เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1474 ข้ายินดีมีลูกกับท่าน
ตอนที่ 1,474 ข้ายินดีมีลูกกับท่าน
หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็สั่งให้หุ่นยนต์หมายเลขหนึ่งของตนเองเดินลาดตระเวนทั้งด้านในและด้านนอกเมืองหลวงจักรวรรดิต้าเกี๋ยน
ช่วงเวลาระหว่างนี้ กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรปรากฏตัวออกมาจากประตูมิติมากขึ้นเรื่อย ๆ
รวมถึงสองสาวรับใช้เฉียนเหมยกับเฉียนเจินผู้ขี่อยู่บนแผ่นหลังของหมาป่าอสูรเสี่ยวซานกับเสี่ยวสือ
หมาป่าน้ำแข็งกลายพันธุ์คู่นี้ถือกำเนิดมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างมารดาของพวกมันกับเสืออสูรสายฟ้า นอกจากนั้น หลินเป่ยเฉินยังให้พวกมันรับประทานอาหารเป็นโอสถวิเศษและผลไม้วิเศษมากมายหลายชนิด พละกำลังของพวกมันในปัจจุบันจึงมากมายมหาศาล ร่างกายสูงใหญ่มากกว่าหมาป่าทั่วไปหลายเท่า ขนบนร่างเป็นสีเงินสะท้อนประกายกับแสงตะวันระยิบระยับ
เพียงชำเลืองมองดู ก็รู้แล้วว่าเป็นสัตว์อสูรผู้น่าเกรงขาม
เมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน เจ้าหมาป่าทั้งสองตัวก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
พวกมันไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ได้พบเจอบิดาของตนเองอีกครั้ง เจ้าหมาป่าทั้งสองตัวนำหัวมาถูไถกับศีรษะของหลินเป่ยเฉินและเพียงพริบตาเดียว ทั่วตัวของหลินเป่ยเฉินก็เต็มไปด้วยน้ำลายของพวกมัน…
“นี่คือของรางวัลของพวกเจ้า”
หลินเป่ยเฉินเตรียมของขวัญเอาไว้ให้เจ้าหมาป่าทั้งสองตัวนี้เรียบร้อยแล้ว
พูดจบ เขาก็นำขวดหยกขาวเล็ก ๆ ออกมาจากในอกเสื้อสองขวด “ข้าเตรียมเอาไว้ให้พวกเจ้าโดยเฉพาะเชียวนะ”
“นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ นายท่าน?”
เฉียนเหมยรับขวดหยกไปดูด้วยความสงสัย เมื่อเปิดฝาจุกขวดออก กลิ่นคาวเลือดก็โชยออกมา และแสงสีทองก็เป็นประกายระยิบระยับออกมาจากด้านในปากขวดนั้น
“นี่คือโลหิตกิ้งก่าทะเลทรายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่สืบสายเลือดมาจากมังกรบนดินแดนทวยเทพ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว เจ้าหมาน้อยของพวกเราก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”
หลินเป่ยเฉินตอบ
นี่คือเลือดที่เขาดูดออกมาจากตัวของกิ้งก่าทะเลทรายทองคำ
บางทีกลิ่นคาวเลือดอาจจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณอะไรบางอย่างในตัวของเสี่ยวซานกับเสี่ยวสือ พวกมันแสดงท่าทีตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แม้จะนั่งอยู่กับที่อย่างเชื่อฟัง แต่ลิ้นก็ห้อยยาวออกมาและหางก็กระดิกตลอดเวลา
หางของพวกมันแทบจะหมุนเป็นกังหันลมแล้ว
แม้แต่เจ้าเสือเสี่ยวหูที่นั่งอยู่ห่างออกไปเมื่อได้กลิ่นโลหิตกิ้งก่าทะเลทราย ดวงตาของมันก็เป็นประกายวาวโรจน์ แต่มันก็ทำได้เพียงจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าแสดงออกมากเกินไป
อากวงมองออกว่าลูกเลี้ยงสุดที่รักของมันต้องการสิ่งใด
ดังนั้น มันจึงพาเจ้าเสือเสี่ยวหูเดินขึ้นบันไดเตี้ย ๆ ตรงมาหาหลินเป่ยเฉินและโค้งคำนับให้แก่เด็กหนุ่มอย่างสุภาพอ่อนน้อม
แต่เมื่ออากวงนำกระดานชนวนออกมาเขียนข้อความ หลินเป่ยเฉินก็ต้องตบหน้าผากเสี่ยวหูเสียงดังเพียะ!
เจ้าเสือใหญ่รีบหมอบลงกับพื้นส่งเสียงครางในลำคอหงิง ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อากวงน้ำตาแทบไหลออกมา
มันรู้สึกเสียใจเหลือเกิน
อดีตราชันย์หนูอสูรหางกุดผู้ทำงานรับใช้หลินเป่ยเฉินมานานรีบขยับเข้ามาโค้งตัวคำนับหลินเป่ยเฉิน คล้ายกับต้องการจะบอกว่า หากท่านตีลูกของข้า ท่านตีข้าเสียยังดีกว่า
“นี่เจ้าเล่นใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ?”
หลินเป่ยเฉินแทบจะพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เจ้าเป็นแค่หนูอสูรหางกุดเท่านั้นนะ
ถึงกับเลี้ยงเสืออสูรตัวหนึ่งเป็นบุตรบุญธรรม?
ชักจะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว
“แต่ช่างเถอะ ข้าขี้เกียจเอาเรื่องกับพวกเจ้า”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้มองอากวงเป็นกระสอบทรายที่มีชีวิต เขานำขวดหยกออกมาเพิ่มเติมอีกสองใบพลางกล่าวว่า “สำหรับเจ้าและลูกบุญธรรมของเจ้าคนละขวด… เจ้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าเสือตัวนี้เป็นลูกของเจ้าในชาติที่แล้ว?”
ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่เห็นหน้าเจ้าเสืออสูรตัวนี้ หลินเป่ยเฉินก็มักจะรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาเสมอ
‘นายท่านมีจิตใจเมตตาอารีผู้ต่ำต้อยยิ่งนัก’
อากวงเขียนข้อความบนกระดานเพื่อประจบเอาใจหลินเป่ยเฉิน จากนั้นจึงนำตัวลูกบุญธรรมของตนเองเดินออกไปพร้อมด้วยขวดหยกบรรจุโลหิตของกิ้งก่าทะเลทรายทองคำ
หากเป็นในอดีต หลินเป่ยเฉินคงไม่กล้าให้เสี่ยวซาน เสี่ยวสือ หรือแม้แต่เสี่ยวหูดื่มโลหิตของกิ้งก่าทะเลทรายทองคำ เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นสัตว์อสูรในดินแดนเทพเจ้า สัตว์อสูรที่อยู่บนโลกมนุษย์อย่างแผ่นดินตงเต้า ไม่มีทางรองรับพลังของสัตว์อสูรบนดินแดนแห่งทวยเทพได้เด็ดขาด
แต่ปัจจุบันนี้ ประตูมิติระหว่างดินแดนทวยเทพกับแผ่นดินตงเต้าได้ถูกเปิดออก ร่างกายของบรรดาสัตว์อสูรในแผ่นดินตงเต้าจึงเกิดการกลายพันธุ์ และทำให้พวกมันสามารถรองรับโลหิตของสัตว์อสูรจากดินแดนทวยเทพได้อย่างไม่มีปัญหา
“พี่ใหญ่ช่วยเหลือจักรวรรดิต้าเกี๋ยนแล้ว รบกวนช่วยเหลือจักรวรรดิเจิ้งหลงบ้างสิขอรับ”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ผู้รอคอยโอกาสนี้มาเนิ่นนานรีบวิ่งเข้ามากล่าวทันที
เนื่องจากองค์ชายหนุ่มกำเนิดในประเทศที่เป็นเสาหลักของแผ่นดินตงเต้า เขาจึงมีความคุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นองค์ชายเจี้ยนอวี่และหลงหน่าเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรจึงเดินทางมาพร้อมกับกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรและพวกเขาก็แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เข้าพบหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินจ้องมององค์ชายใหญ่แห่งจักรวรรดิเจิ้งหลงด้วยแววตาเหยียดหยามแปดส่วน
และอีกสองส่วนเป็นแววตาแห่งความเวทนา
หลังจากนั้น เขาก็หันมามองเด็กสาวรอยสักมังกรผู้ยืนอยู่ข้างกายองค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่วางตา
เขาแหลมที่ใสปานผลึกแก้วบนหน้าผากหลงหน่ามีเสน่ห์ชวนมองอย่างประหลาด
โดยเฉพาะหลังจากที่นางชำระล้างคราบเลือดและเศษฝุ่นดินโคลนบนร่างกายออกไปหมดสิ้น ชุดเกราะที่ขาดวิ่นเปลี่ยนใหม่เป็นชุดเกราะสีแดงเข้ม ช่วงขาเรียวยาวที่โผล่พ้นชายกระโปรงและรองเท้าบูทที่สวมใส่ ยิ่งขับเน้นให้เด็กสาวมีสง่าราศีและทรงเสน่ห์มากกว่าเดิมหลายเท่า
หลินเป่ยเฉินไม่ได้มีความคิดลามกกับเรือนร่างของนาง
เขาเพียงแต่มองดูเพราะต้องการจะชื่นชมความงามเท่านั้น
หลงหน่าจ้องมองกลับมาด้วยแววตากระตือรือร้นอย่างแปลกประหลาด
เฮ้อ ความหล่อเป็นเหตุอีกแล้วสินะเรา
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
“คิดจะทำสงครามก็ต้องมีการเตรียมตัว”
หลินเป่ยเฉินถอนสายตากลับมาและยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นด้วยความเคยชิน “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่มีความสนใจที่จะช่วยเหลือพวกเจ้า นอกจากพวกเจ้าจะมีข้อเสนอที่ข้าปฏิเสธไม่ได้”
“แต่ว่า… พี่ใหญ่ขอรับ จักรวรรดิต้าเกี๋ยนไม่ได้ให้อะไรกับท่านเลยนะ แต่ท่านกลับช่วยเหลือพวกเขา…” องค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่เคยต้องทำตามคำสั่งผู้ใดมาก่อน จึงไม่เข้าใจเรื่องการเจรจาต่อรอง เมื่อได้ยินหลินเป่ยเฉินพูดออกมาเช่นนั้นจึงอดงงงันไม่ได้
หลินเป่ยเฉินพลันหัวเราะออกมาด้วยความตลกขบขัน “จักรวรรดิต้าเกี๋ยนไม่ได้ให้อะไรกับข้าอย่างนั้นหรือ? นับจากนี้เป็นต้นไป จะไม่มีประเทศที่ชื่อว่าจักรวรรดิต้าเกี๋ยนอีกแล้ว เพราะที่นี่จะตกเป็นของกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรโดยสมบูรณ์”
องค์ชายเจี้ยนอวี่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ไม่ว่าเขาต้องการจะพูดอะไรต่อหลังจากนี้ คำพูดเหล่านั้นก็ได้สลายหายไปด้วยการวางท่าใหญ่โตของหลินเป่ยเฉินเรียบร้อยแล้ว
หลินเป่ยเฉินมีเจตนาอยากจะทำให้กระบี่มังกรเบิกฟ้าได้รับรู้รสชาติความผิดหวังเสียบ้าง
หลินเป่ยเฉินเดินกลับเข้าไปรอคอยการมาถึงของหลิงฉือ เยว่หงเซียงและคนอื่น ๆ อยู่ในกระโจมหลังใหญ่
ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปสังหารเว่ยหมิงเฉิน หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องสั่งงานกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรและแจ้งภารกิจต่อผู้นำทางการเมืองพร้อมด้วยนักเวทผู้ใช้ค่ายอาคมทุกคนให้เรียบร้อยเสียก่อน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาคือเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกร หลงหน่า
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้น หันไปมองอย่างไม่ประหลาดใจสักเท่าไหร่ “มาแล้วหรือ?”
ฟันสีขาวราวหิมะของหลงหน่ากัดริมฝีปากตนเองเล็กน้อย “ข้าพเจ้ามาแล้ว”
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมาแน่ ๆ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้าง “มีข้อเสนออะไรก็พูดมาเถอะ”
หลงหน่าเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉิน กล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “ข้าอยากให้ท่านช่วยองค์ชายฟื้นฟูจักรวรรดิเจิ้งหลง”
“ว่าไงนะ?”
หลินเป่ยเฉินชะงักเล็กน้อย “ทำไมข้าต้องช่วยองค์ชายของเจ้าด้วย?”
หลงหน่าตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง “หากท่านยินดีช่วยเหลือองค์ชายของข้า ไม่ว่าท่านต้องการทำสิ่งใดกับข้า ผู้ต่ำต้อยคนนี้ไม่มีทางปฏิเสธ”
“แล้วไงล่ะ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นด้วยความคุ้นชินอีกครั้ง “ไม่ใช่ว่าเจ้าใช้ข้ออ้างของเจ้านายตนเองเพื่ออยากจะได้โลหิตที่แสนล้ำค่าของข้าหรอกหรือ? เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้พูดจาเช่นนี้”
“ข้าเนี่ยนะอยากจะได้โลหิตของท่าน?”
ใบหน้าที่สวยงามของหลงหน่าแสดงออกถึงความพิศวงที่แท้จริง
สิ่งที่บุรุษต้องการมากที่สุดก็คือการหลับนอนกับสตรีไม่ใช่หรือ?
อย่างเช่น องค์ชายเจี้ยนอวี่นั่นปะไร เขามักจะหลับนอนกับสตรีมากหน้าหลายตาเสมอ
นางกัดฟันพูดว่า “หากท่านช่วยองค์ชายของข้าฟื้นฟูจักรวรรดิ ไม่ว่าท่านต้องการท่วงท่าใด ข้าจะไม่ปฏิเสธ ข้าจะทำให้ท่านพึงพอใจ ร่างกายของข้ามีความแข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์ทั่วไป สามารถทนถูกทุบตี…”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ดูเหมือนจะพูดคุยกันไม่เข้าใจเสียแล้วสิ
เขากับนางกำลังพูดถึงเรื่องเดียวกันอยู่ใช่หรือไม่?
“เจ้าไม่ได้มาเพื่อขอเลือดอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินนำขวดหยกออกมาจากด้านในอกเสื้อและกล่าวว่า “นี่คือเลือดของกิ้งก่าทะเลทรายทองคำจากดินแดนทวยเทพ นอกจากเจ้าจะไม่ให้อะไรข้าแล้ว เจ้ายังจะให้ข้าไปช่วยองค์ชายของเจ้าฟื้นฟูจักรวรรดิอีกด้วย… นี่ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? หรือว่าเจ้าเป็นมารดาข้ากลับชาติมาเกิด?”
“ข้าเนี่ยนะเป็นมารดาของท่าน?”
เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรยังคงกล่าวด้วยสีหน้ามุ่งมั่นต่อไป “ตราบใดที่ท่านยินดีรับข้อเสนอนี้ แม้ท่านอยากจะมีลูกกับข้าสักคน… ข้าก็ยินดี”
ว่าไงนะ?
หลินเป่ยเฉินเหมือนจะเข้าใจอะไรเป็นอย่างแล้ว สีหน้าของเขาจึงแปลกประหลาดไป
นี่คือข้อเสนอของหลงหน่าอย่างนั้นหรือ?
หรือเป็นคำสั่งจากองค์ชายเจี้ยนอวี่?
เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความลังเล จากนั้นจึงกัดฟันปลดแผ่นเกราะบริเวณหน้าอกทิ้งไป สะบัดผมและกล่าวว่า “ข้าจะให้ท่านเก็บดอกเบี้ยก่อนก็ได้ ข้ายังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน… แต่ข้ารับปากว่าจะร่วมมือเป็นอย่างดี”
กลิ่นหอมละมุนลอยมาเตะจมูก
หลินเป่ยเฉินนั่งอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง
ทันใดนั้น หลิงฉือ เยว่หงเซียง เฉียนเหมย เฉียนเจินและคนอื่น ๆ ก็เดินเข้ามาในกระโจมพอดี