เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1515 หักหลัง
ตอนที่ 1,515 หักหลัง
เป็นใต้เท้าซิน
ใต้เท้าเหลียนและใต้เท้ากั้วล้วนตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ที่มาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้านี้และกลายเป็นแม่เลี้ยงของตนเองนั้น ที่แท้แล้วกลับเป็นใต้เท้าซิน
ในกลุ่มห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า ตอนที่เกิดการบุกโจมตีคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน นางเป็นเพียงผู้เดียวที่ทรยศต่อท่านมหาเทพและออกหน้าช่วยเหลือเจี๋ยนเซียวเหยา
“ทุกท่าน เราได้พบกันอีกแล้วนะ”
ใต้เท้าซินบีบมือเว่ยหมิงเฉิน รอยยิ้มอย่างมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า
นี่ไม่ใช่การแสดงละคร
ใต้เท้าสาวมีความสุขไม่ต่างจากผู้ที่เพิ่งได้เป็นเจ้าสาวใหม่หมาด
ประกายแห่งความสุขไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นในดวงตา
พวกของใต้เท้าเหลียนพยายามขับไล่ความตกตะลึงออกไปจากหัวใจ
เพราะทุกคนทราบกันดีว่าใต้เท้าซินนั้น… เป็นสตรีที่ชื่นชอบในตัวสตรีด้วยกันเอง หลายปีที่ผ่านมา นางไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับบุรุษเลยสักคน
อีกอย่าง นางยังเป็นบุตรบุญธรรมของท่านมหาเทพ
แล้วจะกลายเป็น ‘องค์ราชินี’ ได้อย่างไร?
ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ มีอานุภาพรุนแรงยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูสิบลูกที่ถล่มลงกลางใจ กลุ่มเทพเจ้าระดับสูงล้วนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
ใต้เท้าซินก็ไม่ได้อธิบายอะไรเช่นกัน
ในที่สุด ความฝันของนางก็เป็นจริงแล้ว
เป็นเวลานานมากทีเดียวที่ใต้เท้าซินแอบหลงรักท่านมหาเทพ นางจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งความรักและเกือบจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
แต่น่าเสียดายที่นางมีสถานะเป็นบุตรบุญธรรมของเขา
นี่คือความรักที่ไม่อาจเป็นจริง
ดังนั้น ใต้เท้าซินจึงต้องปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับท่านมหาเทพเป็นความลับมาโดยตลอด
ในดินแดนทวยเทพ นางไม่เคยมีใจให้ผู้ใดนอกจากท่านมหาเทพ
เหตุผลที่มีข่าวลือว่าใต้เท้าซินชื่นชอบสตรีด้วยกันเอง เป็นเพราะว่านางเลือกที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับสตรีเท่านั้น ด้วยกลัวว่าท่านมหาเทพจะไม่พอใจ
และบัดนี้ วันที่ใต้เท้าซินรอคอยก็มาถึงแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถประกาศออกไปได้อย่างเป็นทางการ
เมื่อท่านมหาเทพมากำเนิดใหม่ในร่างมนุษย์ นั่นก็หมายความว่าเรื่องราวในอดีตระหว่างพวกเขาไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องอีกต่อไป ท่านมหาเทพกลายเป็นคนใหม่แล้ว
การรอคอยอันยาวนานของใต้เท้าซินและความรักที่เฝ้ารออย่างอดทน ในที่สุดก็ได้รับผลตอบแทน
จังหวะที่เว่ยหมิงเฉินประกาศให้ทุกคนรับทราบว่านางเป็นองค์ราชินีของเขานั้น ใต้เท้าซินมีความสุขจนแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง… นางไม่ได้ตกตะลึงในตำแหน่งใหม่ของตัวเอง แต่ใต้เท้าซินตกตะลึงที่ท่านมหาเทพพูดออกมาด้วยตนเองต่างหาก
ห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ
หลังจากนั้นไม่นาน เว่ยหมิงเฉินก็กล่าวต่อ “ซินเอ๋อร์คอยจัดการทุกอย่างตามแผนการ ค่ายอาคมบูชายัญจึงสามารถหลอมรวมพลังทั้งหมดเข้าสู่ร่างมู่ซินเยว่ได้สำเร็จแล้ว ฮ่า ๆๆ…”
หลังจากหยุดชะงัก เขาก็หันมามองหน้าใต้เท้าซินด้วยความหลงรัก รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้น “หลินเป่ยเฉินอุตส่าห์ปลอมตัวเป็นเจี๋ยนเซียวเหยาขึ้นไปเขย่าบัลลังก์ในดินแดนทวยเทพได้ถึงขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังได้รับความร่วมมือจากนางลูกบุญธรรมไม่รักดีของข้า นึกว่าเขาจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ซะอีก สุดท้ายก็ยังเป็นคนที่ใช้การไม่ได้ดังเดิม ช่างเถอะ บัดนี้โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว ตราบใดที่ข้าสามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ เราก็จะได้ออกไปจากบ่อน้ำโสโครกนี้และได้โบยบินไปสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เสียที…”
…
ด้านในสนามพลัง
“ฮ่า ๆๆ เจ้าหมูโง่เอ๋ย”
โอรสสวรรค์เลื่อนมือขึ้นไปจับศีรษะของมู่ซินเยว่และหันหน้ากลับมายิ้มเยาะใส่หลินเป่ยเฉิน “เจ้านี่มันช่างไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ เจ้าจะมัวเสียเวลาต่อสู้กับเว่ยหมิงเฉินไปเพื่ออะไร? ค่ายอาคมและแท่นบูชาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเหยื่อล่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเจ้าเท่านั้น… เพราะค่ายอาคมของจริงนั้นได้ดูดซับพลังชีวิตทั่วแผ่นดินตงเต้าเข้าสู่ร่างกายเด็กสาวผู้นี้สำเร็จแล้ว…”
โอรสสวรรค์เพิ่มแรงบีบศีรษะมู่ซินเยว่มากขึ้น
“นายท่านเจ้าคะ ท่านช่วยนำพลังออกไปโดยไม่ทำให้ข้าน้อยเจ็บปวดได้หรือไม่?”
ร่างของมู่ซินเยว่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว คล้ายกับว่านางอยากจะขัดขืนแต่ก็ไม่กล้า ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา แววตาขอร้องอ้อนวอน
ไม่ว่าเป็นผู้ใดพบเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาแล้ว
แต่หลินเป่ยเฉินกลับไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย
เพราะเขากำลังเป็นกังวลถึงสิ่งอื่น
การดูดกลืนพลังชีวิตทั่วแผ่นดินตงเต้าสำเร็จแล้วหรือ?
ปัญหาอยู่ตรงนี้นี่แหละ
หากสิ่งที่โอรสสวรรค์พูดออกมาเป็นความจริง… หากสิ่งมีชีวิตทั่วแผ่นดินตงเต้าถูกดูดกลืนพลังชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว นี่หมายความว่าอย่างไร?
นี่หมายความว่า…
เฉียนเหมย เฉียนเจิน เสี่ยวเซียงเซียง พี่ใหญ่ไต้ อาจารย์ฉู่เหินและคนอื่น ๆ …ทุกคนล้วนตายหมดแล้วหรือ?
ตายในสภาพเดียวกับนักบวชทั้งสองพันคนในลานศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?
ไม่นะ!
เป็นไปไม่ได้!!
หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อ
คลื่นแห่งความหวาดกลัวถาโถมเข้ากลืนกินจิตใจ
“ไม่ต้องกลัว บางทีเขาอาจโกหกเจ้าอยู่ก็ได้…” เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผู้ที่ถูกลากตัวมาอยู่ด้านข้างมองเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหลินเป่ยเฉินจึงอดปลอบใจไม่ได้
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ ต้องการระเบิดเส้นเชือกสีเงินนั้นให้กระจุยกระจายออกไป…
“ฮ่า ๆๆ”
เสียงหัวเราะของโอรสสวรรค์ดังกึกก้องในสนามพลัง เขาใช้มืออีกข้างจับมือมู่ซินเยว่และกล่าวว่า “ข้าจะดูดพลังชีวิตออกมาจากตัวเจ้า แล้วเจ้าจะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร? เจ้าคือภาชนะบรรจุพลังปิดตาย วิธีเดียวที่จะนำพลังเหล่านั้นออกมาได้ ก็คือการทุบทำลายภาชนะทิ้งไปเท่านั้น…”
มือของโอรสสวรรค์ข้างที่วางอยู่บนศีรษะมู่ซินเยว่พลันเพิ่มแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทันใดนั้น ส่วนลึกในดวงตาของมู่ซินเยว่ปรากฏความเย็นชาวาวโรจน์
สีหน้าของโอรสสวรรค์แปรเปลี่ยนไปทันที
เขาพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ พลังปราณในร่างสูญเสียการควบคุมและกำลังถูกดูดผ่านนิ้วมือทั้งห้าไหลรินเข้าไปในร่างกายของมู่ซินเยว่
“เจ้า…”
หัวใจของโอรสสวรรค์เต้นรัวเร็วด้วยความตื่นตระหนก ทันใดนั้น เมื่อเขาพบเจอต้นตอของปัญหา สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะเกินการควบคุมไปเสียแล้ว
เด็กสาวผู้นี้หักหลังเขาใช่หรือไม่?
ใบหน้าของโอรสสวรรค์กระตุกด้วยความเคียดแค้น
“มีอะไรหรือเจ้าคะ?”
สีหน้าของมู่ซินเยว่ก็แสดงออกถึงความตกตะลึง ก่อนรีบสอบถามด้วยความตื่นตกใจ “นายท่าน… ข้าควบคุมไม่ได้ ค่ายอาคมมีปัญหาหรือไม่? ทะ…ท่านอย่าฆ่าข้าเลยนะเจ้าคะ”
นี่ไม่ใช่ฝีมือของนางหรือ?
โอรสสวรรค์เริ่มเกิดความลังเลใจ
จังหวะนั้น พลังดูดวิญญาณจากตัวมู่ซินเยว่ก็รุนแรงมากขึ้น พลังในร่างกายโอรสสวรรค์สูญเสียไปอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาเริ่มชักกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
สุดท้าย โอรสสวรรค์ก็ขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว
ดวงตากลมเล็กราวเม็ดถั่วปรากฏความตื่นกลัว
บัดนี้ เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายไปโดยสมบูรณ์
“นายท่านเป็นอะไรไหมเจ้าคะ?”
“นายท่านเอามือออกไป ข้าน้อยควบคุมตนเองไม่ได้ ดูเหมือนข้าน้อยกำลังดูดพลังมาจากนายท่านสินะเจ้าคะ?”
“นายท่าน?”
มู่ซินเยว่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ดวงตากลมโตมีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์ ดูเหมือนนางจะตื่นกลัวจริง ๆ
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผู้ถูกพันเป็นบ๊ะจ่างเห็นดังนี้ก็รีบกระซิบว่า “มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ดูเหมือนอดีตคนรักเก่าของเจ้าจะดูดพลังของโอรสสวรรค์มาจนหมดแล้ว บางทีนี่อาจเป็นโชคดีของเรา ลองบอกให้นางช่วยเหลือเราสิ…”
“โชคดีหรือ?”
ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินยิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม “นี่เป็นเพราะว่าท่านไม่รู้จักเด็กสาวผู้นี้ต่างหาก”
“นายท่านเจ้าคะ?”
“นายท่าน ดูเหมือนว่าท่านจะขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว”
“นายท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ”
“นายท่าน ยังขยับตัวได้ไหมเจ้าคะ?”
“ฮ่า ๆๆ นายท่าน ดูเหมือนว่าท่านคงกำลังใกล้ตายแล้วสินะ ไม่อยากทำลายภาชนะเก็บพลังชีวิตอีกแล้วหรือ? ท่านคงคิดไม่ถึงเลยสินะว่าภาชนะนั้นจะสามารถดูดกลืนพลังชีวิตของท่านได้เช่นกัน”
น้ำเสียงที่ตื่นกลัวเปลี่ยนไปกลายเป็นเสียงที่เย็นชา สีหน้าของมู่ซินเยว่ไม่ได้น่าสงสารอีกแล้ว บัดนี้ รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเมื่อแผนการทั้งหมดสำเร็จลุล่วงด้วยดี!