ก็ยังมีสิ่งที่เหมือนห้องศิลาตั้งอยู่บนนั้นอีกด้วย
นอกจากหอคอยหรงเซินแล้ว พื้นที่โดยรอบก็ยังมีวิหารเรียงรายอยู่อีกไม่น้อย
วิหารเหล่านั้นมีลักษณะคล้ายกับหอคอยหรงเซิน เพียงแต่ย่อขนาดให้เล็กลงมา
แต่ก็ยังมีความสูงมากกว่าวิหารทั่วไปอยู่ดี
ดูยิ่งใหญ่จนน่าตกใจ
“อ้อ นี่คือวิหารประกาศิต เป็นที่พำนักของใต้เท้าใหญ่ทั้งห้าขอรับ ส่วนนี่คือวิหารมหาวายุกับวิหารแผนภูมิดารา เมื่อเข้าไปในวิหารแห่งนี้ คุณชายก็จะสามารถสำรวจทุกซอกมุมของดินแดนทวยเทพได้ตามความปรารถนา… พวกมันต่างก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหอคอยหรงเซิน เรียกได้ว่าสำคัญมากกว่าวิหารต้องห้ามอีกขอรับ”
เซียวอวี้สังเกตเห็นสายตาของหลินเป่ยเฉินจึงรับหน้าที่อธิบาย
พวกของใต้เท้าเหลียนอยู่ในวิหารประกาศิตใช่หรือไม่?
ใต้เท้าใหญ่ผู้ดูแลดินแดนทวยเทพในขณะนี้มีพฤติกรรมแปลกประหลาดนักระหว่างการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่รอบชิงชนะเลิศ
นางเอาแต่เฝ้าดูใต้เท้าฉางและเทพตะวันรุมทำร้ายใต้เท้ากั้ว อีกทั้งยังปล่อยให้กระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอสังหารใต้เท้าฉางหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำ ยังปล่อยให้ใต้เท้ากั้วฆ่าเทพตะวันอีกด้วย ดูเหมือนว่าสถานการณ์การแย่งชิงอำนาจในสภาเทพเจ้าจะดุเดือดมากกว่าที่ทุกคนเข้าใจเสียแล้ว
หลินเป่ยเฉินพลันนึกถึงใบหน้าที่สวยงามของใต้เท้าเหลียนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นางมีความเป็นราชินีน้ำแข็งที่จ้องมองทุกคนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม น่าเสียดายที่บัดนี้นางไม่ได้ปรากฏตัวออกมา หลินเป่ยเฉินจึงทำได้เพียงมองไปที่ยอดหลังคาของวิหารประกาศิตเท่านั้น
“คุณชาย เชิญ”
เซียวอวี้เปิดประตูหอคอยหรงเซินและผายมือด้วยความเคารพ
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็นึกขึ้นมาได้แล้วว่าเขาลืมอะไรไป
ตอนที่ยังสามารถพูดคุยกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงในวิหารต้องห้าม เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าพิธีการเข้ารับตำแหน่งเทพเจ้านั้นต้องทำอย่างไรบ้าง
และมันจะปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้าด้านหลังศีรษะของเขาได้หรือไม่?
ให้ตายสิ
ตอนนั้นทำไมเราถึงไม่ถามนะ
เรื่องสำคัญเช่นนี้ไม่น่าลืมเลยจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าสู่ด้านในหอคอย
ใจกลางหอคอยมีค่ายอาคมรักษาความปลอดภัย
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ หลินเป่ยเฉินก็ถูกส่งผ่านประตูมิติขึ้นไปสู่ชั้นบนสุดของหอคอย
พื้นที่อันกว้างขวางปรากฏในสายตา
หลินเป่ยเฉินกำลังยืนอยู่บนสถานที่ซึ่งมีพื้นผิวเรียบเนียนราวกับกระจก แต่เขาก็สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมทั่วเมืองเยี่ยเฉิงได้จริง ๆ
สามารถมองเห็นหอคอยประกาศิตในระยะใกล้
หลินเป่ยเฉินมองเห็นแม้กระทั่งว่าที่ราวกั้นของห้องโถงใหญ่ในหอคอยประกาศิตนั้น มีร่างคนในชุดสีน้ำเงินและชุดสีดำสองร่างกำลังยืนรับลมด้วยความสง่างาม
ส่วนวิหารมหาวายุที่อยู่อีกฝั่งยังคงเงียบงัน ปราศจากร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ด้านบนของหอคอยหรงเซิน เมื่อเผชิญหน้ากับแผ่นฟ้าที่กว้างใหญ่เบื้องบน เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าตนเองช่างเล็กจ้อยเหลือเกิน นี่คือความรู้สึกเดียวกับตอนที่อยู่ในจักรวรรดิเป่ยไห่ และเขาขึ้นมายืนอยู่บนหอคอยที่สูงที่สุดในนครเจาฮุย…
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ล้วนอยู่ในกำมือของเขา
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองมาที่นี่เพื่ออะไร
เขารีบนั่งขัดสมาธิ
และใช้ความคิด
จากข้อมูลของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ผู้ที่สามารถฝึกฝนวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณได้สำเร็จ ก็จะแข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทวยเทพ
และมันก็เป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หลินเป่ยเฉินมีอยู่ในตอนนี้
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนและเป็นเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง สามารถปลดผนึกขอบเขตพลังจากมวลห้าธาตุได้แล้วสองชนิด คือพลังปราณธาตุไฟกับพลังปราณธาตุน้ำ
ขอแค่ปลดผนึกพลังปราณธาตุอีกสามชนิดให้ได้เท่านั้น ซึ่งก็คือพลังปราณธาตุไม้ พลังปราณธาตุดิน และพลังปราณธาตุทองคำ
แต่ปัญหาก็คือเขาจะสามารถปลดผนึกพลังเหล่านั้นได้อย่างไร
เพราะมันจำเป็นต้องใช้พลังปราณเทวะจำนวนมหาศาล
แต่ในเมื่อหอคอยหรงเซิงมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มันก็น่าจะช่วยเสริมสร้างการบรรลุขั้นพลังเช่นกัน
หลังจากนั้น
หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจได้
เด็กหนุ่มลงความเห็นว่าตนเองสมควรจัดการการรับตำแหน่งเทพเจ้าให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
และเขาก็รู้แล้วว่าตนเองจะรับตำแหน่งใด
ใต้เท้าฉางมีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าสายฟ้า สามารถควบคุมก้อนเมฆและสายฟ้า และเป็นตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเทพเจ้าเจ็ดร้อยยี่สิบตำแหน่งที่หลินเป่ยเฉินเก็บกวาดมา
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูเกมสัตว์เลี้ยงแสนสนุกและกดเข้าไปในส่วนของศูนย์เพาะพันธุ์
ค่าความซื่อสัตย์ของใต้เท้าฉางอยู่ที่ห้าสิบคะแนน
“ดูเหมือนคงต้องซื้ออาหารให้กินเยอะกว่านี้แล้วสิ”
หลินเป่ยเฉินกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ยอมจ่ายศิลาบูชาอีกหนึ่งหมื่นก้อน เพื่อเติมเงินเป็นค่าเหรียญทองในเกมสำหรับซื้อหาอาหาร
เมื่อกดซื้อ ‘อาหารชุดพิเศษ’ เรียบร้อย มูลค่าเหรียญทองคำในเกมที่หลินเป่ยเฉินเพิ่งเติมเงินไปสักครู่ ก็หายวับไปสองในสามส่วนเลยทีเดียว
เขานำอาหารชุดพิเศษนั้นมาให้ใต้เท้าฉางรับประทาน
ครึ่งชั่วยามให้หลัง ค่าความซื่อสัตย์ของใต้เท้าฉางก็เต็มหนึ่งร้อยคะแนน
หลินเป่ยเฉินกดส่งใต้เท้าฉางออกจากตัวเกม ลูกแก้วประจำตำแหน่งปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า และเขาก็พยายามดูดซับพลังทั้งหมดจากลูกแก้วใบนั้น
นี่คงเป็นวิธีการสืบทอดตำแหน่งที่ถูกต้องแล้วกระมัง?
ขั้นตอนไม่มีสิ่งใดซับซ้อน
ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่หลินเป่ยเฉินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง
ร่างกายของเขาจะรู้สึกร้อนผ่าว หัวใจรู้สึกเจ็บปวด แขนขาไร้เรี่ยวแรง ทุกสัดส่วนเต็มไปด้วยความปวดร้าว
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเคยอธิบายเอาไว้ว่าเหตุผลที่ไม่มีผู้ใดรับตำแหน่งเทพเจ้ามากกว่าหนึ่งตำแหน่งนั้น เป็นเพราะร่างกายของเทพเจ้าไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดเหล่านี้ได้นั่นเอง
บางคนถึงกับร่างกายระเบิดไปเลยทีเดียว
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของหลินเป่ยเฉิน ไม่มีอะไรให้เขาต้องตกใจ
ไม่นานหลังจากนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็เริ่มปรับตัวได้อย่างสมดุล
ร่างกายผ่านการซ่อมแซม
ร่างกายผ่านการระเบิดพลังอย่างรุนแรง
แล้วร่างกายก็ได้รับการซ่อมแซมอีกครั้ง
หนึ่งชั่วยามให้หลัง
คลื่นความเจ็บปวดในร่างกายของหลินเป่ยเฉินค่อย ๆ เบาลงไป
ความรู้สึกแปลกใหม่เริ่มไหลเวียนในร่างกาย
การรับตำแหน่งเทพเจ้าสายฟ้าต่อจากใต้เท้าฉางสำเร็จแล้ว!
…
ในวิหารประกาศิต
“เขาเลือกตำแหน่งของเทพฉางจริง ๆ”
เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำยกมือที่ขาวผ่องของตนเองขึ้นจับคางอย่างใช้ความคิด ดวงตาทอดมองไปยังหอคอยหรงเซิน เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่ระเบิดออกมาเป็นระยะ นางก็อดพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชาไม่ได้ “นับว่ามีความทะเยอทะยานเกินไปแล้ว เพียงได้ตำแหน่งผู้ชนะ เขาก็คิดยกตนเองเป็นหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าเชียวหรือ?”
ใต้เท้าเหลียนปล่อยให้สายลมยามราตรีพัดปะทะใบหน้า ก่อนตอบเสียงเรียบ “คนเก่าไปคนใหม่มา นี่คือสัจธรรม ปกติแล้วตำแหน่งห้าใต้เท้าใหญ่ท่านมหาเทพจะเป็นผู้แต่งตั้งแต่เพียงผู้เดียว แต่ครั้งนี้ หากเจี๋ยนเซียวเหยาสามารถรับตำแหน่งสืบต่อจากใต้เท้าฉางได้จริง ก็นับว่าเขามีความสามารถคู่ควรแล้ว”
เด็กสาวเท้าเปล่ากัดริมฝีปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มเครียด “ใต้เท้ามั่นใจว่าเขาจะหลอมรวมพลังเข้ารับตำแหน่งได้สำเร็จจริง ๆ หรือเจ้าคะ? แม้ข้าน้อยจะชื่นชมในความแข็งแกร่งของเขา… แต่ครั้งนี้ ข้าน้อยรู้สึกว่าเขาคิดทำการใหญ่เกินตัวมากไปแล้ว”
“การหลอมรวมพลังสืบต่อจากใต้เท้าฉางอาจเป็นไปได้ยากก็จริง แต่ว่า…”
ใต้เท้าเหลียนพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปทันที บนใบหน้าที่งดงามนั้นปรากฏรอยยิ้มด้วยความดีใจขณะที่ดวงตาจ้องมองไปยังหอคอยหรงเซินพร้อมกับกระซิบว่า “เขา… สามารถทำได้สำเร็จแล้วหรือ?”