เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1505 บ้าคลั่ง
ตอนที่ 1,505 บ้าคลั่ง
บทเพลงในพื้นหลังยังดำเนินต่อไป
ส่งเสริมพลังต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
หลินเป่ยเฉินพุ่งเข้าไปหาชายชรากับคนแคระชุดดำด้วยดวงตาแดงฉาน
นักพรตหญิงชินยืนอยู่บนรถม้าทองคำ จ้องมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ
ครั้งหนึ่งก็เคยมีบุรุษผู้หนึ่งพยายามปกป้องนางเช่นนี้เหมือนกัน
แต่คนผู้นั้นได้หายไปจากโลกนี้นานแล้ว
เมื่อเห็นภาพนี้อีกครั้ง นักพรตหญิงชินพลันรู้สึกเศร้าโศกและพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทำไมนางจะไม่รู้ว่าหลินเป่ยเฉินคิดอะไรอยู่
นักพรตหญิงชินรู้ดีว่าเด็กหนุ่มมีความรู้สึกอย่างไรต่อตนเอง
ธรรมชาติกำหนดมาให้บุรุษรักสตรี เรื่องนี้นางไม่ปฏิเสธ
หลินเป่ยเฉินเป็นผู้ที่มีจิตใจกล้าหาญเด็ดเดี่ยว มักจะพุ่งกระโจนเข้าหาศัตรูเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์โดยไม่ลังเลเสมอ แม้ว่าบางครั้งเด็กหนุ่มจะดูพึ่งพาไม่ค่อยได้และออกจะเป็นคนบ้าราคะอยู่สักหน่อย แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องทำตัวจริงจัง หลินเป่ยเฉินก็ไม่เคยทำให้ผู้คนผิดหวัง
กวาดตาดูทั่วแผ่นดินตงเต้า สามารถกล่าวได้เลยว่าหลินเป่ยเฉินไม่เป็นสองรองผู้ใด
เพียงแต่ว่า…
นักพรตหญิงชินปฏิเสธความรักครั้งนี้ เพราะนางไม่อยากตกหลุมรักผู้ใด
แต่บัดนี้ นางกำลังรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินแสดงความห่วงใยนางขนาดไหน เขาถึงกับยอมพานางมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีโอกาสแก้แค้นเว่ยหมิงเฉินด้วยมือของตนเอง และเมื่อเขาจัดการจนเว่ยหมิงเฉินไม่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใดได้อีก หลินเป่ยเฉินก็ได้ส่งตัวเว่ยหมิงเฉินมาให้นางแก้แค้นจนสาสมใจ มิหนำซ้ำ เขายังช่วยเหลือนางจากเงื้อมมือของคนแคระชุดดำและนำนางมารักษาอาการบาดเจ็บบนรถม้าด้วยความร้อนรน จากนั้นก็ออกไปแก้แค้นให้กับนางเพียงลำพัง…
ด้วยความเสียสละทุ่มเททั้งหมดนี้ ต่อให้นักพรตหญิงชินมีหัวใจเป็นหินแข็งเหล็กกล้าก็ต้องหลอมละลายลงแล้ว
หลินเป่ยเฉินไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตนเอง
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์
สำหรับบุรุษที่ยอมเสี่ยงตายถวายชีวิตเพื่อสตรีที่ตนเองรัก นับดูในดินแดนนี้จะมีสักกี่คน?
เมื่อได้พบเจอกันแล้ว เหตุไฉนนางจึงไม่เห็นคุณค่า?
หัวใจของนักพรตหญิงชินเริ่มเกิดความรู้สึกปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมสีขาวราวกับหิมะของนางปลิวไสวไปตามแรงลม
ห่างออกไป หลินเป่ยเฉินลงมือโจมตีด้วยความหนักหน่วงรุนแรง
เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งเพียงใด เขาไม่สนใจว่าตนเองจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่ แต่สตรีที่เขาหลงรักกำลังได้รับบาดเจ็บและชะตาชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมากทั่วแผ่นดินตงเต้าก็อยู่ในกำมือของเขา ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่สามารถลังเลรีรอได้อีก
หลินเป่ยเฉินสั่งให้โทรศัพท์มือถือฉายภาพจำลองสี่มิติของตนเองออกมา
พร้อมกันนั้น เขาก็สั่งให้เสี่ยวจี้ผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัวสแกนข้อมูลเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ทั้งสองคน
หลินเป่ยเฉินใช้งานตัวช่วยทุกอย่างที่มีอยู่ในมือ
เขาพยายามจะเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งสองให้ได้โดยเร็วที่สุด
พลั่ก!
กำปั้นของชายชราผมขาวกระแทกเข้าใส่หัวไหล่ซ้ายของหลินเป่ยเฉินอย่างแรง โลหิตพุ่งกระฉูดออกจากปากของเด็กหนุ่ม แต่กระบี่เงินในมือเขาก็เสียบทะลุลำคอของชายชราเช่นกัน…
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
และหลินเป่ยเฉินก็ใช้เวลาเดียวกันนี้เหวี่ยงหมัดซ้ายออกไปเต็มแรง กำปั้นที่อยู่ภายในถุงมืออมตะของเขาจึงอัดกระแทกเข้าใส่ใบหน้าของคนแคระชุดดำเข้าอย่างจัง…
“อ๊าก ใบหน้าของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาโจมตีใบหน้าของข้า”
คนแคระเสี่ยวผีร้องคำรามขณะที่โลหิตไหลทะลักออกมา
มันถูกผู้คนหัวเราะเยาะมาทั้งชีวิตเพราะตนเองมีร่างกายเตี้ยแคระ ดังนั้นความภาคภูมิใจเดียวของเสี่ยวผีจึงเป็นใบหน้าที่หล่อเหลา ทำให้มันพยายามปกป้องใบหน้าของตนเองอย่างระมัดระวังมาตลอด แต่ครั้งนี้กลับถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว…
เสี่ยวผีโคจรพลังในร่างกาย ม่านพลังสีดำเข้มครอบคลุมทั่วลำตัว ดวงตากลายเป็นสีดำมืด จุดสีดำปรากฏขึ้นรอบริมฝีปาก ใบหูและจมูก ก่อนที่ตัวคนจะพุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินด้วยความโกรธแค้น…
เฒ่าอสูรระเบิดเสียงคำรามในลำคอ จากนั้นจึงรีบล่าถอยไปด้านหลัง ก่อนจะนำยามาโปะลงไปบนบาดแผล สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความตื่นตระหนก
เสี่ยวผีถึงกับบ้าคลั่งแล้ว
คนแคระผู้นี้ยามเสียสติน่ากลัวเพียงใด เฒ่าอสูรย่อมรู้ดี
ต่อให้เป็นขั้นยอดเซียนระดับ 3 ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรับมือเสี่ยวผีได้
แม้มือกระบี่หนุ่มในชุดขาวจะมีพลังปราณธาตุห้าชนิด แต่เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์ต่อสู้ยังมีน้อยกว่าพวกเขาหลายเท่า
“คงจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้แล้ว”
เฒ่าอสูรสะกดความเจ็บปวด สีหน้าแสดงออกถึงความโล่งใจและผ่อนคลายมากขึ้น
นักพรตหญิงชินผู้ยืนอยู่บนรถม้าทองคำมีสีหน้าตกตะลึง รับทราบดีว่าหลินเป่ยเฉินกำลังตกอยู่ในอันตราย
วูบ!
เงาร่างคนพุ่งเข้าหากัน
โลหิตสาดกระจาย ร่างของหลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นกลับออกมา
บัดนี้ คนแคระเสี่ยวผีมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากลำคอ ใบหน้าที่ถูกถุงมืออมตะต่อยเข้าใส่เมื่อสักครู่มีบาดแผลฉกรรจ์ ผิวหนังเปิดออก เผยให้เห็นถึงกระดูกที่อยู่ด้านใน…
แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาได้อย่างน่าขนลุก
“ฮ่า ๆๆ เจ้าหนูโสโครก เจ้าทำให้ข้าโมโหแล้ว… ข้าอยากจะกินเนื้อเจ้า”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าคนแคระเสี่ยวผีบิดเบี้ยว ตัวคนลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีดำ บัดนี้ ดวงตาของมันไม่มีตาขาวอีกต่อไป
คนแคระมฤตยูยังคงพุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน
นักพรตหญิงชินนำกระบี่ออกมาถืออยู่ในมือและกำลังจะจู่โจมออกไป…
แต่ทันใดนั้น…
“ฮ่า ๆๆ…”
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวตีลังกาขึ้นไปลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าและระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
เขายกมือขึ้นปาดคราบเลือดออกไปจากใบหน้า ก่อนนำมือที่เปื้อนเลือดนั้นเสยผมของตนเองไปทางด้านหลัง เส้นผมสีดำขลับของเขาจึงถูกย้อมกลายเป็นสีแดงสด
ใบหน้าที่หล่อเหลาประดับรอยยิ้มชั่วร้ายราวกับเป็นเจ้าชายอสูร
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?”
“เจ้าบ้าคลั่งไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“หรือว่าเจ้าก็เป็นบุคคลสมองเสื่อมเช่นเดียวกับข้า?”
“เจ้าก็สมองไม่ปกติเหมือนกันสินะ?”
“ความผิดครั้งใหญ่ในชีวิตนี้ของเจ้าก็คือ เจ้าไม่ควรมาลอบโจมตีสตรีของข้าเลย… เพราะฉะนั้น ข้าจะทำให้เจ้าได้ตายอย่างทรมานที่สุด”
หลินเป่ยเฉินเองก็เข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งแล้วเช่นกัน
เขาแผดเสียงคำราม ดวงตาแดงก่ำ กระบี่ในมือตวัดฟาดฟันใส่คนแคระชุดดำด้วยความอำมหิต
เปรี้ยง!
ร่างของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างแรง
คมกระบี่เจิดจ้า
มวลอากาศปั่นป่วน
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
ได้ยินเสียงอาวุธแหลมคมทิ่มแทงผิวหนังเลือดเนื้อสาดกระจาย
โลหิตฉีดพุ่งในอากาศยิ่งกว่าน้ำพุกลางแจ้ง
การต่อสู้เพียงไม่กี่ลมหายใจมีความเนิ่นนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์
“อ๊าก…”
เสียงร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกดังออกมาจากเขตการต่อสู้
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราผมเทาหายไป สีหน้าของเขากลับคืนสู่ความตกตะลึงอีกครั้ง
ตามมาด้วยความหวาดกลัว
เพราะเสียงกรีดร้องโหยหวนที่เขาได้ยินนั้น ไม่ใช่เสียงของใครที่ไหน แต่เป็นเสียงของเสี่ยวผีนั่นเอง!
เสี่ยวผีไม่เคยพ่ายแพ้ผู้ใดมาก่อนยามอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง แต่ครั้งนี้ มันกลับส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาในขณะที่ถูกเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าชุ่มเลือดลากขากลางอากาศ…
เสี่ยวผีแขนหัก ขาหัก ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดน่าเวทนา
“ช่วยข้าด้วย… ช่วยด้วย… อ๊าก… อ๊ากกก”
เฒ่าอสูรชุดดำตกตะลึงตัวเย็นเฉียบ ลืมเลือนเข้าไปช่วยเหลือสหายของตนเองชั่วขณะ
หลังจากนั้น เสียงกรีดร้องของคนแคระหนุ่มก็หายไป
ม่านหมอกเลือดระเบิดกระจายเป็นบริเวณกว้าง อวัยวะภายในโปรยปรายลงจากท้องฟ้าตกลงสู่พื้นดิน…
เสี่ยวผีตายแล้ว!
ตายอย่างน่าอนาถ!!
ร่างกายถูกระเบิดกระจายไม่เหลือชิ้นดี!!!
ขณะนี้ ทั่วตัวหลินเป่ยเฉินมีแต่โลหิตตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ทราบเลยว่ามีบาดแผลบนร่างกายกี่ตำแหน่ง ชุดเกราะอมตะของเขาถูกย้อมเป็นสีแดง เปรอะเปื้อนด้วยเศษกระดูกและเลือดเนื้อ ดูน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
เด็กหนุ่มลอยตัวแน่นิ่งอยู่กลางอากาศ
นักพรตหญิงชินอดตกตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นภาพนี้
นี่คือเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อมากเกินไป
เพื่อแก้แค้นให้กับนาง เขาถึงกับบ้าคลั่งไปแล้ว
แต่หลินเป่ยเฉินก็สามารถแก้แค้นได้สำเร็จจริง ๆ
นักพรตหญิงชินได้ยินเสียงสายลมโชยพัดผ่าน เช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วของตนเอง
ห่างออกไป
มีเพียงเว่ยหมิงเฉินผู้เดียวเท่านั้นที่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาไม่กล้าอยู่ดูการต่อสู้อีกต่อไปและได้แต่ร้องบอกออกคำสั่งว่า “เร็วเข้า รีบพาข้ากลับไปที่วิหาร พวกเรารีบไปหาท่านโอรสสวรรค์กันเถอะ”
หลินเป่ยเฉินก้าวเดินในอากาศ ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ทางด้านหลัง…
เขาค่อย ๆ หันหน้ามองมาที่ชายชราผมขาว
“ทีนี้ก็ถึงตาเจ้าแล้ว”
เด็กหนุ่มแสยะยิ้มอวดฟันขาววับ ใบหน้าของเขาเปียกชุ่มด้วยโลหิตสีแดงสด ทว่าสำหรับเฒ่าอสูร นี่คือรอยยิ้มที่ดูน่าขนลุกไม่ต่างจากรอยยิ้มของพญามัจจุราช
“ย้าก…”
พลัน ชายชราระเบิดเสียงคำราม ความหวาดกลัวกลืนกินจิตใจ จิตวิญญาณนักสู้สลายหายวับ
แล้วเขาก็หมุนตัวหลบหนีไป!