เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1567 แหวกฝ่าวงล้อม
ตอนที่ 1,567 แหวกฝ่าวงล้อม
“พวกเรารีบหนี”
อวี้อู๋เฉียนมีสีหน้าเจ็บใจขณะตะโกนออกมา
ชายวัยกลางคนตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้ว เขาจะต้องพาทุกคนหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
ลำแสงกระบี่ระเบิดประกายเจิดจ้า
อวี้อู๋เฉียนแสดงพลังที่แท้จริงออกมา เงากระบี่ขยายตัวจากหนึ่งเล่ม เป็นสองเล่ม เป็นสามเล่ม…
จบลงด้วยหนึ่งกระบี่แยกเป็นเงากระบี่หกเล่ม
เงากระบี่ทั้งหกพุ่งเป็นคลื่นพลังหกสาย ไม่ว่าผ่านไปยังทิศทางใด แขนขาปีศาจก็จะปลิวกระจัดกระจาย เกิดเป็นเส้นทางช่องว่างให้ผู้คนสามารถแหวกฝ่าวงล้อมออกไปได้…
“ตามข้ามา”
อวี้อู๋เฉียนร้องตะโกนด้วยความร้อนรน
ทุกคนตามหลังเขาไปอย่างใกล้ชิด
“ตายซะเถอะ!”
ใบหน้าที่สวยงามของผู้อาวุโสหนงซัวเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นและความเกลียดชัง นางล้วงเม็ดยาออกมาจากด้านในอกเสื้อเม็ดหนึ่งและซัดออกไปเต็มแรง
นี่คือโอสถวิหคเพลิง
พรึ่บ!
เม็ดยาลูกกลอนเม็ดนั้นเมื่อถูกซัดออกไปแล้ว มันก็เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นวิหคเพลิงสยายปีกกว้างใหญ่ มวลความร้อนแผดเผารอบบริเวณ จะงอยปากของวิหคเพลิงพ่นเปลวไฟออกมาร้อนแรง เพียงไม่กี่ลมหายใจ ปีศาจหลายสิบตัวก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ส่วนบรรดาผู้อาวุโสและลูกศิษย์คนอื่น ๆ ต่างพากันชักกระบี่ออกมาฆ่าฟันปีศาจเช่นกัน
เซียวปิงชำเลืองมองไปที่หลิวอู่เหยียนซึ่งกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับปีศาจเหยียนซาน เด็กหนุ่มร่างอ้วนกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ก่อนติดตามหลินเป่ยเฉินหลบหนีออกมา
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
หลินเป่ยเฉินยกปืนในมือขึ้นยิงต่อเนื่อง
ปลายกระบอกปืนกลอูซี่พ่นประกายไฟออกมา
ลูกกระสุนเจาะทะลุร่างกายปีศาจร้ายล้มตายดั่งใบไม้ร่วง
“ช่วยข้าด้วย… อ๊ากกก”
เสียงของลูกศิษย์สำนักกระบี่เหินฟ้าผู้หนึ่งร้องขึ้น
เขายังมีความแข็งแกร่งไม่มากพอและประมาทมากเกินไป จึงถูกด้วงปีศาจสีม่วงตัวหนึ่งกัดเข้าจนล้มลง และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็ถูกฝูงด้วงปีศาจรุมกัดกินจนเหลือแต่เพียงโครงกระดูกเท่านั้น
สายเกินไปที่จะเข้าไปช่วยเหลือ
ยังคงมีปีศาจอีกหลายร้อยตัวปรากฏขึ้น พวกมันต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในสำนักอสูรตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ปีศาจเหล่านี้จึงมีประสบการณ์ต่อสู้แข็งแกร่ง มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตและมีความดุร้ายเกรี้ยวกราด
โดยเฉพาะเมื่อพวกมันระเบิดพลังปราณปีศาจออกมา ด้วงปีศาจเหล่านั้นก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ด้วงปีศาจหนึ่งตัวจะมีขนาดเท่ากับชามข้าว พวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสติปัญญาจึงไม่รู้จักความกลัวหรือความเจ็บปวด สัญชาตญาณเดียวของพวกมันคือการล่าอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมตัวเป็นฝูงใหญ่ พวกมันจึงไม่กลัวตายและมีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 4 หรือระดับ 5 เสียอีก นับว่าเป็นสัตว์ปีศาจที่ยากต่อการรับมืออย่างยิ่ง
ในไม่ช้า…
“อ๊าก… ไม่ต้องห่วงข้า รีบหนีไป”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ทำให้ท่านอับอายขายหน้า ศิษย์ควรตายอยู่ที่นี่… อ๊ากกก”
“ผู้อาวุโสทุกท่านรีบหนีไป ผู้คนสำนักเราจะได้ไม่ถูกกวาดล้างหมดสิ้น…”
“ข้าจะถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้เอง… ย้ากกก”
เหล่าศิษย์ระดับสูงของสำนักกระบี่เหินฟ้าชักกระบี่ต่อสู้ด้วยความบ้าคลั่ง แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งไม่มากพอ จึงตกตายตามกันไปในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ก่อนลมหายใจสุดท้ายจะหมดไป พวกเขายังคงร้องตะโกนออกมาด้วยความดุดัน ใบหน้าปราศจากความหวาดกลัว และไม่มีผู้ใดร้องขอความเมตตาจากฝ่ายปีศาจร้ายแม้แต่คนเดียว
หลินเป่ยเฉินพยายามเข้าไปช่วยเหลืออยู่หลายครั้ง แต่ปีศาจที่ปรากฏตัวออกมาเรื่อย ๆ นั้นมีจำนวนเยอะมากเกินไป หากจังหวะไหนต้องเปลี่ยนซองบรรจุกระสุนขึ้นมา หลินเป่ยเฉินก็ไม่มีทางทำอะไรได้เช่นกัน
การต่อสู้ที่ดุเดือดดำเนินไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย
อวี้อู๋เฉียนและผู้อาวุโสหนงซัวช่วยกันคุ้มครองผู้อาวุโสชิวเทียนจิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแหวกฝ่าวงล้อมศัตรูหลบหนีออกมาได้พร้อมกับพวกของหลินเป่ยเฉิน ทุกคนวิ่งออกมาเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่าสองลี้
ก่อนที่จะไม่สามารถวิ่งต่อไปได้อีก
“วันนี้ ต่อให้ผู้คนของสำนักกระบี่เหินฟ้าต้องตายกันหมดสิ้น พวกเราก็จะไม่ขอตกไปอยู่ในกำมือปีศาจร้ายเหล่านั้นเด็ดขาด”
อวี้อู๋เฉียนกล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง
ดวงตาของชายวัยกลางคนเป็นประกายวาวโรจน์ กระบี่ธาตุแท้ในมือถูกตวัดฟาดฟันออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นได้ชัดว่าอวี้อู๋เฉียนพร้อมที่จะสละชีวิตของตนเองไปพร้อมกับกลุ่มปีศาจผู้ปิดล้อมเส้นทางหลบหนี
“ท่านลุงอวี้ อย่าเพิ่งทำเก่ง รีบตามข้ามาเถอะ”
หลินเป่ยเฉินดึงตัวอวี้อู๋เฉียนกลับมา
ในเวลาเดียวกันนั้น หลินเป่ยเฉินก็แกะสลักระเบิดเพลิงในมือและขว้างออกไปใส่กลุ่มปีศาจ
ตู้ม!
พื้นที่ในรัศมีหลายร้อยวาพลันถูกปกคลุมด้วยทะเลเพลิง
“อ๊ากกก…”
ได้ยินเสียงพวกปีศาจร้องโหยหวน
ด้วงปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
“อ๊ากกกก…”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานของกลุ่มปีศาจดังออกมาจากด้านในทะเลไฟ พวกมันไม่สามารถต้านทานอานุภาพความร้อนแรงของเปลวไฟนี้ได้ ร่างกายจึงถูกเผาไหม้ไม่เหลือสิ้น
นับว่าระเบิดเพลิงลูกนี้มีอานุภาพการทำลายล้างรุนแรงจริง ๆ
ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 4 ก็ยังไม่อาจรอดชีวิต
เมื่อทะเลเพลิงขยายวงกว้าง เส้นทางหลบหนีก็เปิดออกอีกครั้ง
“พวกเรารีบไป”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม
มือซ้ายของเขาถือกระบี่ที่เก็บขึ้นมาจากพื้นดินตวัดฟาดฟันต่อเนื่อง ส่วนมือขวาถือปืนกลอูซี่สาดกระสุนไม่หยุดยั้ง และด้วยความช่วยเหลือจากการทำลายล้างของระเบิดเพลิง กลุ่มปีศาจจึงล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วน…
อวี้อู๋เฉียนและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ เห็นดังนี้ก็ให้ใจชื้นขึ้นมา รีบติดตามเด็กหนุ่มไปอย่างใกล้ชิด
ทุกคนกลับมามีความหวังอีกครั้ง
“ไม่นะ ผู้อาวุโสชิว… ย้ากกก”
เสียงอุทานด้วยความตกใจจากผู้อาวุโสอู่อวิ๋นดังขึ้น เขาคือผู้รับหน้าที่คอยคุ้มกันชิวเทียนจิง ซึ่งในขณะนี้ชิวเทียนจิงกำลังถูกด้วงปีศาจสามตัวกระโดดเข้ามาเกาะกินเนื้อตามแขนขา
ผู้อาวุโสอู่อวิ๋นรีบขับไล่ด้วงปีศาจเหล่านั้นออกไป
แต่ยิ่งขับไล่ออกไปมากเท่าไหร่ พวกมันก็วิ่งกลับมามากเท่านั้น เนื่องจากว่ามีปีศาจตัวหนึ่งคอยชักใยกลุ่มด้วงปีศาจเหล่านี้อยู่ไม่ไกลนั่นเอง…
และเพียงไม่กี่ลมหายใจ ผู้อาวุโสอู่อวิ๋นกับผู้อาวุโสชิวเทียนจิงก็จมหายลงไปใต้ฝูงด้วงปีศาจหลายสิบตัว
“ผู้อาวุโสชิว ผู้อาวุโสอู่…”
อวี้อู๋เฉียนร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก ทำท่าจะหมุนตัวกลับไปช่วยเหลือผู้คน
เซียวปิงต้องรีบคว้าตัวเอาไว้และกล่าวว่า “ช่วยไม่ทันหรอกขอรับ ผู้อาวุโสอวี้ พวกเรารีบหนีกันเถอะ อย่าให้การเสียสละของท่านเจ้าสำนักและท่านผู้อาวุโสทุกท่านต้องเสียเปล่าเลย…”
เพียงพริบตาเดียว สมาชิกของสำนักกระบี่เหินฟ้าทุกคนที่เดินทางกลับมาถึงหน้าประตูสำนักเมื่อสักครู่ ก็หลงเหลือเพียงหลินเป่ยเฉิน เซียวปิง ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนและผู้อาวุโสหนงซัวสี่คนเท่านั้นที่ยังคงมีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงขณะนี้
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ปืนกลมืออูซี่ยังคงพ่นกระสุนออกไปอย่างต่อเนื่อง
เซียวปิงเองก็นำปืนอินทรีหิมะออกมาใช้งานแล้วเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินไม่ได้เป็นผู้ที่ชำนาญด้านการใช้ปืนแต่เพียงผู้เดียว
เซียวปิงมีความสามารถในการยิงปืนไม่ได้ต่ำต้อยกว่าเขาเลย
ก่อนหน้านี้ที่เผชิญหน้ากับพวกปีศาจ เซียวปิงเลือกที่จะไม่ใช้งานปืนอินทรีหิมะ เพราะไม่อยากจะทำให้เรื่องราวอาวุธลับของหลินเป่ยเฉินรั่วไหลออกไป
แต่นี่คือช่วงเวลาแห่งความวิกฤต เซียวปิงไม่ใช้งานก็ไม่ได้แล้ว
ร่างของกลุ่มปีศาจระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด
หลินเป่ยเฉินยังคงเดินหน้าหลบหนีต่อไป
ด้วงปีศาจหลายตัวกระโดดขึ้นมาเกาะตามร่างกายของเขาและฝังเขี้ยวลงไปใต้ผิวหนัง พวกมันสามารถเจาะผ่านทะลุเสื้อผ้าเข้ามาได้ แต่เขี้ยวของด้วงปีศาจยังไม่สามารถทำอันตรายเจาะทะลุผ่านผิวหนังของหลินเป่ยเฉินได้อยู่ดี
“ไปตายกันซะให้หมด”
หลินเป่ยเฉินคำรามด้วยความดุดัน
ด้วงปีศาจเหล่านั้นถูกเหวี่ยงออกไปกระแทกพื้นดินร่างแหลกกระจาย
ภาพนั้นทำให้ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนกับผู้อาวุโสหนงซัวตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ด้วงปีศาจชนิดนี้สามารถฆ่าได้แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 3 เมื่อมันฝังเขี้ยวลงไปใต้ผิวหนังของผู้คน พวกมันก็จะสามารถดูดกินพลังวิญญาณได้ตามใจชอบ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 5 ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเอาตัวรอดจากพวกมันได้ด้วยซ้ำ…
แล้วผิวหนังของหลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้อย่างไร?
พวกเขาไม่ทราบว่าหลินเป่ยเฉินสวมใส่เสื้อเกราะกันกระสุนถึงสามชั้น ประกอบกับการฝึกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ ร่างกายจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม ในขณะนี้ ผิวหนังของเขามีความแข็งแกร่งแทบไม่ต่างไปจากชุดเกราะชุดหนึ่งแล้ว!
มีประโยชน์สูงสุดสำหรับการป้องกันตัว
หลินเป่ยเฉินสำนึกถึงความโชคดีของตนเองระหว่างสู้ต่อไป
ความดีความชอบในครั้งนี้ต้องยกให้แก่หวังจงเพียงผู้เดียว เพราะการฝึกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณให้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดคิด
เมื่อเปลี่ยนซองบรรจุกระสุนเป็นชุดใหม่ หลินเป่ยเฉินก็ยกมือขึ้นเหนี่ยวไกยิงอีกครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
กลุ่มปีศาจล้มตายดั่งใบไม้ร่วง
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สามารถนำทุกคนแหวกฝ่าวงล้อมของกลุ่มปีศาจผู้ตามล่าออกมาได้สำเร็จอีกครั้ง…
“พวกเรารีบไป”
ทั้งสี่คนวิ่งตรงเข้าสู่หุบเขาขนาดใหญ่
เซียวปิงเหลียวมองกลับไปยังทิศทางที่ตั้งของสำนักกระบี่เหินฟ้าและอดสงสัยไม่ได้ว่า ขณะนี้ท่านเจ้าสำนักผู้ดูแลเขาเป็นอย่างดีตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นจะยังคงรอดชีวิตอยู่หรือไม่?