เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1527 ข้าไม่สนิทกับนาง
ตอนที่ 1,527 ข้าไม่สนิทกับนาง
หวังจงร้องไห้ด้วยความเศร้า เดินตรงไปทุบประตูที่เชื่อมต่อสู่สวนดอกไม้ทางด้านหลังเสียงดังโครมคราม “เจ้าจักจั่นผีสาง เจ้าเปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยากฟังจากปากของเจ้าว่านายท่านตายแล้วจริง ๆ…”
ชายชราผลักประตูเปิดออกและรีบสอดกายผ่านเข้าไป
ปัง!
บานประตูปิดลงอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
เป็นไปได้อย่างไร?
จักจั่นทองคำอนุญาตให้พ่อบ้านหวังจงเข้าไปหาอย่างนั้นหรือ?
หรือจะเห็นแก่การรับใช้อย่างซื่อสัตย์ภักดีตลอดมาของหวังจง?
หลินเป่ยเฉินไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่
“รอจนดอกอู๋ถงบานสะพรั่ง เราค่อยใช้งานประตูมิติก็แล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจขั้นสุดท้าย
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นผู้ที่มีความสุขมากที่สุด เพราะนี่หมายความว่านางไม่ต้องเดินทางผ่านประตูระหว่างภพภูมิที่เสี่ยงอันตรายอีกแล้ว
นักพรตหญิงชินพยักหน้ากล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ข้าคงต้องใช้มันไปยังดินแดนแห่งตลาดการค้าและหาทางช่วยเหลือพวกเขาให้ได้”
นางกำลังพูดถึงชาวเผ่าจันทร์ทราขาว ผู้เป็นครอบครัวของไป๋ชินอวิ๋น
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ชาวเผ่าจันทราขาวเป็นผู้ที่เสียสละมากที่สุด นักพรตหญิงชินจึงอยากจะหาทางช่วยเหลือพวกเขาเท่าที่จะเป็นไปได้
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าสนับสนุน
นี่เองก็เป็นความรับผิดชอบของเขาเช่นกัน
“จี๊ด”
อากวงก็ส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขเช่นกัน
ในอดีต มันเป็นเพียงราชันย์หนูอสูรผู้ต่ำต้อยในหุบเขาชายแดนเหนือของเมืองหยุนเมิ่ง ไม่ได้ถือเป็นสัตว์อสูรผู้น่าเกรงขามอันใดเลยด้วยซ้ำ ตัวมันเกิดมาเพื่อขยายเผ่าพันธุ์และถูกตามล่าเท่านั้น แต่ชะตาชีวิตของอากวงก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะหลินเป่ยเฉิน บัดนี้มันกลายเป็นหนูอสูรผู้แข็งแกร่งและถึงกับมีโอกาสจะได้เดินทางไปยังภพภูมิอื่นแล้ว
เพียงแค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
ดังนั้น อากวงจึงนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนข้อความสรรเสริญหลินเป่ยเฉิน…
‘นายท่านยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน’
‘กวงน้อยผู้นี้จะติดตามรับใช้นายท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่’
สีหน้าท่าทางของมันบอกชัดถึงความจริงใจ
เสี่ยวหูผู้เป็นลูกบุญธรรมเห็นเช่นนี้ ก็ต้องยกอุ้งเท้าหน้าของมันขึ้นกุมศีรษะ ‘ท่านพ่อหนอท่านพ่อ ท่านประจบประแจงเจ้านายมากเกินไปแล้ว เสียชาติเกิดสัตว์อสูรจริง ๆ’
เซียวปิงตื่นเต้นจนรับประทานขาหมูทอดด้วยความเอร็ดอร่อยมากยิ่งขึ้น
“แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ข้าต้องกลับไปสะสางปัญหาในดินแดนทวยเทพเสียก่อน”
หลินเป่ยเฉินพูดเสียงเครียด “แผ่นดินตงเต้าได้รับการปิดผนึกแล้ว แต่เราไม่ทราบเลยว่าบนดินแดนทวยเทพเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกท่านรีบหาทางสร้างค่ายอาคมป้องกันเอาไว้บ้างเถอะ ระหว่างที่พวกเราไม่อยู่ จะได้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดสามารถสร้างความเสียหายให้แก่รูปปั้นหินเหล่านั้นได้อีก”
นักพรตหญิงชินพยักหน้าเห็นด้วยและขมวดคิ้วคิดหาวิธีสร้างค่ายอาคมด้วยความเคร่งขรึม
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหัวเราะเยาะ ก่อนกล่าวออกมาว่า “หึหึ เจ้าอยากจะไปตามหาสหายเก่าอย่างแม่นางชิงเล่ยเพื่อทำเรื่องพรรค์นั้นอีกล่ะสิท่า ทั้งหมดที่เจ้าพูดออกมาก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น ข้ามองเจ้าออกทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว…”
วูบ!
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรีบพุ่งตัวเป็นลำแสงหายวับขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง เหลือบมองไปที่นักพรตหญิงชิน “ข้าไม่สนิทกับนางเลยนะขอรับ… เทพีองค์นี้ชอบพูดจาเหลวไหลอยู่เรื่อย”
นักพรตหญิงชินหันกลับมาสบตามองหลินเป่ยเฉิน ก่อนจะหันหน้ามองไปทางอื่นและไม่สนใจเขาอีก
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับด้วยความปวดหัว
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงทำลายภาพลักษณ์ของเขายับเยินอีกแล้ว!
เด็กหนุ่มนำโทรศัพท์มือถือออกมาจองรถผ่านแอปแท็กซี่ตี๋น้อย
“เชี่ยไรเนี่ย…!”
เมื่อเห็นการประเมินราคาค่าโดยสารของแอปแท็กซี่ตี๋น้อย หลินเป่ยเฉินก็สบถคำหยาบออกมารัว ๆ เพราะเขารู้สึกไม่ต่างจากตนเองกำลังถูกปล้น
แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ แล้ว นี่ก็เป็นราคาที่ยอมรับได้
ขณะนี้ แผ่นดินตงเต้าถูกปิดผนึก การเดินทางเข้าออกจึงมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ ดังนั้น ค่าบริการจึงสูงมากกว่าเดิม
แต่ช่างมันเถอะ
ไม่มีปัญหาใดที่เงินแก้ไขไม่ได้
เมื่อป้อนจุดหมายปลายทางเสร็จเรียบร้อย เขาก็กดเรียกรถโดยทันที
ระหว่างการรอรถ บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด
เซียวปิงกับอากวงได้แต่หันหน้ามองตากัน
หลินเป่ยเฉินพยายามชวนนักพรตหญิงชินคุยอยู่หลายครั้ง แต่นางก็ไม่สนใจเขาเลย
จนกระทั่ง…
ประตูที่เชื่อมต่อกับสวนดอกไม้พลันเปิดออก
หวังจงเดินปาดน้ำตากลับออกมา
“จักจั่นผีสางตัวนั้นช่างร้ายกาจนัก มันแอบอ้างว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่และพูดจาอัปมงคลบอกว่านายท่านตายแล้ว บ่าวจึงต่อสู้กับมันเพื่อแสดงความแข็งแกร่ง บัดนี้ มันพ่ายแพ้ให้แก่บ่าวและได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถกล่าววาจาอัปมงคลอันใดได้อีกแล้ว”
หวังจงสบถสาบานด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยบวมช้ำ
หลินเป่ยเฉินไม่เชื่อคำพูดของชายชราแม้แต่น้อย
จักจั่นทองคำตัวนั้นมีขั้นพลังแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นเขาลงมือเอง หลินเป่ยเฉินก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก แล้วเศษสวะอย่างหวังจงจะไปมีปัญญาทำอะไรได้ มิเช่นนั้น เบ้าตาคงไม่บวมช้ำกลับมาขนาดนี้
หลังจากนั้นไม่นาน
แท็กซี่ตี๋น้อยก็มาถึง
“พี่ชินอยากไปด้วยกันไหมขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินเอ่ยคำเชิญ
นักพรตหญิงชินเดินเข้าสู่ด้านใน ‘รถยนต์’ หน้าตาเฉย…
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักเล็กน้อย
เป็นแบบนี้ไม่ถูกต้อง อยู่ดี ๆ ทำไมนักพรตหญิงชินถึงได้ว่านอนสอนง่ายอย่างนี้?
นับเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่ง
หากพวกเขาไปที่ดินแดนทวยเทพด้วยกัน แล้วหลินเป่ยเฉินจะแนะนำให้นางรู้จักกับชิงเล่ยได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินไม่มีทางเลือกนอกจากขึ้นรถตามไป
หลังจากนั้น ลำแสงสีแดงที่ห่อหุ้มร่างกายของคนทั้งสองก็พุ่งหายขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลุทะลวงผ่านม่านพลังปิดผนึกไปอย่างไร้ปัญหา
บัดนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเพิ่งเสร็จสิ้นการหลอมรวมพลังเพื่อฟื้นฟูร่างกาย นางถือไม้เท้าทิ้งตัวกลับลงมาในจวนตระกูลหลินและถามว่า “หลินเป่ยเฉิน… เจ้าน้องชายตัวเหม็นของข้าอยู่ที่ใด?”
…
มีเรื่องหนึ่งที่หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงมาก่อน
ปรากฏว่าดินแดนทวยเทพก็ถูกปิดผนึกเช่นกัน
และสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดค่ายพลังปิดผนึกก็คือ…
คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู
บริเวณด้านข้างคฤหาสน์ขณะนี้ปรากฏหลุมศพใหม่ถูกสร้างขึ้นมา ป้ายหน้าหลุมศพสลักข้อความว่า ‘อาจารย์อู่จิว’ หน้าหลุมศพตั้งไว้ด้วยโต๊ะหมู่บูชามีธูปเทียนถูกจุดเอาไว้ กลิ่นควันธูปลอยตลบอบอวลในอากาศ…
ชิงเล่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ในสวนหย่อมหน้าคฤหาสน์ มือของนางประสานกันอยู่บริเวณท้องน้อย เหนือศีรษะปรากฏวงแหวนสีเงินปลดปล่อยพลังปิดผนึก
ต้นกำเนิดแห่งค่ายอาคมปิดผนึกมาจากวงแหวนขนาดใหญ่วงนี้เอง
“วงแหวนอันธการ”
นักพรตหญิงชินมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นวงแหวนนั้น
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปถามด้วยความสงสัยว่า “มันคืออะไรหรือ?”
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงไร้ที่มาที่ไป มันมีอานุภาพสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มีเพียงนักเวทระดับสูงสุดเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมมันได้ คิดไม่ถึงเลยว่าในดินแดนทวยเทพขณะนี้ กลับมีคนที่สามารถควบคุมมันได้แล้ว”
นักพรตหญิงชินทอดสายตาจ้องมองหญิงสาวผู้งดงามที่นั่งอยู่ใต้วงแหวนอันธการ แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และในเวลาเดียวกันนี้ นักพรตหญิงชินก็ตกตะลึงในความงดงามของชิงเล่ย
นักพรตหญิงชินต้องยอมรับเลยว่ารสนิยมในด้านสตรีของหลินเป่ยเฉินนั้นมีมาตรฐานที่สูงส่งทีเดียว และเขามักจะได้รับความช่วยเหลือจากสาวงามเช่นนี้เสมอ
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปสำรวจดูด้านในคฤหาสน์ และพบอันอัน ฉินเฉียนเซวียนพร้อมด้วยกลุ่มเด็กหญิงจำนวนมาก และยังมีคนอีกผู้หนึ่งที่ไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน…
ฉางจิ้งคง
นักเวทสาวยอดอัจฉริยะที่เคยเป็นคู่ต่อสู้กับหลินเป่ยเฉินในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่
คนเหล่านี้มาอยู่ในคฤหาสน์ของเขาได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความพิศวง
ดูจากอากัปกิริยาสุดท้ายก่อนที่ทุกคนจะกลายเป็นรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้ง ฉางจิ้งคงน่าจะกำลังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ๆ เหล่านี้อยู่แน่นอน
นักเวทสาวและบรรดาเด็กหญิงตัวน้อยมีสีหน้าหัวเราะเบิกบานใจ ไม่ต่างจากคุณครูอนุบาลกำลังเล่นอยู่กับเด็กนักเรียนผู้ร่าเริง
เกิดอะไรขึ้นในดินแดนทวยเทพกันแน่?