เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1504 ข้าต้องการชีวิตของพวกเจ้า
ตอนที่ 1,504 ข้าต้องการชีวิตของพวกเจ้า
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่บุคคลปริศนาผู้นั้น
ผมสีเทา ร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น
แต่ร่างกายกลับมีกล้ามเนื้อปูดโปน พลังกดดันแผ่ออกมาหนาแน่น ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวราวกับเป็นเทพสงคราม
หลังจากสำรวจมองดูแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เกิดความคิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่า…
น่าเสียดายหุ่นกำยำเช่นนี้ชะมัด
ใบหน้าที่แก่ชรานั้นไม่เหมาะสมกับกล้ามเนื้อปูดโปนเหล่านี้เลย
“เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร?”
ชายชราผมเทาหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ
ข้อมือขวาของเขาที่ขาดหายค่อย ๆ มีมือใหม่งอกกลับออกมาอย่างแช่มช้า ชายชราเงยหน้าขึ้นจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยแววตาดุร้ายคล้ายกับกระตือรือร้นที่จะได้ต่อสู้
หลินเป่ยเฉินรู้สึกกดดันขึ้นมาเล็กน้อย
ชายชราคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ร้ายที่มีแต่สัญชาตญาณดิบ
ลองพูดคุยดูก่อนดีกว่า
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงเชิดหน้าขึ้นและถามกลับไปด้วยเสียงราบเรียบว่า “แล้วเจ้าล่ะ? ตาเฒ่า เจ้าจะมาสนใจทำไมว่าข้าคือผู้ใด? ชายชราหน้าตาอัปลักษณ์อย่างเจ้า มารดาไม่เคยบอกหรือว่าอย่าได้ออกมาพบเจอผู้คนเด็ดขาด?”
“ตายซะเถอะ”
ชายชราผมเทาในชุดเสื้อคลุมสีดำจะสามารถทนโดนผู้คนดูถูกเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขายกมือขึ้นแล้วต่อยหมัดออกมา
หลินเป่ยเฉินระวังตัวอยู่ก่อนแล้วจึงรีบกระโดดหลบ
วูบ!
ลำแสงจากกำปั้นของชายชราพุ่งเฉียดข้างหูหลินเป่ยเฉินไปเพียงนิดเดียว
มวลอากาศด้านหลังศีรษะของเขาระเบิดตัว แล้วมวลอากาศก็เกิดรอยแตกร้าวคล้ายกับใยแมงมุมที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์และเซอร์ไอแซก นิวตันไม่สามารถให้คำอธิบายได้
หลินเป่ยเฉินหูอื้อขึ้นมาทันที
ราวกับว่ามีคนมาตะโกนใส่หูของเขาในระยะใกล้
หยดน้ำเปียกแฉะเปรอะเปื้อนใบหน้า
บริเวณข้างขมับรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นสัมผัสหยดน้ำเหล่านั้น
หยดน้ำเป็นสีแดง…
เป็นโลหิต!
เขากำลังเลือดไหล
หลินเป่ยเฉินระเบิดพลังออกมาด้วยความโกรธแค้นและพุ่งเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามทันที
“เฒ่าบัดซบ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาเล่นงานใบหน้าของข้า?”
หลินเป่ยเฉินเคลื่อนไหวเป็นลำแสงและใช้ออกด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หก ซึ่งเป็นกระบวนท่าสำหรับการต่อสู้ในระยะประชิด กระบี่ในมือเขาจี้ปราดด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ชายชราผมเทามีแววตาเคร่งเครียดขึ้น ไม่กล้าต้านทานกระบี่ในมือเด็กหนุ่มอีกต่อไป จึงเลือกที่จะกระโดดหลบและปล่อยหมัดสวนกลับมาเป็นระยะ…
เปรี้ยง!
พลังหมัดหนักหน่วงรุนแรง
วูบ!
ลำแสงกระบี่โจมตีต่อเนื่อง
การต่อสู้ในขณะนี้มีความหนักหน่วงมากกว่าทุก ๆ การต่อสู้ที่หลินเป่ยเฉินเคยเผชิญ
ผ่านไปยี่สิบลมหายใจ บาดแผลบนใบหน้าของหลินเป่ยเฉินก็ได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็ว
เขาและชายชราผู้นี้ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน
นั่นคือสิ่งที่หลินเป่ยเฉินมั่นใจ
เพราะถึงแม้การเคลื่อนไหวของชายชราจะดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อน แต่พลังทำลายล้างกลับรุนแรงยิ่งนัก แม้แต่มวลพลังในอากาศก็ยังเกิดรอยแตกร้าวเป็นใยแมงมุมที่กินพื้นที่กว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ
กำปั้นของชายชราแปลกประหลาด
ไม่ได้แฝงพลังลมปราณ
ไม่ได้แฝงพลังศักดิ์สิทธิ์
แต่กลับมีพลังทำลายล้างมหาศาล
และเห็นได้ชัดว่าชายชราเพิ่งปลดปล่อยพลังออกมาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
หากชายชราเอาจริงขึ้นมา แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะยังสามารถรับมือได้ แต่อย่างน้อยเขาก็คงไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้แน่ ๆ
แสดงว่าชายชราคงมาจากภพภูมิอื่น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็รีบคิดหาแผนการรับมือโดยเร็ว
เขาจะปล่อยให้เรื่องราวเลยเถิดไปมากกว่านี้ไม่ได้
ทันใดนั้น…
ตู้ม!
เสียงมวลพลังระเบิดตัวดังขึ้นจากด้านหลัง
เศษกระบี่จากปีกกระบี่ปลิวกระจาย
หลินเป่ยเฉินหันไปมองด้วยความตื่นตระหนก
นักพรตหญิงชินได้รับบาดเจ็บ
นางถูกใครบางคนลอบโจมตี
ท้องฟ้าพร่างพรมไปด้วยฝนโลหิต เส้นผมสีเงินยวงปลิวไสว ร่างของนักพรตหญิงชินลอยกระเด็นไปทางด้านหลัง ปีกกระบี่คู่หนึ่งหลุดออกมาจากแผ่นหลัง ตกไปอยู่ในมือของคนแคระชุดดำผู้หนึ่งซึ่งกำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปากและหัวเราะเยาะอย่างสะใจ…
“I 艹&…%¥#”
หลินเป่ยเฉินพูดไม่เป็นภาษา ไม่สนใจต่อสู้กับชายชราผมเทาอีกต่อไป และรีบล่าถอยเข้าไปหานักพรตหญิงชิน…
“จะไปไหน?”
ชายชราผมเทาแสยะยิ้มและต่อยหมัดออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่า ๆๆ…”
เสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายดังออกมาจากปากของคนแคระชุดดำ
คนแคระแลบลิ้นออกมาเลียโลหิตที่ติดอยู่บนปีกกระบี่ หลังจากนั้นจึงโยนปีกกระบี่ทิ้งไป ก่อนจะพุ่งตัวเป็นลำแสงสีดำเข้ามาไล่ล่านักพรตหญิงชินอย่างต่อเนื่อง…
แต่นักพรตหญิงชินไม่ได้ตื่นตกใจแม้แต่น้อย
เส้นผมสีเงินปลิวไสวราวกับหิมะในสายลมโชย กระบี่ลำแสงยังคงอยู่ในมือของนาง สีหน้ายังคงเย็นชา ดวงตายังคงสงบสุขุมราวกับทะเลสาบพันปี นักพรตหญิงชินระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์และโจมตีกลับไป
แต่การที่ถูกลอบโจมตีเมื่อสักครู่ ทำให้นางตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตร
และเว่ยหมิงเฉินก็ใช้โอกาสนี้ล่าถอยออกไปจากเขตการต่อสู้ด้วยความช่วยเหลือจากบรรดาลูกสมุน
หลินเป่ยเฉินเฝ้าดูด้วยความกระวนกระวายใจ
ความตั้งใจของเขาคือเข้าไปช่วยเหลือนักพรตหญิงชิน แต่ชายชราชุดดำก็ติดตามเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเงาตามตัว…
“ไสหัวไปซะ อย่ามายุ่งกับข้า”
หลินเป่ยเฉินร้องคำรามออกมาด้วยความรำคาญใจ
เขาโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ลงสู่ชุดเกราะอมตะ เมื่อหันไปเผชิญหน้ากับชายชราจึงถูกกำปั้นของฝ่ายนั้นกระแทกเข้าใส่หลายหมัด ส่งผลให้โลหิตไหลทะลักออกมาจากปากหลินเป่ยเฉินหลายคำใหญ่
แต่เด็กหนุ่มก็ใช้โอกาสเดียวกันนี้ตวัดกระบี่ในมือแทงเข้าใส่กำปั้นของฝ่ายตรงข้ามและสามารถทำให้มือของชายชราเกิดรูโลหิตได้สำเร็จ…
ชายชราผมเทาล่าถอยกลับไปด้วยความเจ็บปวด
และในจังหวะชุลมุนนี้เอง หลินเป่ยเฉินก็นำหุ่นยนต์หมายเลขหนึ่งออกมาและมอบคำสั่งให้มันเป็นคู่ต่อสู้ของชายชราผมเทา…
หลังจากนั้น เขาก็ควงกระบี่ในมือ
ใช้กระบวนท่ากระบี่ที่หก
เงากระบี่สาดกระจายออกไป
หลินเป่ยเฉินเคลื่อนกลายเป็นลำแสงวูบวาบพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับคนแคระชุดดำและกระบี่ในมือก็ทิ่มแทงออกไป…
“เสี่ยวผี ระวังตัว…”
ชายชราผมขาวร้องตะโกนเตือนด้วยใบหน้าที่มีเม็ดเหงื่อเปียกชุ่ม “เด็กหนุ่มผู้นี้มีพลังปราณธาตุห้าชนิด เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
“เฒ่าอสูร ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้…”
คนแคระหนุ่มร้องตะโกนกลับมาพลางล่าถอย
มันมองเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้เป็นคู่ต่อสู้สวมใส่ถุงมือทองคำแวววาว ความจริง คนแคระหนุ่มอยากได้ถุงมือคู่นั้นเช่นเดียวกับกระบี่เงินในมือหลินเป่ยเฉิน แต่จากการปะทะฝีมือกันเมื่อสักครู่ มันก็รู้ดีว่าตนเองคงรับมือผู้ที่มีพลังปราณธาตุห้าชนิดเพียงลำพังไม่ไหว
เมื่อคนแคระหนุ่มล่าถอยไป หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้ไล่ตามอีก
เขารีบหมุนตัวเข้าไปหานักพรตหญิงชิน ยื่นมือเข้าไปจับแขนช่วยประคองร่างบอบบางและพานางเข้ามานั่งพักอยู่ในรถม้าทองคำซึ่งจอดรออยู่ห่างออกไปสองลี้
“อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความร้อนใจ
เขารีบโคจรพลังปราณธาตุน้ำ ใช้วิชาวารีบำบัดพยายามรักษาการบาดเจ็บของนักพรตหญิงชินโดยเร็วที่สุด
ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มยังได้นำตัวยาสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บออกมาอีกหลายชนิด
“รับประทานโอสถก่อนขอรับ”
หลินเป่ยเฉินเร่งเร้า
นักพรตหญิงชินมองใบหน้าที่หล่อเหลาซึ่งแสดงออกถึงความวิตกกังวลอย่างชัดเจนนั้น พลันรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด นางพึมพำตอบกลับไปว่า “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นกังวล”
หลินเป่ยเฉินลองตรวจอาการของนางดูให้แน่ใจ หลังจากนั้น จึงได้ปล่อยมือออกจากตัวนักพรตหญิงชิน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าอาการบาดเจ็บของนักพรตหญิงชินไม่มีอะไรร้ายแรง เด็กหนุ่มจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการโจมตีด้วยผู้คนจากภพภูมิอื่น คือสิ่งที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ในระยะเวลาอันสั้น
บัดนี้ นักพรตหญิงชินไม่สามารถออกไปต่อสู้ได้อีกแล้ว
แม้ว่าเว่ยหมิงเฉินจะถูกช่วยเหลือออกไปได้สำเร็จ แต่ร่างกายได้รับความเสียหายยับเยินถึงเพียงนั้น ต่อให้มีพลังปราณธาตุห้าชนิดก็ไม่สามารถฟื้นฟูกลับขึ้นมาได้อีก ชีวิตหลังจากนี้ต้องอยู่ร่วมกับความเจ็บปวดทรมานตลอดเวลา อีกไม่ช้าก็เร็วต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เว่ยหมิงเฉินจึงไม่ใช่คนที่พวกเขาควรกังวลอีกต่อไป
แต่เป็นชายชราแปลกหน้ากับคนแคระชุดดำนั่นต่างหาก
“ท่านรออยู่ที่นี่อย่าเคลื่อนไหว รักษาอาการบาดเจ็บของตนเองให้ดี ส่วนเจ้าสองคนที่อยู่ข้างนอกนั่น เดี๋ยวข้าจะออกไปจัดการเอง”
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวและใช้กระแสจิตเรียกหาหุ่นยนต์หมายเลขหนึ่ง
หุ่นเหล็กมาปรากฏตัวขึ้นข้างรถม้าทองคำอย่างรวดเร็ว ตามร่างกายโลหะของมันปรากฏรอยยุบเป็นรูปฝ่าเท้าและกำปั้นชัดเจนหลายตำแหน่ง
เห็นได้ชัดว่ามันคงรับมือกับคู่ต่อสู้ได้อีกไม่นาน
นักพรตหญิงชินผงกศีรษะรับทราบ
หลินเป่ยเฉินพุ่งตัวออกไปจากรถม้าทองคำ มุ่งหน้าไปหาชายชราผมเทากับคนแคระชุดดำ
“ข้าต้องการชีวิตของพวกเจ้า”
ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น เสียงคำรามของเขาดังสะเทือนแผ่นฟ้าสะท้านแผ่นดิน “เพราะฉะนั้นจงตายเสียเถอะ!”