เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1404 มวลเหตุแห่งสถานการณ์พลิกผัน
ตอนที่ 1,404 มวลเหตุแห่งสถานการณ์พลิกผัน
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ
เกิดมาหล่อเกินไปก็ทุกข์ใจแบบนี้แหละนะ
ลองให้เขาเกิดมาขี้เหร่ดูสิ ฮันลั่วเซวี่ยจะกระตือรือร้นขนาดนี้ไหม?
“แต่ว่าใต้เท้าเหลียนเป็นผู้สนับสนุนเจ้า ทุกคนรู้ดีว่าเจ้าเป็นผู้ติดตามของใต้เท้าเหลียน” หลินเป่ยเฉินมองหน้าเด็กสาวผู้ที่เคยช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ “หากเจ้ามาติดตามข้า เจ้าอาจมีปัญหาเอาได้”
“ข้าไม่กลัว”
ฮันลั่วเซวี่ยตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“นี่ไม่ใช่เรื่องว่าเจ้ากลัวหรือไม่ แต่การตัดสินใจของเจ้าจะไม่ส่งผลต่อเจ้าเพียงคนเดียว มันยังส่งผลต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอีกด้วย” หลินเป่ยเฉินกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นท่านอาของเจ้าหรือมารดาของเจ้า โชคชะตาของพวกเขา ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”
“แต่ว่าข้า…”
ฮันลั่วเซวี่ยเกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย “งั้นท่านก็ปกป้องพวกเราสิ”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ดื้อจังเลยเว้ย
“ข้าไม่สนใจหรอก พี่ใบ้ ก่อนที่บิดาของข้าจะตาย บิดาสั่งให้ข้าคอยติดตามรับใช้ท่าน ต่อให้มีสถานะเป็นคนรับใช้คอยทำความสะอาดวิหาร คอยเทน้ำชา คอยปรนนิบัติท่าน ข้าก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
อดีตบุตรสาวเจ้าของโรงเตี๊ยมกล่าวด้วยความมุ่งมั่น
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับอีกครั้ง
แม้เขาจะไม่เคยคิดเกินเลยกับฮันลั่วเซวี่ยมาก่อน แต่หากเก็บนางเอาไว้อยู่ข้างกายจริง ๆ หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าฮันลั่วเซวี่ยคงสามารถช่วยงานชิงเล่ยในอนาคตได้มากทีเดียว
แต่เขาจะทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด
“เจ้ารับตำแหน่งเทพเจ้าไปก่อนเถอะ”
หลินเป่ยเฉินยื่นลูกแก้วซึ่งเป็นตำแหน่งเทพเจ้าผู้พิทักษ์แห่งแสงมอบให้แก่ฮันลั่วเซวี่ย
นี่คือตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูง
ภาพมายาที่อยู่ในลูกแก้วเป็นร่างคนผู้หนึ่งสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาวในมือถือคทาเวทมนตร์
นี่คือตำแหน่งที่มีลำดับชั้นสูงกว่าเทพเจ้าผู้บุกเบิกสายหมอก ซึ่งหลินเป่ยเฉินมอบให้แก่หลี่อี้เทียนไปเมื่อสักครู่สองขั้น
“ข้าจะรีบกลับมารับฟังคำตอบจากท่าน”
ฮันลั่วเซวี่ยหมุนตัวกำลังจะเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่อย่างมีความสุข แต่ทันใดนั้น นางก็หยุดชะงักและหันหน้ากลับมา “มารดาทำน้ำแกงที่ท่านชอบเอาไว้ด้วย หากเย็นนี้มีเวลา พวกเราไปรับประทานมื้อเย็นด้วยกันดีหรือไม่? ตอนที่ท่านพักอยู่ในโรงเตี๊ยมของเรา ท่านชื่นชอบฝีมือการทำอาหารของมารดาข้ามากนี่นา”
หลินเป่ยเฉินมองเด็กสาวเดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสนในหัวใจ
แม้ฮันลั่วเซวี่ยจะถูกใต้เท้าเหลียนส่งเข้าร่วมการแข่งขันก่อนเวลาอันควร จนเป็นเหตุให้นางต้องพบเจอกับเหตุการณ์อันตรายมากมาย แต่ถึงอย่างนั้น ฮันลั่วเซวี่ยก็ยังรักษาบุคลิกอันน่ารักของตนเองเอาไว้ได้ดังเดิม
หลินเป่ยเฉินได้แต่หวังว่านางจะยังคงมีความสุขเช่นนี้ต่อไป
หลังจากนั้น การรับผู้ติดตามของหลินเป่ยเฉินก็ดำเนินต่อ เขาได้ผู้ติดตามที่เหมาะสมเพิ่มเติมมาอีกหลายราย
มู่เจินซึ่งเป็นศิษย์พี่ของหนึ่งกระบี่สู่ความตายซวีเหิงพร้อมด้วยศิษย์น้องอีกสองคนก็มาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบัลลังก์ของเด็กหนุ่มเช่นกัน พวกเขาแจ้งเจตจำนงว่าอยากจะมาเป็นผู้ติดตามของเจี๋ยนเซียวเหยา
หลินเป่ยเฉินตอบรับพวกเขาโดยไม่ลังเล
นอกจากชายฉกรรจ์ทั้งสามจะมีฝีมือแข็งแกร่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานแล้ว พวกเขายังมีกระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอคอยหนุนหลังอยู่อีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยให้กลุ่มชายฉกรรจ์หลุดมือไปเด็ดขาด
ส่วนตำแหน่งเทพเจ้าที่มอบให้ไปนั้น หลินเป่ยเฉินไม่ได้เลือกตำแหน่งที่มีค่าความซื่อสัตย์เต็มร้อยและเขาก็ไม่ได้เลือกตำแหน่งที่มีค่าความซื่อสัตย์แปดสิบหรือเก้าสิบคะแนนเช่นกัน แต่หลินเป่ยเฉินเลือกตำแหน่งที่มีค่าความซื่อสัตย์ประมาณหกสิบคะแนนเท่านั้น
เพราะหลินเป่ยเฉินกลัวว่าหากสามมือกระบี่ผู้นี้ถูกตนเองล้างสมองขึ้นมา กระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกออาจเกิดความโกรธแค้นจนมาบุกถล่มเขาก็เป็นได้
การรับผู้ติดตามใหม่ใช้เวลาอีกทั้งคืน
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้ผู้ติดตามเป็นจำนวนสามร้อยคน
นี่ถือเป็นจำนวนที่สั่นสะเทือนดินแดนทวยเทพ
เพราะเหตุใด?
เหตุผลแรก ทุกคนได้รู้แล้วว่าเจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือถึงสามร้อยตำแหน่งและด้วยความที่วิหารต้องห้ามถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี จึงไม่มีผู้ใดสามารถตรวจสอบได้เลยว่าเจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือมากน้อยเพียงใด บางที เขาอาจจะมีอยู่มากกว่านี้ก็ได้กระมัง?
เหตุผลที่สอง เทพเจ้าหน้าใหม่ถึงสามร้อยคนนั้น กลายเป็นผู้ติดตามของเจี๋ยนเซียวเหยา
นี่คือขุมกำลังที่น่ากลัว
เพราะก่อนหน้านี้ แม้แต่บรรดาใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า ก็ไม่เคยมีผู้ติดตามที่เป็นเทพเจ้ามากมายถึงเพียงนี้มาก่อน
ด้วยเหตุนี้ จำนวนผู้ติดตามที่เจี๋ยนเซียวเหยามีจึงถือว่าน่ามหัศจรรย์
ผู้คนทั้งในและนอกเมืองเยี่ยเฉิง ต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้
“หากเทพเจ้าหน้าใหม่เหล่านั้นสามารถปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้าได้สำเร็จ ยังจะมีผู้ใดสามารถต่อกรกับเจี๋ยนเซียวเหยาได้อีก?”
“เจ้าก็พูดไปเรื่อย มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก การปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้าจะต้องได้รับมวลพลังศรัทธามหาศาล เจี๋ยนเซียวเหยาเพิ่งขึ้นเป็นใต้เท้าใหญ่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เขามีสาวกแค่หยิบมือเดียว ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถรวบรวมพลังศรัทธาได้เพียงพอแน่ ๆ อย่าว่าแต่ไปปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้าให้ใครเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังปลดไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ถูกต้อง ปัญหาคือเจี๋ยนเซียวเหยาไม่ได้ขาดแคลนเพียงสาวกเท่านั้น แต่เขายังขาดแคลนเงินทอง ในดินแดนทวยเทพของเราทุกวันนี้ เงินทองก็ถือเป็นพลังศรัทธาได้เช่นกัน พวกใต้เท้าใหญ่คนอื่น ๆ ถึงได้ครองอำนาจกันมาอย่างยาวนานไงล่ะ ไม่ว่าเจี๋ยนเซียวเหยาจะเก่งกาจเพียงใด เขาก็คงไม่มีอำนาจมากถึงขนาดนั้นหรอก”
“แต่ถ้าไม่ปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้า เขาก็ยังไม่ได้รับความเคารพอย่างแท้จริงน่ะสิ”
“เพราะเช่นนี้ไงล่ะ ถึงเจี๋ยนเซียวเหยาจะมีผู้ติดตามจำนวนมากและมีสาวกเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ก็เป็นผู้ติดตามและสาวกที่ไม่มีคุณภาพ”
“มิผิดและหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานผู้ติดตามและสาวกเหล่านั้นก็จะละทิ้งเจี๋ยนเซียวเหยาไปหาใต้เท้าท่านอื่น ๆ เองนั่นแหละ”
“นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่แม้เจี๋ยนเซียวเหยาจะหยิบยื่นตำแหน่งเทพเจ้าออกมาล่อตาล่อใจผู้คน แต่ใต้เท้าใหญ่ท่านอื่น ๆ ก็มิได้ห้ามปราม เพราะพวกท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าถึงอย่างไร คนเหล่านี้ก็ต้องทอดทิ้งเจี๋ยนเซียวเหยาไปในอีกไม่ช้า”
“แล้วมีเหตุผลอื่น ๆ อีกหรือไม่?”
“เหตุผลอื่น ๆ ย่อมต้องมี”
ในขณะที่ข่าวเกี่ยวกับคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนแพร่สะพัดออกไป ในดินแดนทวยเทพก็พลันมีอีกข่าวหนึ่งที่โด่งดังขึ้นมาไม่แพ้กัน
ปรากฏว่าสี่ใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า ซึ่งประกอบไปด้วยใต้เท้าเหลียน ใต้เท้าซิน ใต้เท้าเหยาและใต้เท้ากั้ว พร้อมด้วยเทพเจ้าระดับสูงอีกหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นเทพอัคคี เทพเหมืองแร่ เทพไม้เขียว เทพนภาและเทพเจ้าระดับสูงท่านอื่น ๆ ทุกคนต่างก็ลงนามเรียกร้องให้เจี๋ยนเซียวเหยาส่งมอบลูกแก้วเทพเจ้าหนึ่งร้อยใบให้แก่สภาเทพเจ้าเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
นี่หมายถึงการเรียกร้องตำแหน่งเทพเจ้าหนึ่งร้อยตำแหน่งจากเจี๋ยนเซียวเหยา
“ตำแหน่งเทพเจ้าสมควรเป็นของส่วนรวม หาใช่สิ่งของที่ผู้ใดผู้หนึ่งครอบครองอย่างเบ็ดเสร็จ นี่ไม่ใช่หลักการของคุณธรรมแห่งสภาเทพเจ้า” เทพนภาออกประกาศอย่างแข็งกร้าว “และบรรดาเทพเจ้าหน้าใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจี๋ยนเซียวเหยาเหล่านั้น พวกเขาก็สมควรมีสิทธิ์ตัดสินใจที่จะเลือกติดตามผู้ใดก็ได้ตามใจปรารถนา”
“และเจี๋ยนเซียวเหยาก็ต้องอธิบายเช่นกันว่า เขาไปเอาตำแหน่งเทพเจ้าเหล่านี้มาจากที่ใด”
“เพื่อเป็นการดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศของสภาเทพเจ้า เจี๋ยนเซียวเหยาสมควรถูกนำตัวมาลงโทษด้วยพฤติกรรมอันหยาบช้าเช่นนี้” เทพแห่งเหมืองแร่ใช้โอกาสนี้ปลุกระดมสร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมืองเยี่ยเฉิง
สำหรับเจี๋ยนเซียวเหยา สถานการณ์ทุกอย่างดูจะพลิกกลับตาลปัตรไปในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน
รุ่งเรืองและล่มสลาย?
ช่วงเวลาแห่งความสุขแสนสั้นเหลือเกิน
หลายสิ่งหลายอย่างที่บรรดา ‘ผู้รู้’ คาดเดายังคงเกิดขึ้น
ผู้คนจำนวนมากเรียกร้องให้เจี๋ยนเซียวเหยาเปิดเผยถึงที่มาที่ไปของบรรดาลูกแก้วประจำตำแหน่งเทพเจ้าที่เขาได้ครอบครอง
เรื่องราวคงไม่บานปลายมาถึงขั้นนี้ หากไม่มีเทพเจ้าระดับสูงในสภา เช่น เทพนภา เทพอัคคี เทพไม้เขียว เทพเหมืองแร่และเทพอื่น ๆ คอยสนับสนุนส่งเสริม… ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ามีผู้คนในสภาเทพเจ้าไม่พอใจกับการขึ้นสู่อำนาจของเจี๋ยนเซียวเหยาจริง ๆ
“พวกเราไม่มีทางประนีประนอมกันได้อีกแล้ว”
ทุกฝ่ายต่างลงความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
และเมื่อบรรยากาศมืดทะมึนปกคลุมทั่วเมืองเยี่ยเฉิง พายุลมฝนโหมกระหน่ำพัดถล่ม คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนกลับยังคงเงียบสงบปราศจากเรื่องราวใด ๆ