เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1470 ได้พบเจอกันอีกครั้ง
ตอนที่ 1,470 ได้พบเจอกันอีกครั้ง
ฉู่จิวอี้รู้สึกสายตาดับวูบลง ก่อนที่ทุกอย่างตรงหน้าจะกลายเป็นภาพขาวดำ
แต่ลมหายใจต่อมา สายตาของนางก็กลับมาเป็นปกติ
นางพบว่าตนเองและบุตรสาวมายืนอยู่บนหอคอยสูงแห่งหนึ่ง รอบกายมีสายลมพัดกระโชกแรง
บุรุษลึกลับลอยตัวอยู่ในอากาศห่างออกไปไม่กี่วา
พลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ช่วยปกป้องคุ้มครองสองแม่ลูกจากแรงลม
“ช้าก่อน อย่าเพิ่งขยับ รอให้ข้าเสร็จงานก่อน แล้วข้าจะพาพวกเจ้าหลบหนีไป”
บุรุษลึกลับออกคำสั่งด้วยเสียงเข้มขรึม
ฉู่จิวอี้และเด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้ารับ
สองแม่ลูกมีดวงตาเป็นประกายแห่งความหวัง ขณะนี้ เจิ้งเซวียนเซวียนผู้มีอายุสี่ขวบให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางกอดมารดาแน่น ปิดปากเงียบไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมา
ห่างออกไปไม่กี่สิบวา
หุ่นเหล็กมฤตยูที่กำลังทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าพลันหันหน้ากลับมามองบุรุษลึกลับ ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าตรงมาหาเขา
รังสีอำมหิตแผ่กดดันในอากาศเป็นระลอกคลื่น
บุรุษลึกลับลอยตัวอยู่ในอากาศ ไม่มีลักษณะถอยหนี
เขารอคอยการเผชิญหน้ากับหุ่นเหล็กมฤตยูด้วยความเยือกเย็นสุขุม
“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง!”
เขากดปุ่มโลหะเล็ก ๆ ที่ถืออยู่ในมือทันที
คลื่นพลังแปลกประหลาดถูกส่งผ่านออกไปในความเงียบ
ตู้ม!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ลำแสงสามสิบหกสายพลันถูกยิงขึ้นมาในอากาศรอบกายอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
ทันใดนั้น หุ่นเหล็กมฤตยูก็ถูกขังอยู่กลางวงล้อมของลำแสงทั้งสามสิบหกสายนั้น
ครืน!
คลื่นพลังแปลกประหลาดถูกส่งผ่านระหว่างลำแสงทั้งสามสิบหกสาย ส่งผลให้มวลอากาศปั่นป่วน ไม่ต่างจากผิวน้ำที่พลิ้วไหวเป็นระลอกคลื่น
หุ่นเหล็กมฤตยูที่มีร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วนั้นกลับกลายเป็นเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลัดวงจร ต้องหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ตรงนั้นเอง
ดวงตาสีแดงของมันเกิดการสั่นไหวคล้ายกับเปลวเทียนเผชิญแรงลมใกล้ดับเต็มทน
ทันใดนั้น ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของหุ่นเหล็กก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างควบคุมไม่ได้
ก่อนที่แขนขาของมันจะหลุดออกมา
หรือหากจะอธิบายโดยละเอียดก็คือ โครงสร้างขนาดใหญ่ยักษ์ของหุ่นเหล็กมฤตยูเริ่มหลุดออกมาทีละส่วนทีละส่วน จนกระทั่งมีสภาพกลายเป็นกองเศษเหล็กเท่านั้น
หุ่นเหล็กมฤตยูตัวนี้ ‘ตายแล้ว’
ฉู่จิวอี้เบิกตาโต
หุ่นปีศาจตัวนี้พ่ายแพ้แล้ว
นางจ้องมองบุรุษลึกลับด้วยความเหลือเชื่อ
เขาเป็นใครกัน? เขาสามารถเอาชนะหุ่นเหล็กมฤตยูได้อย่างไร?
หากเขาสามารถเอาชนะหุ่นเหล็กอีกสามตัวได้สำเร็จ เขาก็คงช่วยเหลือผู้คนได้นับไม่ถ้วนแล้วกระมัง?
“ท่านลุงเก่งจังเลย”
เจิ้งเซวียนเซวียนร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ
ฉู่จิวอี้รีบยกมือปิดปากบุตรสาว เพราะไม่อยากรบกวนสมาธิของบุรุษลึกลับ
โชคดีที่บุรุษลึกลับไม่ได้สนใจ
เขาทิ้งตัวลงไปยืนอยู่ใจกลางลำแสงทั้งสามสิบหกสาย ก่อนจะจัดการเก็บชิ้นส่วนของหุ่นเหล็กเทพอสูรเข้าสู่วัตถุเก็บของวิเศษขนาดใหญ่
ด้วยความรวดเร็วยิ่ง
เพียงไม่กี่ลมหายใจก็เสร็จเรียบร้อย
“ไปกันเถอะ”
บุรุษปริศนาพุ่งตัวเป็นลำแสงขึ้นมายืนอยู่ข้างกายสองแม่ลูกบนหอคอย เขายกมือขึ้น กำลังจะนำพาพวกนางหลบหนีออกไป
แต่ทันใดนั้น…
“เจ้าเป็นใคร?”
เสียงเย็นชาดังขึ้นในหู
บุรุษลึกลับหันศีรษะไปมองด้านหลังโดยทันที
ไม่ทราบเลยว่ามีเด็กสาวในชุดเครื่องแบบมือกระบี่ผู้หนึ่งมายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้ารูปไข่ของนางมีแก้มป่องเล็กน้อย ดวงตากลมโต ขนตายาว คิ้วเข้มโค้งงอ ผมสีแดงยาวสลวย ลักษณะเย็นชา นางกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น
บุรุษลึกลับสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายจากร่างกายของเด็กสาวผู้นี้
โดยไม่ลังเล เขายกมือขึ้นและยิงลำแสงออกไปจากฝ่ามือ
วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงสามสายพุ่งทะลวงออกไปหาเด็กสาวผู้นั้นราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต มันหมุนวนรอบร่างกายของเด็กสาว ก่อนจะถักทอเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ กักตัวของนางอยู่ตรงกลางค่ายอาคม…
บุรุษลึกลับสามารถลงมือสำเร็จในกระบวนท่าเดียว
แต่เขากลับไม่คิดสังหารเด็กสาวผู้นี้
เพราะสิ่งที่บุรุษลึกลับทำก็คือหันกลับมานำพาสองแม่ลูกหลบหนีไป
เขาจะต่อสู้ก็ได้
แต่มันไม่จำเป็น
เพราะภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว
รีบหนีก่อนดีกว่า
และสิ่งที่ทำให้บุรุษลึกลับโล่งใจก็คือ เด็กสาวผมแดงผู้นั้นไม่ได้ไล่ตามมา
เงาดำเคลื่อนไหววูบ
พริบตาต่อมา บุรุษลึกลับก็นำตัวฉู่จิวอี้พร้อมด้วยบุตรสาวออกมาอยู่ในพื้นที่ห่างออกไปสี่ลี้
หากไม่มีสองแม่ลูกมาด้วย ประตูมิติของบุรุษลึกลับจะสามารถพาเขาเดินทางได้ครั้งละแปดลี้
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เมื่อออกมาพ้นพื้นที่อันตรายแล้ว บุรุษลึกลับจึงวางใจลง เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนกายเปิดประตูมิติอีกครั้ง
แต่ทว่า…
“เจ้าสามารถใช้ค่ายอาคมระดับสูงได้เช่นนี้ แสดงว่ามาจากดินแดนทวยเทพสินะ?”
เสียงที่เย็นชาหัวเราะขึ้นด้วยความเหยียดหยาม
บุรุษลึกลับยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง
เป็นเด็กสาวผมแดงมายืนอยู่ด้านหลังเขาอีกแล้ว
ใบหน้าของนางเย็นชา แววตาของนางดุดัน
เห็นได้ชัดว่านางสามารถสลายค่ายอาคมของเขาได้สำเร็จ
รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
บุรุษลึกลับตระหนักถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย จึงระเบิดเสียงคำรามออกมาและยกมือขึ้น
ยิงลำแสงสีน้ำเงินออกมาอีกหลายสาย
ลำแสงเหล่านั้นถักทอรวมตัวกันเป็นรังไหมครอบคลุมเด็กสาวผมแดงราวกับเป็นดักแด้
“ไร้ประโยชน์”
ลำแสงกระบี่ฟันทะลุรังไหมสีน้ำเงินออกมาอย่างง่ายดาย
เด็กสาวผมแดงพุ่งตัวออกมา
ลำแสงกระบี่พุ่งตรงเข้าหาบุรุษลึกลับที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ
บุรุษลึกลับส่งเสียงคำรามแหบต่ำในลำคอ ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาข้างหน้า
พลัน โล่สีน้ำเงินเข้มขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
เคร้ง!
ลำแสงกระบี่ปะทะเข้ากับโล่ หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย ประกายไฟก็สาดกระจาย
โล่ขนาดใหญ่ของบุรุษลึกลับเกิดรอยแตกร้าวเป็นใยแมงมุม ก่อนจะได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ แล้วโล่ของเขาก็แตกสลายไปต่อหน้าต่อตา
“อึก!”
บุรุษลึกลับกระอักเลือดออกมาจากปาก
มือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต กระดูกแทงทะลุออกมา
บาดแผลน่าหวาดกลัว
กองทัพเทพอสูรมีผู้ที่พลังแข็งแกร่งระดับนี้ด้วยหรือ?
บุรุษลึกลับลอบตกตะลึง ล่าถอยไปข้างหลัง วงแหวนสีน้ำเงินปรากฏขึ้นหมุนวนบนศีรษะ
วงแหวนมีเส้นรอบวงเท่ากับกระบี่เล่มหนึ่ง มันแกะสลักขึ้นมาจากแร่หินหายาก ผ่านการลงค่ายอาคมมาอย่างหนาแน่น บนวงแหวนเต็มไปด้วยอักขระโบราณ ดูแปลกประหลาดและลึกลับในเวลาเดียวกัน
นี่คือวงแหวนโชคชะตา
วงแหวนนั้นเคลื่อนตัวออกจากเหนือศีรษะของบุรุษปริศนาไปลอยอยู่เหนือศีรษะของสองแม่ลูกฉู่จิวอี้กับเจิ้งเซวียนเซวียน
ลำแสงสีน้ำเงินสาดประกายวูบ
แล้วพวกเขาทั้งสามคนก็ถูกส่งออกมาอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากบริเวณเดิมหลายลี้
แต่ต่อให้หลบหนีได้รวดเร็วเท่าไหร่ เด็กสาวผมแดงก็ยังไล่ตามมาทันเสมอ
จนกระทั่งครั้งสุดท้าย ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เดินทางผ่านวงแหวนโชคชะตา เด็กสาวผมแดงก็มายืนดักอยู่ด้านหน้าแล้ว
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมบอก งั้นก็ตายซะเถอะ”
เด็กสาวผมแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
นางยกมือขึ้น กำลังจะปลดปล่อยลำแสงกระบี่ใส่หน้าผากของบุรุษลึกลับ
แม้รู้ดีว่าลำแสงกระบี่กำลังจะถูกยิงเข้าใส่ศีรษะของตนเอง แต่บุรุษลึกลับกลับไม่สามารถขยับร่างกายขัดขืนได้เลย
“ไม่นะ…”
ฉู่จิวอี้ร้องตะโกน ยกมือขึ้นพยายามจะกำบังลำแสงกระบี่นั้นให้แก่บุรุษลึกลับตามสัญชาตญาณ
แต่เมื่อฝ่ามือของนางกระทบเข้ากับลำแสงกระบี่ ม่านหมอกเลือดก็สาดกระจาย มือข้างนั้นของฉู่จิวอี้ได้ขาดเสมอข้อไปเรียบร้อยแล้ว
จังหวะที่ลำแสงกระบี่กำลังจะพุ่งทะลวงหน้าผากของบุรุษลึกลับนั้นเอง
“เสี่ยวไป๋ พวกเราได้เจอกันอีกแล้วนะ”
เสียงของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้น
แล้วลำแสงกระบี่สายนั้นก็ถูกสลายพลังลงไป
บุรุษลึกลับและฉู่จิวอี้รู้สึกดวงตาพร่าเลือน ก่อนที่ลมหายใจต่อมา พวกเขาจะเห็นแผ่นหลังของคนผู้หนึ่งที่ใส่ชุดขาวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า คอยกำบังลำแสงกระบี่ให้พวกเขาราวกับเป็นภูตผีตนหนึ่ง
และเด็กสาวผมแดงผู้นั้นก็รีบล่าถอยออกไปเพื่อรักษาระยะห่าง ใบหน้ารูปไข่อันงดงามนั้นปรากฏความประหลาดใจอย่างชัดเจน