เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1546 ตายคาที่
ตอนที่ 1,546 ตายคาที่
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าของหลิวอู่เหยียนไม่ต่างจากน้ำหมึกที่หยดลงไปในมหาสมุทรที่ใสสะอาด
และปฏิกิริยาแรกของผู้อาวุโสชิวเหิงก็คือการยกมือขยี้ดวงตาตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด
เพราะในขณะนี้ ทุกคนต่างเห็นเหมือนกันหมดว่าหลินเป่ยเฉินเป็นฝ่ายชนะ
ปืนอินทรีหิมะที่อยู่ในมือหลินเป่ยเฉินคือสิ่งที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น การที่หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นเหนี่ยวไกเมื่อสักครู่นี้ ก็ไม่ต่างจากกระบวนท่าวาดมือปลดปล่อยลำแสงกระบี่ทั่วไป…
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเด็กหนุ่มใช้วิชากระบี่ชนิดใด?
น่ากลัวมากเกินไป
อวี้อูู๋เฉียนคือคนแรกที่ตั้งสติได้
เขาพบว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว จึงรีบวิ่งเข้ามาในลานประลองและคุกเข่าลงสำรวจซากศพของชิวลั่วเหยาที่นอนอยู่บนพื้น
ตัวเย็นเฉียบ
ตายแล้ว!
ไม่มีทางฟื้นคืน!!
หัวใจของชายวัยกลางคนเย็นเฉียบ แต่เขาก็เลือกปกป้องหลินเป่ยเฉินต่อไป
ทันใดนั้น…
“ลั่วเหยา…”
ผู้อาวุโสชิวเหิงหลุดออกมาจากความตกตะลึง
ร้องโหยหวนออกมาด้วยความเศร้า
ร่างกำยำของชายชราทิ้งตัวลงมาบนลานประลองด้วยความรวดเร็ว เขาก้มลงโอบกอดร่างไร้วิญญาณของชิวลั่วเหยา เมื่อแน่ใจแล้วว่าหลานสาวของตนเองไม่อาจฟื้นคืนชีพได้อีก หยดน้ำตาก็ไหลนองเต็มใบหน้าของผู้อาวุโสชิวเหิง
ชิวลั่วเหยาเป็นความหวังใหม่ของตระกูลชิว ชายชราทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างฝึกฝนหลานสาวผู้นี้ให้กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง เขาถึงกับวางตัวนางเอาไว้ให้เป็นเจ้าสำนักในอนาคต แต่ทว่า…
นี่คือการจากไปอย่างกะทันหัน
ไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจ หลานสาวของเขาก็ตายเสียแล้ว
“ฆาตกร ข้าจะฆ่าเจ้า”
ผู้อาวุโสชิวเหิงประคองซากศพของชิวลั่วเหยาด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนหันมาระเบิดเสียงคำรามใส่หลินเป่ยเฉินและระเบิดพลังปราณในร่างกายออกมา
“ผู้อาวุโสชิว ได้โปรดใจเย็นก่อน”
หลิวอู่เหยียนส่งเสียงตะโกนขึ้น
อวี้อูู๋เฉียนไม่พูดคำใด รีบขยับเข้าไปยืนขวางหน้าหลินเป่ยเฉิน พลังปราณในร่างกายระเบิดออกมา กำเนิดเป็นม่านเปลวไฟสีแดงเพลิงขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าชิวเหิง
ตู้ม!
คลื่นแรงระเบิดสั่นสะเทือน
บรรดาลูกศิษย์ของสำนักกระบี่เหินฟ้าที่อยู่รอบลานประลองต้องล่าถอยออกไปด้วยความตื่นตระหนก ทุกคนเบิกตาโต หัวใจเต้นผิดจังหวะ
“อวี้อูู๋เฉียน เจ้ากล้าดีอย่างไรมาขวางทางข้า?”
ชิวเหิงโกรธแค้นจนหนวดเคราปลิวไสว ร่างใหญ่กำยำแผ่พลังคุกคามออกมาไม่ต่างจากราชสีห์โกรธา “เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสังหารเจ้าได้เช่นกัน? หลีกทางไปซะ”
แขนเสื้อของอวี้อูู๋เฉียนขาดกระจาย แขนของเขาสั่นไหว ใบหน้าแดงก่ำ บ่งชี้ว่าได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันเมื่อสักครู่นี้
แต่อวี้อูู๋เฉียนก็ยังคงยืนคุ้มครองหลินเป่ยเฉินด้วยความจงรักภักดี กัดฟันพูดว่า “ผู้อาวุโสชิว ข้าอยากให้ท่านได้เข้าใจ หลินเป่ยเฉินย่อมไม่มีเจตนาอย่างแน่นอน เขายังเป็นเพียงเด็กน้อย…”
ชิวเหิงแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
หลินเป่ยเฉินยังเป็นเพียงเด็กน้อย
นี่คือข้ออ้างเดียวกับที่เขาใช้แก้ต่างให้แก่ชิวลั่วเหยาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อชิวเหิงได้ยินจากปากของอวี้อูู๋เฉียน มันจึงเป็นเรื่องตลกร้ายที่ทำให้ชิวเหิงแทบกระอักเลือดด้วยความช้ำใจตาย
“เจ้ามันเป็นผู้อาวุโสที่ใช้การไม่ได้ ยังคิดที่จะปกป้องฆาตกรผู้นี้อยู่อีกหรือ? ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก เราผู้เฒ่าก็จะสงเคราะห์ให้”
ผู้อาวุโสชิวเหิงตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วว่าจะสังหารทุกคนที่ขวางหน้า วันนี้ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องส่งหลินเป่ยเฉินลงสู่โลกแห่งความตาย เพื่อเป็นการแก้แค้นให้แก่หลานสาวให้จงได้
อวี้อูู๋เฉียนสูดหายใจลึก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ยกมือขึ้นดึงชายวัยกลางคนกลับมาทางด้านหลัง “ท่านลุงอวี้ ระดับพลังของท่านต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนี้จะไปเอาชนะเขาได้อย่างไร ปล่อยให้ข้าจัดการเองเถอะ”
อวี้อูู๋เฉียนกะพริบตาปริบ ๆ
เขาชักอยากเห็นหลินเป่ยเฉินถูกชิวเหิงฆ่าตายขึ้นมาแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ก้าวเดินออกมาข้างหน้า
“ผู้อาวุโสชิว ข้ารอคิดบัญชีกับท่านอยู่พอดี คิดไม่ถึงเลยว่าโอกาสอันดีงามจะมาถึงรวดเร็วเพียงนี้…” หลินเป่ยเฉินยกมือกระดิกนิ้วเรียก “เข้ามาสิ เดี๋ยวข้าจะส่งท่านลงนรกเอง”
“เด็กน้อย วันนี้เราผู้เฒ่าต้องฆ่าเจ้าให้ได้”
ผู้อาวุโสชิวเหิงระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนคำรามด้วยความโกรธแค้น “คิดจะส่งข้าลงนรกอย่างนั้นหรือ? โอหังไม่เบาเลยนี่ หากเจ้าสามารถสร้างบาดแผลให้แก่ข้าได้ วันนี้ข้ารับปากว่าจะปล่อยเจ้าให้รอดชีวิตกลับไป…”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
ร่างของชายชราก็พุ่งเป็นลำแสง
ตัวคนห่อหุ้มด้วยคลื่นพลังสีน้ำเงินเข้ม พลังกดดันมหาศาลถาโถมเข้าใส่หลินเป่ยเฉิน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินเหนี่ยวไกยิงโดยไม่ลังเล
ในระยะเจ็ดก้าว นี่คือการโจมตีที่รวดเร็ว
ในระยะเจ็ดก้าว นี่คือการโจมตีที่รวดเร็วและแม่นยำ
ชิวเหิงเพียงสัมผัสได้ถึงอันตรายที่คุกคามเข้ามา ยังไม่ทันได้มีโอกาสตั้งรับ บริเวณกลางหว่างคิ้ว ลำคอและหัวใจก็เกิดความรู้สึกราวกับกำลังจะถูกกระบี่ทิ่มแทงก็ไม่ปาน
เป็นวิชากระบี่ชนิดใดกันจึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?
ด้วยความตกตะลึง ผู้อาวุโสชิวเหิงจึงเปลี่ยนถ่ายคลื่นพลังที่ห่อหุ้มร่างกายให้กลายเป็นโล่กำบังการโจมตี หลังจากนั้น ตนเองจึงกระโดดหลบ
ตู้ม!
โล่กำบังของเขาระเบิดกระจาย
ร่างของชิวเหิงกระตุกเฮือก แขนซ้ายระเบิดหายไปทั้งข้าง
และม่านโลหิตยังระเบิดกระจายออกมาจากหัวไหล่ขวาอีกด้วย
เพียงกระบวนท่าเดียว ชายชราผู้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าสำนักกระบี่เหินฟ้าก็ได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว
“เจ้าตัวบัดซบ…”
ชิวเหิงร้องตะโกน เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด
ด้วยประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนของชายชรา ในที่สุด ชิวเหิงก็ค้นพบช่องว่างในการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน นอกจากเด็กหนุ่มจะสามารถโจมตีเป็นเส้นตรงได้เพียงอย่างเดียวแล้ว การโจมตีแต่ละครั้งจะทิ้งช่วงเวลาครึ่งลมหายใจอีกด้วย
ชิวเหิงอาศัยขั้นพลังที่เหนือกว่า เคลื่อนไหวร่างกายหลบหลีกด้วยความรวดเร็ว เงาร่างของเขาพร่าเลือน ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้อีกแล้ว
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินยังคงเหนี่ยวไกยิงอย่างต่อเนื่อง
แต่ไม่โดนเป้าหมายเลย
เสาหินและโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ห่างออกไประเบิดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“น่าเสียดาย ถ้ายิงได้เร็วกว่านี้สักหน่อยก็คงดี”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมา
ปืนอินทรีหิมะมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงก็จริง แต่อัตราความเร็วในการพ่นกระสุนยังนับว่าอยู่ในขั้นธรรมดามากเกินไป
แต่ว่า…
เมื่อความคิดของหลินเป่ยเฉินดำเนินมาถึงตรงนี้ ปืนกลมืออูซี่ก็มาอยู่ในมือซ้ายของเขาแล้ว
อาวุธชิ้นใหม่ชิ้นนี้สามารถรัวยิงได้อย่างต่อเนื่องด้วยอัตราความเร็วสูง
“แย่แล้วสิ”
อวี้อูู๋เฉียนรับรู้ถึงวิกฤตการณ์ของหลินเป่ยเฉิน
เขากำลังจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้น ผู้อาวุโสอวี้อูู๋เฉียนก็ต้องหยุดชะงัก
เพราะเขาเห็นหลินเป่ยเฉินยิ้มออกมา
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ทำท่าทางประหลาด… อาจจะเป็นกระบวนท่าในวิชากระบี่สักชนิดหนึ่ง นิ้วชี้ของเขากระตุกเหมือนตะขอ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงกัมปนาทดังต่อเนื่อง คลื่นพลังในอากาศปั่นป่วนรุนแรง
ผู้อาวุโสชิวเหิงยังคงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดของตนเอง แต่แล้วม่านหมอกเลือดก็สาดกระจายออกมาจากร่างกาย ตัวคนร่วงหล่นจากกลางอากาศ ไม่ต่างจากกระต่ายน้อยถูกลูกศรพุ่งเสียบ
พลังกดดันจางหายไป
ชิวเหิงไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะยังมีอีกหนึ่งวิชากระบี่ที่มีความเร็วสูงมากกว่าเดิม จนทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
พลั่ก!
ร่างกำยำของชายชราตกลงมากระแทกแผ่นหินขนาดใหญ่บนพื้นดิน
โลหิตไหลทะลักออกมาจากรูจำนวนมากบนร่างกาย…
หลินเป่ยเฉินรีบเดินเข้าไปหาด้วยความเร็วไว
เส้นผมสีดำของเขาปลิวไสวในอากาศ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาปานน้ำแข็ง เด็กหนุ่มเหนี่ยวไกยิงปืนอินทรีหิมะในมือขวาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงปืนคำรามดังกึกก้องในอากาศ
กระสุนลำแสงพุ่งทะลวงร่างกายผู้อาวุโสชิวเหิง แขนขาระเบิดกระจาย เช่นเดียวกับศีรษะ
ตายคาที่
หลินเป่ยเฉินซ้ำให้แน่ใจด้วยปืนกลมืออูซี่อีกชุดใหญ่ หลังจากนั้น เขาจึงเป่าควันที่ปลายกระบอกปืนด้วยความพึงพอใจ
แน่นอนว่าในสายตาของผู้อื่น สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือเมื่อหลินเป่ยเฉินสังหารผู้คนเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มก็ยกนิ้วมือของตนเองขึ้นมาใช้ริมฝีปากเป่าลมใส่
“บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวข้าส่งท่านลงนรกเอง แต่ท่านก็ไม่ยอมเชื่อ”
หลินเป่ยเฉินพูดเสียงแผ่วเบา “เพียงเท่านี้ปู่กับหลานก็ได้ไปพบเจอกันแล้ว ขอให้ดูแลกันดี ๆ เหมือนตอนที่มีชีวิตอยู่ล่ะ”
หลินเป่ยเฉินมีท่าทีไม่สบายใจมาตั้งแต่แรก
เพราะเขารู้สึกกระดากอายที่ตนเองมาที่นี่ได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากเซียวปิง ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน
มิฉะนั้นแล้ว ในอนาคตข้างหน้า ผู้คนของสำนักกระบี่เหินฟ้าจะเคารพเขาได้อย่างไร?
และเห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเข้าสำนักก็มีผู้คนเกลียดชังเขาแล้ว
หลินเป่ยเฉินจึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ความเงียบปกคลุมรอบบริเวณ
เดิมทีลานประลองอันกว้างใหญ่มักจะเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยที่มีชีวิตชีวา แต่ในขณะนี้ มันเงียบสงบยิ่งกว่าป่าช้ายามเที่ยงคืน เงียบเสียจนเข็มตกสักเล่มก็ต้องได้ยิน
ไม่มีผู้ใดคิดเลยว่าผู้อาวุโสชิวเหิงผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 4 และมีสถานะเป็นรองเจ้าสำนักของพวกเขาจะต้องมาถึงแก่ความตายอย่างง่ายดายขนาดนี้ นอกจากจะไม่สามารถแก้แค้นได้แล้ว ตัวเขาเองยังตายอย่างน่าอนาถมากกว่าชิวลั่วเหยาอีกด้วย
ท่านเจ้าสำนักหลิวอู่เหยียนมีสีหน้าตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
เขาประเมินทุกอย่างผิดพลาดไปหมด!!