เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1422 กลุ่มสัมพันธมิตร
ตอนที่ 1,422 กลุ่มสัมพันธมิตร
บุรุษหนุ่มแขนด้วนเดินออกมาได้ไม่ไกล ตัวประหลาดขนขาวในชุดเกราะแวววาวกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาขวางหน้า
“ใครสั่งให้เจ้ามาช่วยคน?”
หัวหน้ากลุ่มตัวประหลาดจ้องมองบุรุษหนุ่มแขนด้วนไม่วางตา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม กล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลน “พวกเราอยากดูทารกน้อยนั้นร้องไห้จนตาย เจ้ามาขัดขวางความบันเทิงของเรา… แสดงว่าคงเป็นพวกเดียวกับสำนักคฤหาสน์กำยานสินะ จงตายซะเถอะ”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
บุรุษหนุ่มแขนด้วนยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด
ร่างของเขาก็หายวับไป
ไม่ต่างจากเป็นวิญญาณตนหนึ่ง
วิญญาณที่ไม่มีตัวตน
นั่นเอง หัวหน้ากลุ่มตัวประหลาดจึงรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่มันไม่มีเวลาได้ชักกระบี่ด้วยซ้ำ ลำแสงเย็นวูบก็ซัดปะทะใบหน้า สายลมโบกสะบัด และเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น มันก็ไม่อาจรับรู้ได้ถึงการมีตัวตนอยู่ของบุรุษแขนด้วนอีกแล้ว
เหล่าตัวประหลาดยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
สายลมโชยพัดผ่านมา
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
กระบี่ในมือของพวกมันร่วงหล่นลงกระทบพื้นดิน
ฟู่! ฟู่! ฟู่! ฟู่!
โลหิตจำนวนมากพุ่งกระฉูดออกมาจากลำคอ
หลังจากนั้น ร่างของพวกมันก็ล้มลงบนพื้นดิน ราวกับเป็นก้อนน้ำแข็งที่ถูกหลอมละลายด้วยความร้อนสูง…
…
“แฮ่ก แฮ่ก…”
ฮั่วเฟยฮัวหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
เม็ดเหงื่อปรากฏขึ้นตามลำคอ แผ่นหลังและหน้าผาก เปียกชุ่มเสื้อผ้าสีชมพู ทำให้เนื้อผ้าแนบติดกับร่างกายที่อรชรยวนใจ เกิดเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบชวนมองอย่างประหลาด
“ท่านเจ้าสำนัก”
ศิษย์สาวจำนวนสองคนรีบนำเสื้อผ้าชุดใหม่และผ้าเช็ดตัวมามอบให้
เมื่อทำความสะอาดร่างกายแล้ว ฮั่วเฟยฮัวก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าสลายหายไป
“ข้าต้องใช้เวลาขับไล่พลังมืดเหล่านั้นออกจากร่างกายนานมากขึ้นอีกแล้ว”
ฮั่วเฟยฮัวถอนหายใจด้วยความเศร้า
วันเวลาที่แสนเลวร้ายเหล่านี้ นางไม่ทราบเลยว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่
ศิษย์สาวทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฮั่วเฟยฮัวจ้องมองมาด้วยแววตาเคารพเทิดทูน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านเจ้าสำนักต้องใช้เรือนร่างของตนเองปรนเปรอฝ่ายตรงข้าม เพื่อปกป้องชีวิตของศิษย์สำนักคฤหาสน์กำยานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และฝันร้ายเช่นนี้จะจบลงเมื่อไหร่?
หัวหน้านักบวชแห่งวิหารเทพตะวันเป็นปีศาจผู้ชั่วช้าที่แท้จริง
บางครั้ง บรรดาศิษย์สาวในสำนักก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านเจ้าสำนักสามารถทนทานรับเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างไร
จนกระทั่งฮั่วเฟยฮัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสิ้น นางก็หยุดชะงักและหันหน้ามองไปที่ประตู “นั่นใครน่ะ?”
สีหน้าของหญิงสาวบอกชัดถึงความเป็นกังวล
“ภูเขาสูงใหญ่ แม่น้ำลำธารสวยจับใจ”
เสียงของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นหน้าประตู
แสงสว่างจากภายในห้องพักทำให้มองเห็นเป็นเงาร่างสูงโปร่งยืนอยู่ด้านนอก
เงาร่างนี้ทำให้ผู้คนมองออกได้โดยทันทีว่าต้องเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม ร่างกายสูงโปร่ง เป็นเงาร่างที่สมบูรณ์แบบ
เพียงแต่ว่าแขนเสื้อทั้งสองข้างของเขาปลิวไสวตามแรงลมอย่างผิดปกติ
ฮั่วเฟยฮัวยังคงมีสีหน้าวิตกกังวลดังเดิม แต่ในดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาด้วยความคาดหวัง ไม่ต่างจากเห็นแสงสว่างกลางความมืดมิด
“เจ้าเป็นใคร?”
ศิษย์สาวทั้งสองคนประหลาดใจและชักกระบี่ออกมาคุ้มกันอยู่ที่ประตู
“ไม่เป็นไร ถอยกลับมา”
ฮั่วเฟยฮัวรีบเดินไปที่ประตูและห้ามปรามลูกศิษย์ทั้งสอง ก่อนจะเปิดประตูจ้องมองบุรุษหนุ่มแขนด้วนที่ยืนอยู่ด้านนอก
ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและหนวดเคราที่รุงรังยังไม่อาจปิดบังความหล่อเหลาที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้ได้ ดวงตาของเขาเป็นประกายสดใส สีหน้าพิศวงสงสัย
ฮั่วเฟยฮัวรู้ว่าเขากำลังจะถามอะไร
“ท้องทะเลกว้างใหญ่ แม่น้ำไหลเวียนไปหลายพันปี”
หญิงสาวกระซิบออกมา
“ท่านพร้อมแล้วหรือไม่?”
บุรุษแขนด้วนพยักหน้า
นี่คือรหัสลับระหว่างพวกเขา
เมื่อแลกเปลี่ยนรหัสลับตรงกัน นั่นก็หมายความว่าสตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้ไม่ใช่ศัตรูอย่างแน่นอน
“มีพวกเราถูกคุมตัวอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งหมดสองร้อยสิบห้าคน ท่านสามารถพาพวกเราหลบหนีไปได้ทั้งหมดหรือไม่?”
บุรุษหนุ่มส่ายหน้า “ข้าสามารถพาท่านเจ้าสำนักไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”
ฮั่วเฟยฮัวสีหน้าแปรเปลี่ยนไป “นี่มัน… ไหนว่ากลุ่มสัมพันธมิตรวางแผนช่วยเหลือสำนักคฤหาสน์กำยานไม่ใช่หรือ? หากไม่ช่วยศิษย์คนอื่นไปด้วย ข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ด้วยความสามารถของข้า ข้าพาท่านไปได้เพียงคนเดียว”
บุรุษหนุ่มกล่าวช้า ๆ “ยิ่งพาผู้คนไปด้วยมากเท่าไหร่ ท่านก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากเท่านั้น ข้า…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
“ท่านเจ้าสำนักรีบไปเถอะเจ้าค่ะ”
หนึ่งในสองศิษย์สาวที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบคุกเข่าข้างเดียวกับพื้นห้อง ก่อนจะชักกระบี่ข้างเอวออกมาหมายปาดไปที่ลำคอของตนเอง
ส่วนศิษย์สาวอีกคนหนึ่งนั้นก็พยายามลงมือสังหารตนเองอย่างเงียบงัน
พวกนางย่อมเสียใจ แต่เมื่อมองเห็นแสงสว่างกลางความมืดมิดเช่นนี้ ทั้งสองจึงไม่อยากเป็นภาระของท่านเจ้าสำนัก พวกนางทราบดีว่าท่านเจ้าสำนักย่อมไม่มีทางทิ้งตนเองอยู่ข้างหลัง ดังนั้น พวกนางจึงต้องการฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้แก่ท่านเจ้าสำนัก
ฮั่วเฟยฮัวคิดจะห้ามปรามก็ไม่ทันเสียแล้ว
โชคดีที่บุรุษหนุ่มแขนด้วนมีปฏิกิริยารวดเร็ว เขาสะบัดแขนเสื้อที่ว่างเปล่าราวกับสายฟ้าฟาด แล้วกระบี่ในมือของสตรีทั้งสองคนนั้นก็หักครึ่ง ไม่ทันได้ปาดลงบนลำคอขาวเนียนนั้น
“ได้โปรดฟังข้าให้ดี”
บุรุษหนุ่มแขนด้วนกล่าว “ข้าจะช่วยท่านเจ้าสำนักออกไปก่อน และจะมีพวกเราคนอื่น ๆ มาช่วยเหลือลูกศิษย์ของสำนักคฤหาสน์กำยานที่เหลืออยู่ออกไปเช่นกัน… กลุ่มสัมพันธมิตรไม่เคยทอดทิ้งผู้ใด เมื่อให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือพวกท่าน พวกเราก็จะต้องช่วยเหลือแน่นอน”
จิตใจที่หนักอึ้งของฮั่วเฟยฮัวพลันปลอดโปร่งขึ้นมาแล้ว
จริงด้วยสินะ
เขาคนนั้นไม่เคยยอมแพ้เพื่อช่วยเหลือสหายของตนเอง
กลุ่มสัมพันธมิตรก่อตั้งขึ้นมาก็เพราะเขาคนนั้น
แม้เขาคนนั้นกำลังเก็บตัวฝึกวิชาและมีข่าวลือว่าสถานที่ที่เขาไปฝึกวิชาอยู่ตอนนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์
แต่ก็เพราะเขาคนนั้น
ฮั่วเฟยฮัวจึงสามารถทนรับความเจ็บปวดและความบอบช้ำทางจิตใจเพื่อรอคอยความช่วยเหลือจากกลุ่มสัมพันธมิตร แผนการช่วยเหลือผู้คนของสำนักคฤหาสน์กำยานถูกวางเอาไว้มานานแล้ว เพียงแต่ว่ากลุ่มสัมพันธมิตรยังไม่มีโอกาสลงมือเท่านั้น
แต่วันนี้ โอกาสนั้นมาถึงในที่สุด
แม้ฮั่วเฟยฮัวจะไม่รู้จักบุรุษหนุ่มแขนด้วนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ตราบใดที่เขาอยู่ในกลุ่มสัมพันธมิตร เขาก็ควรค่าแก่การเชื่อใจ
ดังนั้น เมื่อเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย ฮั่วเฟยฮัวก็ติดตามบุรุษแขนด้วนออกไป
หมอกควันสีดำปรากฏขึ้นกลืนกินเงาร่างของฮั่วเฟยฮัวกับบุรุษแขนด้วน แล้วคนทั้งสองก็หายตัวไปในอากาศ
ส่วนศิษย์สาวทั้งสองคนนั้นรีบไปหาที่ซ่อนตัว
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา
บุรุษหนุ่มแขนด้วนและฮั่วเฟยฮัวก็มาปรากฏกายอยู่ที่ถนนหน้าจวนท่านผู้ว่า
เมื่อเห็นท้องถนนที่เต็มไปด้วยศพคนตาย ดวงตาของฮั่วเฟยฮัวก็เต็มไปด้วยความเศร้า
บุรุษหนุ่มแขนด้วนหันมองกลับไปที่จวนผู้ว่า พลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างกาย ก่อนที่ตัวคนจะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับฮั่วเฟยฮัวและพุ่งหายกลายเป็นลำแสงมุ่งหน้าไปนอกตัวเมือง…
“นี่มันอะไรกัน?”
เสียงคำรามดังออกมาจากจวนผู้ว่า “คิดว่าเจ้าจะสามารถไปมาได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ”
ลำแสงสีทองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับภูเขาไฟระเบิด
ลำแสงสีทองนั้นแผ่รัศมีกว้างไกลหลายลี้ ไล่หลังพวกของฮั่วเฟยฮัวในอากาศมาอย่างกระชั้นชิด
“แย่แล้ว”
ฮั่วเฟยฮัวมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปทันที “นี่คือหัวหน้านักบวชของวิหารเทพตะวัน มันรู้ตัวแล้ว… พวกเรารีบหนีกันเถอะ”
หัวหน้านักบวชของวิหารเทพตะวันเป็นเทพเจ้าที่ลงมาจากดินแดนทวยเทพ
มีความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
มนุษย์ธรรมดาย่อมไม่ใช่คู่ต่อกรเด็ดขาด!