เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1531 เปิดฉากการผจญภัยครั้งใหม่
ตอนที่ 1,531 เปิดฉากการผจญภัยครั้งใหม่
ป่าฝนเขียวเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่มีรัศมีกว้างไกลหลายร้อยลี้ สภาพแวดล้อมโหดร้ายอันตราย พายุโหมกระหน่ำ ลูกเห็บปะปนลงมากับเม็ดฝน บางครั้งพวกมันก็มีลักษณะเป็นกรวยน้ำแข็งแหลมคมปักลงมาสู่พื้นดินที่เป็นดินโคลน ไม่มีสิ่งมีชีวิต ไม่มีต้นไม้ ไม่มีสัตว์อสูรสักตัว ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตาย…
ความเงียบปกคลุมบรรยากาศ
“ดูเหมือนพวกเราจะมาอยู่ในสถานที่ต้องห้ามแล้วสิ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ ยกมือปาดคราบโคลนออกไปจากใบหน้าและกล่าวต่อ “มีข่าวดีกับข่าวร้าย พวกเจ้าอยากฟังข่าวไหนก่อนกัน?”
บัดนี้ ทุกคนไปรวมตัวกันอยู่บริเวณชายหาดที่เป็นพื้นหินแข็งสีดำและซ่อนตัวอยู่ใต้ก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
สายฝนยังคงเทลงมาจากท้องฟ้ากระทบกับก้อนหินจนพื้นผิวของก้อนหินใหญ่ก้อนนี้มีรูเล็ก ๆ อยู่เต็มไปหมด
และไม่นานต่อมา ลูกเห็บที่มีความยาวไม่ต่างจากกระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งลงมาเสียบทะลุก้อนหินใหญ่อย่างน่าตกตะลึง
“ฟังข่าวดีก่อนก็แล้วกัน”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ตอบออกไปด้วยความร้อนรน
บัดนี้ บุรุษหนุ่มเจ้าของชื่อบัญชีกระบี่มังกรเบิกฟ้ารู้สึกเสียใจไม่น้อย เขาไม่ควรเห็นแก่ความสนุกสนานเดินทางมาเปิดหูเปิดตาด้วยเลย สถานที่แห่งนี้อันตรายมากเกินไป เขายอมกลับไปอดตายที่บ้านเกิดยังจะดีเสียกว่า
“ข่าวดีคือในสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ หมายความว่าไม่มียุงยักษ์ที่จะคอยโจมตีพวกเรา ไม่มีสัตว์อสูรในน้ำหรือเถาวัลย์ปีศาจที่สามารถโจมตีพวกเราโดยไม่รู้ตัว… ขณะนี้ พวกเราปลอดภัยแล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกล่าว
ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ถ้าอย่างนั้นข่าวร้ายคืออะไร?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ถามต่อไป
“ข่าวร้ายก็คือ…”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงชำเลืองมองหมอกหนาในอากาศที่รายล้อมอยู่รอบข้าง ก่อนกล่าวว่า “ที่นี่คือพื้นที่ต้องห้ามซึ่งสิ่งมีชีวิตต้องตายทั้งหมด คงมีอันตรายซ่อนอยู่จนผู้คนไม่กล้าเข้ามาใกล้ และเนื่องจากเราไม่รู้เลยว่ายังมีอันตรายใดซ่อนตัวอยู่อีกบ้าง เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเราจะได้ออกไปจากที่นี่ และมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราจะหลงทางจนกระทั่งอดตาย”
องค์ชายเจี้ยนอวี่เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“หมอกขาวที่ลอยอยู่ในอากาศนั้นมีพลังแฝงทำให้ผู้คนเสียสติ หากเราเดินดุ่ม ๆ เข้าไปโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ เพียงไม่นานก็จะต้องหลงทางและเสียสติอย่างแน่นอน…”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
เขาพบว่าสถานที่นี้แปลกประหลาดมากเกินไป
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือหลังเดินทางมาถึงแดนมหาแผ่นดิน หลินเป่ยเฉินกลับรู้สึกเหนื่อยล้าและหิวโหยเป็นพิเศษ พลังในร่างกายถูกเผาผลาญมากกว่าปกติ และเขาก็ไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อีกแล้ว
สงสัยคงต้องใช้เวลาปรับตัว
หลินเป่ยเฉินใช้เวลานี้โคจรพลังจากวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณฟื้นฟูเรี่ยวแรงของตนเอง
“ที่นี่เป็นแดนต้องห้าม มีอันตรายซ่อนอยู่ทุกที่ พวกเจ้าอย่าได้เดินสุ่มสี่สุ่มห้าออกไปไหนกันเด็ดขาด…” ใบหน้าที่สวยงามของนักพรตหญิงชินแสดงออกถึงความเคร่งเครียด เพราะนางก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่ซ่อนตัวอยู่รอบกายเช่นกัน
“โอ๊ย ข้าเจ็บ มีอะไรกัดข้าก็ไม่รู้…”
ทันใดนั้น องค์ชายเจี้ยนอวี่ก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ปรากฏว่าเขาเดินออกไปจากใต้ก้อนหินใหญ่ จึงถูกลูกเห็บลักษณะเป็นกรวยแหลมคมก้อนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าและปักใส่เท้าเข้าอย่างจัง ส่งผลให้โลหิตพุ่งกระฉูด
โชคดีที่หลงหน่าดึงตัวองค์ชายหนุ่มกลับเข้ามาหลบใต้ก้อนหินใหญ่ได้ทันเวลา
แต่องค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่เท้าแม้แต่น้อย เขาสะบัดมืออย่างแรง
ทุกคนรีบวิ่งเข้ามาดูด้วยความตื่นตกใจ ด้วยคิดว่าองค์ชายเจี้ยนอวี่ถูกสัตว์ประหลาดลอบโจมตี
แต่เมื่อได้เห็นบาดแผลใกล้ ๆ พวกเขาถึงได้รู้ว่าองค์ชายเจี้ยนอวี่เพียงถูกลูกเห็บปักใส่เท้าเท่านั้น
“เฮอะ ขี้ขลาดตาขาว”
หวังจงหัวเราะเยาะ
เมื่อสักครู่นี้ องค์ชายเจี้ยนอวี่ทำให้พ่อบ้านชราตกใจจนแทบปัสสาวะราดรดเสียแล้ว
หลินเป่ยเฉินนำลูกเห็บอันแหลมคมก้อนนั้นมาปักใส่แขนของเซียวปิง ปรากฏว่าโลหิตก็ไหลทะลักออกมาเช่นกัน
“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
เซียวปิงรับประทานขาหมูทอดพลางตอบว่า “เจ็บนิดหน่อยขอรับ”
“คมเหมือนกันนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึง
เซียวปิงบรรลุวิชากระบี่เร้นกายขั้นสูงสุด ยามต่อสู้อยู่ในแผ่นดินตงเต้า ต่อให้ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์จากดินแดนทวยเทพมาโจมตี ก็ไม่อาจระคายผิวเซียวปิงได้ด้วยซ้ำ แต่ทันทีที่มาถึงแดนมหาแผ่นดิน แม้แต่ลูกเห็บก้อนเดียวก็ทำให้เซียวปิงเลือดออกได้แล้ว
นี่ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาอ่อนแอลง
แต่เป็นเพราะสิ่งของต่าง ๆ ในโลกใบนี้มีความแข็งแกร่งมากเกินไปต่างหาก
และคงเป็นเพราะเหตุผลนี้เองสินะ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแดนมหาแผ่นดินจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้คนทั่วไปในภพภูมิอื่น ๆ?
“พวกเราต้องรีบปรับตัวให้ได้โดยเร็วที่สุด”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าทุกคนและกล่าวต่อ “ฝนหยุดตกเมื่อไหร่ เราจะหาทางออกไปจากบึงน้ำแห่งนี้… ข้าสังหรณ์ใจว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ หากเรายังพักอยู่ที่นี่ต่อไป”
หัวใจของทุกคนเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นตระหนก รีบใช้เวลานี้นั่งปรับพลังปราณในร่างกายเป็นการเร่งด่วน
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเสนอความคิดต่าง ๆ มากมาย
วิชายุทธ์สำหรับการโคจรพลังลมปราณหลายฉบับจากแผ่นดินตงเต้าสามารถนำมาใช้งานได้ในแดนมหาแผ่นดิน ทุกคนจึงปรับพื้นฐานกลับไปฝึกการโคจรพลังลมปราณขั้นต้นกันอีกครั้ง และเพียงไม่นาน พวกเขาก็ฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้ดังเดิม
หนึ่งชั่วยามให้หลัง พายุฝนและลูกเห็บก็หยุดตกแล้ว
พระอาทิตย์ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า
แสงแดดอบอุ่นสาดส่องลงมา
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย อุณหภูมิก็พุ่งสูงขึ้นมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า ลูกเห็บน้ำแข็งแหลมคมที่ปักอยู่ตามดินโคลนละลายหายไป ผิวน้ำสีดำระเหยกลายเป็นม่านหมอกไม่ต่างจากหม้อต้มสาหร่ายที่กำลังเดือดปุด…
ทุกคนมีเหงื่อไคลไหลเปียกชุ่ม
“ไป พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ”
หลินเป่ยเฉินเดินนำหน้าด้วยความมุ่งมั่น
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรีบร้องเตือนเสียงดังว่า “ที่นี่ไม่ใช่แผ่นดินตงเต้านะน้องชาย เจ้าไม่เคยมาที่นี่มาก่อน อย่าได้คิดนำทางส่งเดช มิฉะนั้น เจ้าจะพาพวกเราไปตายกันหมด…”
“เชื่อใจข้าและตามมาเถอะน่า”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาตบหน้าอกตนเองด้วยความมั่นใจ
นักพรตหญิงชินไม่พูดอะไรสักคำ เดินตามหลังหลินเป่ยเฉินไปด้วยความเชื่อใจทันที
คนอื่น ๆ ก็ติดตามไปโดยไม่ลังเลเช่นกัน
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจึงต้องติดตามไปอย่างไม่มีทางเลือก
หนึ่งชั่วยามให้หลัง
สีหน้าของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เนื่องจากตลอดเส้นทางที่ติดตามการนำทางของหลินเป่ยเฉิน ทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย ไม่มีผู้ใดถูกเล่นงานโดยกับดักหรือสัตว์อสูรที่ซ่อนตัวอยู่เลยสักครั้งเดียว
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเบิกตาโตด้วยความสงสัย
เจ้าเด็กคนนี้ทำได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินย่อมนำทางด้วยการใช้แอปไป่ตู้ แมป
โทรศัพท์แจ้งเตือนให้เขาอัปเกรดอุปกรณ์อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ การอัปเกรดอุปกรณ์เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
หลังจากนั้น มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย
ผลลัพธ์จากการอัปเกรดอุปกรณ์นั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถให้แก่โทรศัพท์มือได้ดีกว่าการอัปเดตแอปพลิเคชันธรรมดา
ทว่า เด็กหนุ่มเลือกที่จะเลื่อนการอัปเกรดอุปกรณ์ไปอีกครึ่งวัน
เพราะเมื่อโทรศัพท์เข้าสู่สถานะอัปเกรดอุปกรณ์แล้ว ตลอดกระบวนการอัปเกรด หลินเป่ยเฉินจะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้อีก ดังนั้นเขาจึงต้องรีบใช้แอปไป่ตู้ แมปนำทุกคนออกไปจากสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้ให้ได้เสียก่อน
“ระวัง! กำลังจะมีพายุลูกเห็บกระหน่ำลงมาอีกครั้ง เส้นทางข้างหน้าห่างออกไปหนึ่งลี้ มีก้อนหินใหญ่สามารถใช้หลบฝนได้ กรุณารีบเดินทาง…”
“ทางข้างหน้ามีหลุมทรายดูด กรุณาหลีกเลี่ยง…”
“พายุฝนกำลังจะตกอีกครั้ง…”
“ระวัง…”
เพียงพริบตาเดียว ครึ่งวันก็ผ่านไป
ตลอดเส้นทางในบึงน้ำแห่งนี้ บางครั้งก็จะมีแสงแดดเจิดจ้า บางครั้งก็จะมีพายุฝนโหมกระหน่ำ บางครั้งก็จะมีสายฟ้าฟาดลงมา บางครั้งก็จะมีลูกเห็บแหลมคมร่วงหล่นลงมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือน นับว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งมนุษย์ไม่ควรมาอยู่เลยแม้แต่น้อย
ถึงกับมีลูกเห็บขนาดยักษ์ตกลงมาจากท้องฟ้าไม่ต่างจากอุกกาบาตใหญ่ หากมันหล่นลงมาทับผู้ใด ก็มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น
และสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงมาสู่พื้นดิน ก็จะเผาไหม้พื้นที่ในรัศมีห้าสิบวาให้กลายเป็นสีดำไหม้เกรียม
ทุกคนตัวสั่นเทาและทำตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินอย่างเคร่งครัด
แต่โชคดีที่การนำทางของแอปไป่ตู้ แมปยังคงวางใจได้เสมอ
พวกเขาจึงแคล้วคลาดอันตรายมาได้ตลอดทาง
เพียงพริบตาเดียว ราตรีกาลก็กำลังจะมาเยือนแล้ว
หลินเป่ยเฉินเริ่มร้อนใจมากขึ้น
สัญชาตญาณบอกเขาว่าเมื่อท้องฟ้ามืดแล้วจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ
ในขณะนี้ แสงสว่างบนท้องฟ้าเริ่มเลือนหายลงไปเรื่อย ๆ
แต่อุณหภูมิไม่ได้ลดต่ำลง
ม่านหมอกที่ลอยอยู่เบื้องหน้ากลายเป็นสีแดง ไม่ต่างจากก้อนเมฆยามอาทิตย์อัสดง ไม่ต่างจากเปลวไฟที่เผาไหม้อยู่ในระยะไกล มองดูให้รู้สึกแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง
“ทางข้างหน้าดูประหลาดนะขอรับ”
หวังจงพูดด้วยความเป็นกังวล
จักจั่นทองคำถามด้วยน้ำเสียงลังเลใจว่า “พลังของข้ายังไม่ฟื้นฟูกลับมา ข้าจึงมองไม่เห็นว่าทางข้างหน้ามีอะไรอยู่ เหตุไฉน… พวกเราจึงต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายด้วย?”
หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองภาพที่ปรากฏบนแอปไป่ตู้ แมป
ไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนถึงอันตราย
แอปพลิเคชันการนำทางยังคงบอกให้พวกเขามุ่งหน้าตรงไปในม่านหมอกสีแดงเหล่านั้น
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด “ไม่เป็นไรหรอก ตามข้ามาเถอะ”
การเปลี่ยนเส้นทางอาจอันตรายมากกว่าเดิมก็เป็นได้
ดังนั้น ทุกคนจึงเดินตามหลินเป่ยเฉินไปด้วยความเชื่อใจเปี่ยมล้น
ม่านหมอกเปลวไฟที่อยู่เบื้องหน้าเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
อุณหภูมิพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก้อนหินขนาดใหญ่ที่คล้ายกับเกาะเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นในคลองจักษุ
ทุกคนกระโดดขึ้นไปอยู่บนเกาะนั้น
พื้นหินมีลักษณะราบเรียบและแห้งแล้งร้อนอุ่น บริเวณกลางเกาะตั้งไว้ด้วยต้นไม้ขนาดเท่าครึ่งเอวมนุษย์ มันมีลักษณะเหมือนต้นสนขนาดย่อส่วน กิ่งก้านใบเป็นสีเทา เปลือกไม้เป็นสีน้ำตาลปนแดง…
ต้นไม้ต้นนี้ออกผลเป็นลูกทรงกลมสีแดงสดอยู่เก้าลูก
เมื่อพิจารณาดูอย่างใกล้ชิด พวกมันก็เป็นผลไม้ที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นมือเด็ก มีลักษณะโปร่งใสเหมือนแก้วผลึก ตัวผลแผ่คลื่นความร้อนออกมาจนสามารถรู้สึกได้แม้จะยืนอยู่ห่างไกล
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
ให้ตายสิ
นี่คือผลไม้ปีศาจใช่หรือไม่?
แต่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว มันจะมีพลังวิเศษให้เขาครอบครองเหมือนในการ์ตูนชื่อดังเรื่องนั้นหรือเปล่านะ?