เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1519 สายเลือดผู้อัญเชิญ
ตอนที่ 1,519 สายเลือดผู้อัญเชิญ
เมื่อร่างของเว่ยหมิงเฉินระเบิดหายไป อักขระโบราณขนาดใหญ่ยักษ์ในสนามพลังก็สลายตัวลง
หลินเป่ยเฉินสามารถกลับมาเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกครั้ง
“พี่ชิน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินหอบหายใจและถามต่อ “ท่านหายไปอยู่ที่ไหนมา? ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
นักพรตหญิงชินยิ้มอย่างสง่างามและตอบว่า “ข้าไม่เป็นไร… เจ้ารีบหลอมรวมพลังก่อนเถอะ พวกเรายังไม่พ้นอันตราย”
กล่าวจบ นางก็หันมองรอบกาย เศษเลือดเนื้อและกระดูกจากร่างของเว่ยหมิงเฉินยังคงลอยอยู่ในอากาศ นักพรตหญิงชินตั้งท่าเตรียมต่อสู้ตลอดเวลา
เห็นได้ชัดว่าเว่ยหมิงเฉินยังไม่ตาย
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง
นักพรตหญิงชินยิ้มให้กับเขา…
นางยิ้มให้กับเขาแล้วจริง ๆ
“นี่ ท่านเห็นหรือไม่? เมื่อสักครู่ นางยิ้มให้ข้าใช่ไหม?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาถามเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทว่า ในอากาศหลงเหลือเพียงหยดเลือดไม่กี่หยดเท่านั้น ร่างของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงได้อันตรธานหายไปแล้ว
เดี๋ยวก่อนนะ?
เด็กหนุ่มหยุดชะงัก ทันใดนั้น รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่ถาโถมเข้ามาบริเวณหลังศีรษะ
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวหลบด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองและพบว่าเมื่อสักครู่นี้ เป็นเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเพิ่งจะแอบย่องมาข้างหลังและใช้ไม้เท้าฟาดเขา โชคดีที่หลินเป่ยเฉินสามารถหลบทันได้อย่างหวุดหวิด
นางพยายามลอบโจมตีเขา
“ท่านทำอะไรของท่านเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความโกรธแค้น
เมื่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงลอบโจมตีไม่สำเร็จจึงได้แต่ยิ้มแก้เก้อ ตอบว่า “เปล่าสักหน่อย ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่อยากทดสอบปฏิกิริยาตอบรับของเจ้าเท่านั้นเอง ข้ากลัวว่าเจ้าจะเสียใจมากเกินไปจนสมองใช้การไม่ได้…”
หลินเป่ยเฉินพูดน้ำเสียงฉุนเฉียว “ท่านอยากจะสังหารข้าเพื่อนำโอสถวิเศษไปหลอมรวมพลังเองใช่หรือไม่?”
นับว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเชื่อใจไม่ได้จริง ๆ
นางไม่ใช่คน
มิตรภาพที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาไม่ได้มีค่าอันใดเลย
“เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว…”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงทำได้เพียงก่นด่าบรรพบุรุษของเด็กหนุ่มอยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้ นางถูกลำแสงสีเงินแทงทะลุร่างกายจนทำให้สูญเสียเลือดไปไม่ใช่น้อย ความเร็วในการโจมตีจึงลดลง ปฏิกิริยาตอบรับก็เสื่อมถอย มิเช่นนั้น การโจมตีหลินเป่ยเฉินเพื่อแย่งชิงโอสถวิเศษเมื่อสักครู่นี้ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
“ท่านอยู่ให้ห่าง ๆ จากข้าเลยนะ”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความตื่นตัว
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงชักสีหน้าพูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้ามองข้าด้วยสายตาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เราเป็นสหายที่จริงใจต่อกันไม่ใช่หรือ? ก่อนหน้านี้ ร่างเปลือยของข้า เจ้าก็เคยเห็นมาแล้ว…”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต เหลือบมองนักพรตหญิงชินที่ยืนอยู่ข้างกายและรีบพูดขัดจังหวะว่า “หุบปาก เลิกกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว ข้าไม่อยากรับฟังท่านอีก ข้าจะรีบหลอมรวมพลังเดี๋ยวนี้”
ในที่สุด เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ยอมถอยกายห่างออกไปอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก “ในเมื่อเจ้าจะหลอมรวมพลัง เดี๋ยวข้าจะช่วยคุ้มกันให้อีกแรง”
หลินเป่ยเฉินยังคงไม่วางใจอยู่ดี
แต่บัดนี้ไม่มีเวลาแล้ว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมเชื่อใจเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงดูสักครั้ง
หลินเป่ยเฉินนั่งขัดสมาธิกลางอากาศและเริ่มต้นโคจรพลังปราณธาตุทั้งห้าของตนเอง
นี่คือสิ่งที่เขาค้นพบตอนแอบมองเว่ยหมิงเฉินหลอมรวมพลังจากโอสถวิเศษทั้งสามเม็ด การโคจรพลังปราณธาตุทั้งห้าจะช่วยทำให้การหลอมรวมพลังราบรื่นมากขึ้น
เมื่อคลื่นพลังไหลเวียนไปทั่วร่างกาย หลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกได้ถึงกระแสพลังร้อนอุ่นสายหนึ่งที่พุ่งขึ้นมากลางหัวใจ
นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากภูเขาไฟระเบิดอย่างกะทันหัน คลื่นความร้อนเหล่านั้นไม่ต่างจากลาวาหลอมเหลวที่ปะทุตัวขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนร่างกายของตนเองจะระเบิดเสียให้ได้…
พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดของเขาพยายามจะนำทางกระแสพลังร้อนอุ่นนั้น พวกมันไหลเวียนไปตามอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของหลินเป่ยเฉิน ไม่ใช่แต่เพียงไหลเวียนอยู่ตามเลือดเนื้อและผิวหนัง แต่กระแสพลังนั้นยังแทรกซึมลงไปในทุก ๆ เซลล์ของร่างกายอีกด้วย…
เสมือนเป็นการปรับพื้นฐานร่างกายใหม่ทั้งหมด
“ลูกเต่าโสโครก คืนโอสถของข้ามาเดี๋ยวนี้”
ห่างออกไปไม่ไกล เว่ยหมิงเฉินได้ฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่แล้ว เขากำลังจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยดวงตาแดงฉาน และระเบิดเสียงคำรามดุร้าย
ปีกกระบี่บนแผ่นหลังนักพรตหญิงชินกางออกกว้าง กระบี่ลำแสงปรากฏขึ้นในมือของนางอีกครั้ง
ระดับพลังของนักพรตหญิงชินแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า นางพุ่งตัวเข้าไปสกัดขวางหน้าเว่ยหมิงเฉิน
“ตายซะเถอะ!”
เว่ยหมิงเฉินคำรามด้วยความโกรธแค้นและปลดปล่อยลำแสงสีเงินพุ่งออกมาราวกับคมหอก
แม้ว่าโอสถวิเศษจะถูกพรากไปแล้ว ความแข็งแกร่งของสนามพลังจึงเบาบางลงเกินครึ่ง แต่เว่ยหมิงเฉินก็ยังคงควบคุมพลังที่นี่ได้อยู่ดีและเขาก็ยังคงมีความแข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นเดิม
ต่อให้โอรสสวรรค์ฟื้นคืนชีพกลับมาได้สำเร็จ โอรสสวรรค์ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเว่ยหมิงเฉินอยู่ดี
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ผมสีเงินของนักพรตหญิงชินปลิวไสวในอากาศ ขณะที่คมกระบี่ตวัดวูบวาบ
หอกลำแสงของเว่ยหมิงเฉินแตกหักเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ส่วนกระบี่ลำแสงในมือนักพรตหญิงชินยังสมบูรณ์ดี
“นี่มันอะไรกัน?”
เว่ยหมิงเฉินหัวใจกระตุกวูบ
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
นางสามารถรับมือการโจมตีของเขาได้อย่างไร?
อย่าบอกนะว่านางก็สามารถควบคุมพลังในค่ายอาคมแห่งนี้ได้เช่นกัน?
นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
เว่ยหมิงเฉินยังคงโจมตีต่อเนื่องด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ
หอกลำแสงของเขาพุ่งออกไปตามปรารถนา ฝุ่นผงระเบิดกระจาย มวลอากาศปั่นป่วน พลังสังหารจู่โจมนักพรตหญิงชินอย่างต่อเนื่อง
นักพรตหญิงชินกระพือปีกกระบี่บนแผ่นหลังปลดปล่อยฝูงมีดสั้นออกมาต้านทาน
นางเลือกที่จะไม่โจมตีก่อน
เพราะนางมีหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยให้แก่หลินเป่ยเฉินที่อยู่ทางด้านหลัง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หอกลำแสงระเบิดพลังโจมตีไม่หยุดยั้ง โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากของนักพรตหญิงชิน ใบหน้าอันงดงามของนางแสดงออกถึงความตกตะลึง
เส้นผมสีเงินปลิวไสวไม่ต่างจากเกล็ดหิมะโปรยปราย แววตามุ่งมั่นคมกล้า นักพรตหญิงชินล่าถอยถือกระบี่กระชับมั่น คอยปกป้องหลินเป่ยเฉินที่อยู่ด้านหลังตลอดเวลา…
นางเคยเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่ง อารมณ์ความรู้สึกจึงถูกปลดผนึกออกมาหมดสิ้น และแน่นอนว่าในขณะนี้ นักพรตหญิงชินย่อมไม่อยากเผชิญความสูญเสียอีกแล้ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หอกลำแสงยังคงโจมตีไม่หยุด
พลัน นักพรตหญิงชินหยุดการล่าถอยและยืนปักหลักตั้งรับเว่ยหมิงเฉิน มือที่ขาวเนียนของนางแตกหักและมีเลือดไหล กระทั่งแขนทั้งข้างก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน…
“บัดซบ ศึกครั้งนี้ข้าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจริง ๆ แล้วทำไมข้าถึงต้องทำขนาดนี้ด้วยนะ…”
เมื่อเห็นนักพรตหญิงชินกำลังจะพลาดท่าเสียที เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ไม่ทราบว่าทำไมตนเองถึงสบถออกมาและรีบควงไม้เท้าเข้าไปช่วยเหลือนักพรตหญิงชิน
พวกนางร่วมมือกันตั้งรับการโจมตีจากเว่ยหมิงเฉิน
น่าจะยื้อเวลาได้อีกเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าหลินเป่ยเฉินเกือบจะหลอมรวมพลังเสร็จสิ้นแล้ว เว่ยหมิงเฉินก็ยิ่งโจมตีด้วยความดุดันหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาวางแผนการครั้งนี้มาอย่างยาวนานและยินดีเสียสละทุกอย่างแม้กระทั่งใช้โอรสสวรรค์เป็นเครื่องมือ แต่สุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างกลับถูกหลินเป่ยเฉินแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา แล้วเช่นนี้เว่ยหมิงเฉินจะทนต่อไปได้อย่างไร?
เว่ยหมิงเฉินถึงขั้นเสียสติแล้ว
เขารวบรวมพลังจากค่ายอาคมรอบบริเวณและปลดปล่อยลำแสงที่กลายเป็นรูปร่างมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนออกไปโจมตีใส่คู่ต่อสู้โดยไม่ลังเล บัดนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกับนักพรตหญิงชินจึงรู้สึกเหมือนกับกำลังพบเจอกองทัพเทพเจ้านับพันคน…
“ผายลมมารดาเจ้าเถอะ อย่าบอกนะว่าหมอนี่มีสายเลือดผู้อัญเชิญ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพูดด้วยความตกตะลึง ในกลุ่มยี่สิบสี่สายเลือดศักดิ์สิทธิ์ สายเลือดผู้อัญเชิญถือเป็นสายเลือดที่หาได้ยากที่สุด
แต่ทันใดนั้น นางก็ได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความสามารถจากสายเลือดผู้อัญเชิญ
แต่เป็นการยืมพลังจากค่ายอาคมรอบตัวต่างหาก
ถึงอย่างนั้นก็ตาม นี่ก็ยังเป็นการโจมตีที่อันตรายมากอยู่ดี เทพธิดาขี้เมาควงไม้เท้าคู่กายสลายร่างลำแสงเหล่านั้นด้วยความยากลำบาก ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของนางเกิดบาดแผลฉกรรจ์และโลหิตก็กำลังไหลทะลักออกมาไม่หยุดยั้ง
สถานการณ์ทางด้านนักพรตหญิงชินยิ่งย่ำแย่มากกว่านางหลายเท่า
ตามร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัส นักพรตหญิงชินได้รับบาดเจ็บและถูกปิดล้อมอยู่ท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ลำแสง
“ฝันไปเถอะ”
เสียงคำรามดุดันดังออกมาจากปากของนักพรตหญิงชิน
ทันใดนั้น ร่างสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากด้านหลังของนักพรตหญิงชิน ในมือของร่างสีเงินเหล่านั้นต่างก็ถืออาวุธแตกต่างกันไป บางร่างถือไม้เท้าหิน บางร่างถือขวานเหล็ก บางร่างถือกระบี่และหอกยาว ร่างสีเงินเหล่านั้นต่างก็เข้าเผชิญหน้ากับร่างลำแสงที่เป็นกองทัพของเว่ยหมิงเฉิน…
นี่คือการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน
ร่างวิญญาณสีเงินต่อสู้ด้วยความดุดันไม่ต่างจากเผ่านักรบโบราณ พวกเขามีพลังทำลายล้างสูงส่ง แต่เนื่องจากปรากฏกายในฐานะร่างวิญญาณ พลังทำลายล้างจึงลดน้อยลง และเพียงไม่นาน ร่างสีเงินเหล่านั้นก็สูญสลายหายไปเป็นจำนวนมาก…
“นี่คือโอกาสสุดท้ายของเผ่าเราแล้ว รีบปกป้องเขา”
ร่างวิญญาณสีเงินของหญิงชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังนักพรตหญิงชิน ในมือของนางถือไม้เท้า ปากบริกรรมคาถาโบราณ อัดฉีดพลังเพิ่มเข้าสู่กองทัพร่างวิญญาณสิเงินเหล่านั้น!
นอกจากนี้ก็ยังมีเด็กสาวผู้ถือหอกกระดูกพุ่งออกมาข้างหน้า ร้องคำรามใส่ฝ่ายตรงข้ามและต่อสู้ด้วยความดุดันอำมหิต
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหันมาจ้องมองนักพรตหญิงชินด้วยความไม่อยากเชื่อ
อย่าบอกนะว่ายัยนักบวชสาวผู้นี้เป็นคนที่มีสายเลือดผู้อัญเชิญ?