เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1516 เบื้องหลังแผนการร้าย
ตอนที่ 1,516 เบื้องหลังแผนการร้าย
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเบิกตาโตจ้องมองมู่ซินเยว่ด้วยความพิศวง
ให้ตายเถอะ เด็กสาวผู้นี้เปลี่ยนหน้าได้รวดเร็วเหลือเกิน…
นับว่านางตีหน้าซื่อได้อย่างแนบเนียนนัก
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเข้าใจคำพูดของหลินเป่ยเฉินก่อนหน้านี้แล้ว
นางประเมินเด็กสาวหน้าสวยต่ำเกินไปจริง ๆ
โอรสสวรรค์ตัวสั่นเทา เขาพยายามรวบรวมพลังปราณเฮือกสุดท้ายในร่างกายเพื่อต่อสู้กับอีกฝ่าย…
แต่มันก็เป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์
แม้จะพยายามสักเท่าไหร่ โอรสสวรรค์ก็ไม่สามารถนำมือออกมาจากศีรษะของมู่ซินเยว่ มิหนำซ้ำ ยังไม่สามารถทำอันตรายนางได้เลยแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันนี้ พลังชีวิตของโอรสสวรรค์ก็ถูกดูดออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
ร่างกายของเขาเริ่มเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว…
“ไม่นะ… เจ้า… อย่านะ… อย่า…”
ดวงตาของโอรสสวรรค์ทอแววขอร้องอ้อนวอน
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงมวลพลังที่ถูกดูดออกไปจากร่างกายและเงาแห่งความตายที่คืบคลานเข้ามาถึงตรงหน้า
มู่ซินเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย รอยยิ้มอย่างผู้ชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ดวงตาของนางเป็นประกายวาวโรจน์
คำขอร้องของโอรสสวรรค์ถูกปฏิเสธ
“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือเจ้าค่ะ ฮ่า ๆๆ พลังชีวิตของนายท่านช่างเอร็ดอร่อยยิ่งนัก”
มู่ซินเยว่หัวเราะในลำคอ
รอยยิ้มที่แสนอ่อนหวานบนใบหน้าของนางเมื่ออยู่ในสายตาของโอรสสวรรค์ก็ไม่ต่างจากรอยยิ้มของปีศาจร้าย
มู่ซินเยว่ค่อย ๆ ยกมือขึ้น
หลังจากนั้น นางก็แกะมือของโอรสสวรรค์ออกจากศีรษะของตนเอง แล้วนำมือนั้นมาประสานจับกับมือของนาง ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ร่างกายของโอรสสวรรค์ก็เหี่ยวแห้งลงไม่หยุดยั้ง
“ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอมเด็ดขาด”
แม้จะพยายามดิ้นรนสักเท่าไหร่ แต่สุดท้าย โอรสสวรรค์ก็ถึงแก่ความตาย ร่างกายที่เคยมีขนาดใหญ่ยักษ์หลงเหลือเพียงผิวหนังหุ้มกระดูกผอมกะหร่อง
มู่ซินเยว่สะบัดข้อมือ
ซากศพที่ผอมแห้งแตกสลายกลายเป็นผุยผง
โอรสสวรรค์ตายแล้ว
มู่ซินเยว่สูดหายใจลึก ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สองแขนกางออกกว้าง ระบายลมหายใจออกมายาวแรง
“เฮ้อ ในที่สุด… ข้าก็ทำได้สำเร็จ”
หลังผ่านชีวิตอันโหดร้ายมาอย่างยาวนาน ในที่สุด เด็กสาวก็สามารถทำตามความฝันของตนเองจนเป็นผลสำเร็จ
มู่ซินเยว่สร้างตัวตนใหม่ที่มีอำนาจและความแข็งแกร่ง…
ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง
กวาดตาดูในโลกใบนี้ ยังจะมีผู้ใดกล้าขัดขวางนางอีกหรือไม่?
มู่ซินเยว่หันกลับมาก้มหน้ามองหลินเป่ยเฉินอย่างแช่มช้า
เพียงมองด้วยสายตา ไม่พูดอะไร
แววตาบอกถึงความห่างเหิน ไม่มีความสนิทชิดใกล้
มิหนำซ้ำ ยังปรากฏความเวทนาวาววูบ
“คนรักเก่ามองเจ้าด้วยสายตาแปลก ๆ แฮะ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงขยับเข้ามากระซิบข้างหู “เจ้าคงไม่ได้ทำไม่ดีเอาไว้และทิ้งนางมาหรอกนะ?”
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า
เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้กันสักหน่อย
โลกภายนอกเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
หลินเป่ยเฉินกำลังจะอ้าปากถามคำถาม ทันใดนั้น ร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำก็ก้าวเท้าเดินเข้ามาในสนามพลังอย่างสบายอกสบายใจ
เป็นเว่ยหมิงเฉิน
เขามาเพียงลำพัง สวมใส่เสื้อคลุมสีดำ เมื่ออยู่ในดินแดนที่มีแต่แสงสีขาว ร่างของเว่ยหมิงเฉินจึงโดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง
“ทำได้ดีมาก”
เว่ยหมิงเฉินพยักหน้าให้กับมู่ซินเยว่ “เจ้าสังหารโอรสสวรรค์ได้สำเร็จ ข้าจะตอบแทนความดีความชอบครั้งนี้ให้อย่างงาม”
มู่ซินเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เว่ยหมิงเฉินกล่าวต่อไป “เจ้าดูดพลังชีวิตของโอรสสวรรค์เข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ นี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของเจ้าไปตลอดกาล เมื่อเจ้าได้เดินทางไปสู่ภพภูมิต้นกำเนิดของข้า เจ้าจะกลายเป็นผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์”
“จริงหรือเจ้าคะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้ามู่ซินเยว่ยิ่งกว้างมากขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ผู้ต่ำต้อยก็ต้องขอบคุณนายท่านมากแล้ว”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เพราะข้าเองก็ใช้ประโยชน์จากเจ้าเช่นกัน”
เว่ยหมิงเฉินยิ้มตอบกลับไปด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ข้าช่วยให้เจ้ามีโอกาสได้ดูดซับพลัง ข้าช่วยทำให้เจ้าแข็งแกร่งมากขึ้น และเจ้าก็ช่วยข้าหลอมรวมพลังชีวิตจากแผ่นดินตงเต้า พวกเราต่างก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ขอแค่เจ้าส่งมอบพลังชีวิตจากแผ่นดินตงเต้าออกมา ภารกิจของพวกเราก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
“นับว่าพวกเราได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่จริง ๆ”
มู่ซินเยว่ยิ้มแย้มอย่างอ่อนหวาน “แต่ข้าน้อยเปลี่ยนใจแล้ว”
เว่ยหมิงเฉินเบิกตาโตถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ไม่สู้ได้ประโยชน์เพียงผู้เดียว พลังชีวิตจากแผ่นดินตงเต้าแลกมาด้วยการสังหารผู้คนมหาศาล ข้าน้อยเก็บพลังเหล่านี้เอาไว้ใช้เองไม่ดีกว่าหรือ? ทำไมข้าถึงต้องส่งมอบให้ท่านด้วย?”
มู่ซินเยว่ทำหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ดวงตาเป็นประกายดุร้าย
เว่ยหมิงเฉินหัวเราะในลำคอ สีหน้าเย็นชา “เจ้าคิดทรยศข้าหรือ?”
“ทรยศ? ช่างน่าขำเสียจริง”
มู่ซินเยว่หัวเราะคิกคักด้วยความเหยียดหยาม “ข้าไม่ใช่คนรับใช้ของท่าน ต่อให้เป็นคนรับใช้ ข้าทรยศท่านแล้วจะทำไม?”
“เจ้านี่ช่างไม่กลัวตายเลยจริง ๆ”
เว่ยหมิงเฉินพูดด้วยความสะทกสะท้าน “ข้าอุตส่าห์สละชีวิตเทพเจ้าอันสูงส่ง เพื่อมาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ ข้าย่อมสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง แม้แต่หลินเป่ยเฉินผู้มีวาสนาดีที่สุดในใต้หล้า ก็ยังต้องอยู่ในกำมือของข้า…”
พูดมาถึงตรงนี้ เว่ยหมิงเฉินก็หันมายิ้มให้แก่หลินเป่ยเฉินซึ่งยังคงถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างยืนอยู่ที่เดิม “กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว เจ้าอย่าโกรธเคืองกันเลยนะ เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าเพราะเหตุใด เจ้าจึงฝึกวิชาได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น? เจ้าไม่รู้เลยว่าเพราะเหตุใด เจ้าถึงโชคดีกว่าผู้อื่น?”
“ฮ่า ๆๆ เหตุผลนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก เพราะในโลกทุกใบ แผ่นดินทุกแห่ง จะต้องมีวีรบุรุษผู้โชคดีถือกำเนิดเกิดมาให้ผู้คนเชิดชู เขาผู้นั้นจะมีพรสวรรค์มากกว่าคนอื่น เขาผู้นั้นสามารถฝึกวิชาได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น เขาผู้นั้นจะมีโชควาสนาดีกว่าผู้อื่น เจ้าจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินตงเต้าในอนาคตอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เจ้าต้องมาพบเจอกับข้า…”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเล็กน้อย
เขาเนี่ยนะเกิดมามีวาสนาดีกว่าผู้อื่น?
เว่ยหมิงเฉินเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย?
แต่เมื่อเด็กหนุ่มนึกทบทวนดูอีกที…
หากไม่เรียกหลินเป่ยเฉินว่าเป็นผู้ที่มีวาสนาดีกว่าผู้อื่น แล้วยังจะสามารถเรียกผู้ใดได้อีก?
ในแผ่นดินตงเต้า มีใครอีกบ้างที่โชคดีมากกว่าหลินเป่ยเฉิน?
เว่ยหมิงเฉินมองไม่เห็นสีหน้าพิศวงสงสัยของหลินเป่ยเฉิน
เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา
เว่ยหมิงเฉินหันกลับไปมองหน้ามู่ซินเยว่อีกครั้งและกล่าวว่า “จากอดีตจนถึงปัจจุบัน วีรบุรุษจำนวนมากไม่ว่าจะอยู่บนแผ่นดินตงเต้าหรือบนดินแดนทวยเทพ ไม่ว่าจะเป็นวีรบุรุษผู้โง่เขลาหรือวีรบุรุษผู้ชาญฉลาด ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ ทุกคนล้วนอยู่ในการควบคุมของข้า แล้วเจ้าที่เป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดา ชาติกำเนิดต่ำต้อยไร้หัวนอนปลายเท้าผู้หนึ่ง คิดหรือว่าจะสามารถทรยศข้าได้ง่าย ๆ?”
น้ำเสียงของเว่ยหมิงเฉินบอกชัดถึงความเหยียดหยาม
เขาไม่ต่างจากยักษ์ใหญ่ที่ยืนอยู่บนยอดเขาและกำลังก้มหน้ามองคนแคระซึ่งพยายามปีนขึ้นมาบนยอดเขาด้วยความสมเพชเวทนา
มู่ซินเยว่โกรธแค้นขึ้นมาในทันที
แผนการในครั้งนี้
นางทุ่มเททุกอย่างและคำนวณทุก ๆ การกระทำเป็นอย่างดี นางค่อย ๆ ถีบตนเองขึ้นมาจากเด็กสาวครอบครัวยากจนและได้กลายเป็นคนรักของจอมเสเพลประจำเมือง หลังจากนั้น นางก็ถึงกับฆ่าบิดาตนเองด้วยความโกรธแค้นบุรุษเพศ ก่อนจะออกร่อนเร่พเนจร และในที่สุด ก็สามารถมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้สำเร็จ…
แล้วจะบอกว่าแผนการของนางผิดพลาดได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงความยากลำบากในชีวิตที่ประสบเจอมา ดวงตาของมู่ซินเยว่ก็ยิ่งเย็นชาและดุดันอำมหิตมากขึ้น
“ไม่ทราบนายท่านพูดจบแล้วหรือไม่?”
นางแผดเสียงคำราม “หากพูดจบแล้วก็เชิญตายซะ”
ลำแสงสีเงินจากสนามพลังพลันพุ่งเข้าหาเว่ยหมิงเฉิน
เว่ยหมิงเฉินยิ้มกริ่ม
เพียงเขายกมือโบกสะบัดเล็กน้อย ลำแสงนั้นก็ถูกสลายลงไปอย่างง่ายดาย
คลื่นพลังที่เกรี้ยวกราดไม่สามารถทำอันตรายเว่ยหมิงเฉินได้เลย
“นี่อยู่ในแผนการของเจ้าด้วยหรือไม่?”
เว่ยหมิงเฉินยิ้มและจ้องมองมู่ซินเยว่ผู้ยืนปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง “ยังไม่ยอมรับอีกหรือว่าเจ้ามันโง่เขลามากเกินไป? ภูเขาลูกนี้คือฐานบัญชาการของข้า ค่ายอาคมทุกแห่ง ข้าเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะเป็นพวกของโอรสสวรรค์หรือแม้แต่เจ้า… ฮ่า ๆๆ ข้าก็เลือกเอาไว้เป็นเครื่องสังเวยของข้ามานานแล้ว เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะไว้ใจให้เจ้าได้ดูดซับพลังชีวิตทั้งแผ่นดินตงเต้า เช่นเดียวกับการดูดกลืนวิญญาณของโอรสสวรรค์ โดยไม่เตรียมตัวรับมือการทรยศของเจ้าเอาไว้เลย?”
ใบหน้าของมู่ซินเยว่แสดงออกถึงความตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“เป็นไปไม่ได้ ข้าหลอมรวมพลังทั้งหมดนั้นไปแล้ว…” นางตะโกน พยายามจะควบคุมลำแสงสีเงินในสนามพลังอีกครั้ง
แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
แม้แต่พลังที่ดูดซับมาจากโอรสสวรรค์ก็ไม่สามารถใช้งานได้
มู่ซินเยว่ไม่ต่างจากผู้ที่ยืนอยู่บนยอดเขาชื่นชมกับโชคชะตาวาสนาของตนเองได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ หลังจากนั้น นางก็สะดุดยอดหญ้าตกลงไปในห้วงเหวลึก
เว่ยหมิงเฉินโบกสะบัดฝ่ามือเพียงแผ่วเบา
ลำแสงสีเงินจากสนามพลังพุ่งเข้าไปหามู่ซินเยว่และพันธนาการร่างกายของนางไม่ต่างจากบ๊ะจ่าง หลงเหลือไว้แต่เพียงใบหน้าที่สวยงามนั้นซึ่งเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น!