เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1572 เจ้านี่มันโง่จริง ๆ…
ตอนที่ 1,572 เจ้านี่มันโง่จริง ๆ…
แน่นอนว่าอสูรตัวนั้นย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉิน
เขาจ้องมองไปที่หลิวอู่เหยียนซึ่งถูกคมกระบี่ทิ่มแทงหัวใจ ก่อนจ้องมองไปยังชิวเทียนจิงที่กำลังฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะ หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็ต้องยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้นเอง
ให้ตายเถอะ ชิวเทียนจิงนี่เป็นพวกเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นบุคคลชั่วร้ายถึงเพียงนี้
นับเป็นตระกูลที่รวมตัวชั่วร้ายอย่างแท้จริง
บิดาของชิวเทียนจิงอย่างชิวเหิงก็ไม่นับว่าเป็นคนดี นี่เรียกว่าลูกไม้ย่อมตกไม่ไกลต้น
เพราะฉะนั้น การที่หลินเป่ยเฉินสังหารบิดาและลูกสาวของชิวเทียนจิงทิ้งไปจึงนับเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
หลินเป่ยเฉินหันขวับมาจ้องมองที่หัวหน้ากลุ่มปีศาจเหยียนซาน ซึ่งขณะนี้กลับไปนั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือภูเขาซากศพ เมื่อเห็นว่าปีศาจที่อยู่ในขั้นเก้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเล็กน้อย
ตอนแรก หลินเป่ยเฉินตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปขัดขวาง แต่เมื่อได้ยินคำถามจากหลิวอู่เหยียน เขาก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของ ‘นายน้อย’ ผู้นี้ขึ้นมาชอบกล ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงแฝงตัวปะปนอยู่ในกลุ่มอสูรและรับชมเหตุการณ์ต่อไป
“นายน้อยของข้าเป็นผู้ใด ท่านเองก็เคยพบเจอมาแล้ว”
ชิวเทียนจิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “น่าเสียดายที่ท่านปฏิเสธความเมตตาจากนายน้อยของข้า”
หลิวอู่เหยียนเบิกตาโต ใบหน้ากระตุก อุทานออกมาว่า “อย่าบอกนะว่า… นายน้อยของเจ้าคือยอดอัจฉริยะแห่งสำนักเฉาเทียน อวี้เหวินซิวเซียน?”
ชิวเทียนจิงผงกศีรษะ “ท่านเจ้าสำนักหลิวช่างชาญฉลาด”
หลินเป่ยเฉินผู้แฝงตัวยืนดูเหตุการณ์อยู่ในดงอสูรต้องตกตะลึงอีกครั้ง
เชี่ยไรเนี่ย?
อวี้เหวินซิวเซียน?
คนผู้นี้ได้รับยกย่องให้เป็นยอดวีรบุรุษสุดแสนอัจฉริยะของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่แห่งเมืองชิงอวี้ไม่ใช่หรือ?
นึกแล้วเชียวว่าไอ้หน้าหล่อคนนี้มันต้องไม่ใช่คนดี
หลิวอู่เหยียนขมวดคิ้วสับสนมึนงงไม่เข้าใจ “อวี้เหวินซิวเซียนเป็นคนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เหตุไฉนเขาถึงได้…”
“ฮ่า ๆๆ”
ปีศาจเหยียนซานเงยหน้าขึ้นระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
อาการบาดเจ็บของมันได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็ว ศีรษะที่เคยเป็นบาดแผลฉกรรจ์ก็หายดีแล้ว ปีศาจเหยียนซานก้มหน้ามองหลิวอู่เหยียนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยความเยาะหยัน “นี่แหละคือความอัจฉริยะของนายน้อย นายน้อยฝังตัวอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์มายาวนานหลายร้อยปี เจ้าคงคิดไม่ถึงเลยสินะว่ายอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองชิงอวี้ ผู้เป็นความหวังและเป็นอนาคตของพวกเจ้า แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นผู้คนจากเผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเรา ฮ่า ๆๆ”
หลิวอู่เหยียนร่างกายสั่นเทา ดวงตาเบิกโต
ชายชราไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเกินไป
จะมีปีศาจแฝงตัวอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างไร?
อวี้เหวินซิวเซียนสามารถรอดพ้นการตรวจสอบสายเลือดมาได้อย่างไร?
โดยเฉพาะยอดฝีมืออย่างอวี้เหวินซิวเซียน นอกจากต้องรับการตรวจสอบสายเลือดแล้ว ยังมีการตรวจสอบประวัติพื้นเพครอบครัวโดยละเอียดย้อนไปถึงแปดรุ่น เป็นไปได้อย่างไรที่ข้อมูลเหล่านั้นจะไม่มีช่องโหว่ให้ผู้คนได้สงสัยเลย
นอกจากนี้ ในระหว่างที่อวี้เหวินซิวเซียนเรียนรู้เคล็ดวิชาต่าง ๆ บุรุษหนุ่มก็ไม่รู้เลยว่าตนเองได้รับการทดสอบและถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งสิบปีที่แล้ว การทดสอบอวี้เหวินซิวเซียนก็ยุติลง
อวี้เหวินซิวเซียนผ่านการประเมินจากหัวหน้าสำนักใหญ่ทุกท่าน พร้อมกันนั้น ทุกคนก็ยินดียกตำแหน่งยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งประจำเมืองให้แก่เขา
แล้วอวี้เหวินซิวเซียนจะเป็นคนที่มาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อย่างไร?
หลิวอู่เหยียนลอบสบถอยู่ในใจว่า ‘หวังซือเฉา เรื่องนี้เจ้าต้องมีส่วนร่วมด้วยแน่ ๆ!’
“เมื่อได้รับทราบความจริง ท่านก็คงตายตาหลับแล้วสินะ”
ชิวเทียนจิงรับกระบี่มาจากปีศาจตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ก่อนกล่าวว่า “นายน้อยอยากได้หัวของท่าน เพราะฉะนั้น จงมอบหัวของท่านให้ข้าเถอะนะ”
หลิวอู่เหยียนตอบรับกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “หัวของเราผู้เฒ่าอยู่ที่นี่ อยากได้ก็มาเอาไป”
ชิวเทียนจิงลังเลเล็กน้อย
หลิวอู่เหยียนเป็นจิ้งจอกเฒ่าซ่อนเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เช่นวันนี้ ทุกคนเข้าใจว่าชายชราแขนขาดก็คงไม่สามารถทำอะไรได้อีก แต่ปรากฏว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา หลิวอู่เหยียนปิดบังความจริงว่าตนเองสามารถขึ้นสู่ขั้นจอมเทพระดับ 9 ได้แล้ว ปีศาจเหยียนซานจึงเกือบจะต้องพ่ายแพ้ไป
แม้ว่าหลิวอู่เหยียนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มีผู้ใดรู้บ้างว่าแขนที่เหลืออยู่อีกข้างหนึ่งของชายชรานั้น ยังคงสามารถทำอะไรได้อีก?
“เจ้าไปตัดหัวท่านผู้เฒ่ามาซะ”
ชิวเทียนจิงกวักมือเรียกอสูรตัวหนึ่งที่ยืนรับชมเหตุการณ์อยู่ด้านข้าง อสูรตัวนั้นรีบวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ชิวเทียนจิงจึงกล่าวต่อไปว่า “ข้าจะมอบโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับเจ้า”
“ข้าหรือ?”
อสูรตัวนั้นหยุดชะงักด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ไปลงมือได้แล้ว”
ชิวเทียนจิงส่งกระบี่ในมือให้กับอสูรตัวนั้น
อสูรตัวนั้นยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ เมื่อรับกระบี่แล้วก็หมุนตัวเดินเข้าไปหาหลิวอู่เหยียนด้วยความดุร้าย
หลิวอู่เหยียนยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ ในหัวใจอดรู้สึกสงสารเวทนาตนเองขึ้นมาไม่ได้
ชายชรารวบรวมพลังปราณเฮือกสุดท้าย ตอนแรก หลิวอู่เหยียนอยากจะระเบิดตนเองให้ตกตายไปพร้อมกับคนทรยศประจำสำนัก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายกลับไม่ลงมือเองและเลือกที่จะส่งลิ่วล้อเข้ามาจัดการเขาแทน
หลิวอู่เหยียนไม่ทราบชะตากรรมเลยว่าป่านนี้พวกของเซียวปิงสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จหรือไม่
หลิวอู่เหยียนนึกทบทวนถึงชีวิตในอดีต ตนเองไม่มีภรรยา ไม่มีบุตร ตลอดเวลาที่ผ่านมาเพียงใช้ชีวิตทิ้งไปวันต่อวันเท่านั้น
แต่เมื่อได้มาพบเจอกับเซียวปิง ชายชราก็มีความหวังในการใช้ชีวิตอีกครั้ง เขารู้สึกว่าตนเองได้ค้นพบเพชรเม็ดงามที่จะฝากฝังสำนักกระบี่เหินฟ้าต่อไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสำนักกระบี่เหินฟ้าในขณะนี้กลับ…
ทันใดนั้น เจ้าอสูรที่ถูกเลือกกลับหยุดเท้าลง
“จริงด้วยสิ นายน้อยฝากให้ข้ามาบอกอะไรบางอย่างกับท่านด้วยล่ะ”
อสูรตัวนั้นหันกลับไปยิ้มให้แก่ชิวเทียนจิง
“ว่าไงนะ?”
ชิวเทียนจิงถึงกับสะดุ้งเฮือก
ทันใดนั้น…
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดเหมือนอะไรบางอย่างถูกเจาะดังขึ้น
ชิวเทียนจิงรู้สึกตื่นตระหนกจนเสียขวัญ ร้องอุทานออกมาด้วยความลนลาน ก่อนพบว่า…
ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ร่างกายของเขาไม่มีบาดแผล
ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แต่เมื่อเงยหน้ามองบรรดากลุ่มปีศาจและเหล่าอสูรที่อยู่โดยรอบ ชิวเทียนจิงจึงพบว่าสายตาของพวกมันทุกตัวกำลังจ้องมองไปยังยอดภูเขาซากศพด้วยความตกตะลึง บางตัวร่างกายสั่นเทา บางตัวมีแววตาหวาดกลัวเสมือนเห็นแผ่นฟ้ากำลังจะถล่ม แผ่นดินกำลังจะทลาย…
เกิดอะไรขึ้น?
ชิวเทียนจิงหันกลับไปจ้องมองที่ด้านบนภูเขาซากศพนั้น
และแล้วเขาก็ได้เห็นว่าบนบัลลังก์ทองคำอันหรูหรา หัวหน้ากลุ่มปีศาจเหยียนซานที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ไม่นาน บัดนี้ มันกำลังใช้มือยันตัวกับที่วางแขนของบัลลังก์เพื่อลุกขึ้นยืน แต่กิริยาท่าทางกลับหยุดชะงักค้างอยู่ในท่านี้…
เพราะร่างของมันไม่มีศีรษะอีกแล้ว
โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาจากลำคอปานน้ำพุ
พลังปราณปีศาจไหลทะลักออกมาจากร่างไร้ศีรษะของเหยียนซานอย่างไม่อาจควบคุมได้
ตายแล้ว… อย่างนั้นหรือ?
เมื่อสักครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?
ชิวเทียนจิงได้แต่ถามตนเองอยู่ในใจ
เขารีบหันกลับไปมองอสูรที่ตนเองมอบกระบี่ให้ มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เสียง ‘ฟิ้ว’ ที่ดังขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ชิวเทียนจิงแน่ใจว่าดังมาจากมือของอสูรตัวนี้…
หลังจากนั้น เจ้าอสูรก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย อวดเขี้ยวสีขาวขนาดใหญ่และกล่าวว่า “นายน้อยฝากมาบอกว่า… เจ้านี่มันโง่จริง ๆ”
อสูรตัวนี้ย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉิน!
เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะถูกชิวเทียนจิงเลือกให้รับหน้าที่สังหารหลิวอู่เหยียน
แต่สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจมากที่สุดก็คือลูกกระสุนจากปืน AWM ซึ่งบรรจุด้วยปราณของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุนั้น กลับมีพลังทำลายล้างรุนแรงเหลือเกิน เพียงนัดเดียวเท่านั้น ศีรษะของหัวหน้ากลุ่มปีศาจเหยียนซานก็ระเบิดกระจายไปเสียแล้ว
นับเป็นการยิงที่ประเสริฐ
เมื่อสามารถกำจัดหัวหน้ากลุ่มปีศาจได้แล้ว พวกปีศาจตัวที่เหลืออยู่ยังจะนับว่าเป็นอันใดได้อีก?
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองรอบตัว ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้าย “ฮ่า ๆๆ ได้เวลาเฉิดฉายสักที พวกเจ้าจงฟังเอาไว้ให้ดี ความจริงนั้นข้าคือสายลับปลอมตัวมา…”
แล้วเด็กหนุ่มก็ยกเลิกการแปลงโฉมจากแอปเมจิก คาเมร่า
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาปรากฏขึ้นในสายตาของกลุ่มปีศาจและอสูร
อีกอย่าง การปลอมตัวต่อไปจะทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น
ชิวเทียนจิงเห็นดังนั้นใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้นสุดขีด ร้องคำรามออกมาว่า “หลินเป่ยเฉิน… เจ้าคือหลินเป่ยเฉินเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร…”
สติของเขาแทบพังทลายลงแล้ว!!