เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1589 โฉมหน้าที่แท้จริงของภูตอเวจี
ตอนที่ 1,589 โฉมหน้าที่แท้จริงของภูตอเวจี
ความมั่นใจของหลินเป่ยเฉินไม่ได้มาจากมวลพลังในร่างกายที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
และมันก็ไม่ได้มาจากการที่เขาสามารถเลื่อนขั้นพลังขึ้นสู่ขอบเขตจอมเทพระดับ 5 อย่างราบรื่น เช่นเดียวกับที่ไม่ได้มาจากการเปลี่ยนปราณจำแลงให้กลายเป็นปราณแท้จริงได้สำเร็จ
แต่สิ่งสำคัญก็คือพลังปราณปีศาจระดับจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ยังถูกเก็บอยู่ในมือซ้ายของเขาต่างหาก
พลังปราณของปีศาจเหยียนซานที่อยู่ในขั้นจอมปีศาจระดับ 9 เมื่อนำมาหลอมรวมเป็นลูกกระสุนปืน AWM มันก็สามารถสังหารภูตอเวจีร่างใหญ่ได้อย่างง่ายดาย แล้วลูกกระสุนที่หลอมรวมขึ้นมาจากพลังปราณของจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์จะมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงเพียงใด?
หลินเป่ยเฉินมั่นใจมากว่าตนเองสามารถสังหารอวี้เหวินซิวเซียนได้อย่างไม่มีปัญหา
เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือ เพราะมันยังไม่ถึงเวลา
บัดนี้ อวี้เหวินซิวเซียนมีสถานะเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพปีศาจในเมืองชิงอวี้ หากถูกฆ่าตายไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ กองทัพปีศาจก็จะไร้ผู้นำ พวกมันจะออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่งและจะทำให้ผู้คนบริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะผู้คนในเมืองชิงอวี้ที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้
หลินเป่ยเฉินเจตนาสังหารสององครักษ์ข้างกายของอวี้เหวินซิวเซียนก็เพื่อบีบบังคับและสร้างแรงกดดันให้แก่ฝ่ายตรงข้าม
เขากล้าพนันเลยว่าอวี้เหวินซิวเซียนไม่มีทางตวัดมือลงมาเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินยังคงมีสีหน้าเย็นชาไร้ความเปลี่ยนแปลง ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์จ้องมองไปที่อวี้เหวินซิวเซียน
มือขวาของอวี้เหวินซิวเซียนชูค้างอยู่ในอากาศอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาพักใหญ่
แม้เขาจะรู้สึกหัวใจสลายไปกับความตายขององครักษ์คู่กายทั้งสองตน แต่อวี้เหวินซิวเซียนก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ นำเรื่องของส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตนเสมอ
การแฝงตัวอยู่ในสำนักเฉาเทียนเป็นระยะเวลาอันยาวนานโดยไม่ถูกเปิดโปงจนได้รับการยกย่องให้เป็นยอดอัจฉริยะรุ่นใหม่แห่งเมืองชิงอวี้ในที่สุดนั้น สิ่งเหล่านี้ย่อมสะท้อนได้ดีถึงวิสัยทัศน์และความอดทนอดกลั้นของอวี้เหวินซิวเซียน
เมื่อความโกรธแค้นจางหายไป ความสงบเยือกเย็นก็กลับคืนมา
เมื่อเห็นสีหน้าที่มั่นอกมั่นใจของหลินเป่ยเฉิน อวี้เหวินซิวเซียนก็รู้แล้วว่าร่างกายของฝ่ายตรงข้ามเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นต้นเหตุแห่งความมั่นใจ และมันก็มีมากพอที่จะทำให้หลินเป่ยเฉินกล้าออกมาเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจ
ฝ่ายเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็มียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย หากเกิดการฆ่ากวาดล้างเผ่าพันธุ์กันจริง ๆ คงใช้เวลาไม่นานเผ่าพันธุ์ปีศาจในเมืองชิงอวี้ก็คงถูกกวาดล้างหมดสิ้น
เพราะในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาตัวผู้คนเผ่าพันธุ์ปีศาจในเมืองชิงอวี้อีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น อวี้เหวินซิวเซียนยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารแรงกล้าที่พุ่งเป้ามาหาตนเอง
หากเขาตวัดมือลงไปเมื่อไหร่ หลินเป่ยเฉินก็คงใช้วิชาปราณกระบี่คงกระพันออกมาเมื่อนั้น
ส่วนตนเองจะสามารถป้องกันได้หรือไม่ อวี้เหวินซิวเซียนไม่แน่ใจเลย
เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาที่ขมับของอวี้เหวินซิวเซียน
เขาพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบากใจ
ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนจับจ้องมองมาที่ใบหน้าของอวี้เหวินซิวเซียน
หัวใจผู้คนเต้นรัวเร็วด้วยความลุ้นระทึก
แม้แต่ชนชั้นเจ้าสำนักก็ยังรู้สึกหายใจไม่สะดวก
ติ๋ง!
เม็ดเหงื่อไหลร่วงลงสู่พื้นหินและแตกกระจาย
อวี้เหวินซิวเซียนกัดฟันกรอดกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในดวงตาปรากฏความโล่งอกวูบหนึ่ง
คลื่นพลังสีม่วงหมุนวน
แล้วทันใดนั้น ภูตอเวจีตนแรกที่เคยต่อสู้กับหลิวอู่เหยียนก็ปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านผู้สูงส่ง”
อวี้เหวินซิวเซียนรีบประสานมือแสดงความเคารพ
ภูตอเวจีในชุดเสื้อคลุมสีม่วงปิดบังหน้าตาผงกศีรษะเล็กน้อย
หลังจากนั้น นางก็เดินมาหยุดยืนอยู่ห่างจากหลินเป่ยเฉินประมาณสิบวา ตลอดทั่วทั้งร่างกายยังคงสวมใส่เสื้อคลุมปิดบังตัวตนเช่นเดิม
สายลมโชยพัดแผ่วเบา ชายเสื้อคลุมปลิวไสวอย่างสวยงาม
เปลวไฟสีม่วงเข้มห่อหุ้มร่างกาย คล้ายกับภูตอเวจีผู้นี้กลัวว่าเสื้อคลุมจะหลุดออกไปจนเปิดเผยให้เห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของตนเอง แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทุก ๆ คนก็ยังสัมผัสได้ว่าภูตอเวจีผู้นี้จะต้องมีโฉมหน้าที่แท้จริงงดงามไม่แพ้ยอดหญิงงามผู้ใดแน่นอน
“หนึ่งฝ่ามือ”
ภูตอเวจีปริศนากระซิบออกมาแผ่วเบา
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจ
“ข้าจะซัดใส่เจ้าหนึ่งฝ่ามือ หากเจ้าสามารถรอดตายจากหนึ่งฝ่ามือของข้าได้สำเร็จ กองทัพปีศาจก็จะถอนกำลังออกไปจากเมืองชิงอวี้ แต่หากเจ้ารับฝ่ามือของข้าไม่ได้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองนี้รวมไปถึงตัวเจ้า… จะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ข้อเสนอนี้ไม่ทราบว่าน่าสนใจหรือไม่?”
น้ำเสียงที่เย็นชาของภูตอเวจีดังกังวานไปทั่วยอดเขาอันกว้างใหญ่
หลินเป่ยเฉินยกมือเสยผม ส่ายศีรษะ ตอบกลับไปว่า “ไม่ยุติธรรม”
“ไม่ยุติธรรมอย่างไร?”
ภูตอเวจีปริศนาถามกลับมาทันที
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “ข้อเสนอของเจ้ามีเพียงเจ้าเป็นฝ่ายลงมือเท่านั้น…. เฮอะ ความยุติธรรมที่แท้จริงก็คือพวกเราสมควรซัดใส่กันคนละหนึ่งกระบวนท่าอย่างเท่าเทียมกันต่างหาก”
ไม่ทราบเลยว่าเด็กหนุ่มคิดไปเองหรือไม่ แต่เขารู้สึกเหมือนตนเองได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากในลำคอของภูตอเวจี
ภูตอเวจีปริศนาตอบว่า “ย่อมได้ ข้าจะให้เจ้าได้โจมตีก่อน”
หลินเป่ยเฉินลอบยิ้มอยู่ในใจ
รนหาที่ตายเองนะจ๊ะ
เขาหลอมรวมพลังปราณปีศาจจากภูตอเวจีร่างใหญ่ยักษ์ในแขนซ้ายใช้เป็นลูกกระสุนปืนสไนเปอร์ AWM
เมื่อได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน นี่ก็จะเป็นกระสุนสังหารแล้ว
เมื่ออีกฝ่ายถูกฆ่าตายเรียบร้อย แล้วเขายังจะต้องรับฝ่ามือจากผู้ใดอีก?
เรานี่มันฉลาดจริง ๆ
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น
กระสุนปืนถูกยิงออกไปแล้ว
ลำแสงกระสุนพุ่งผ่านอากาศตรงเข้าสู่เป้าหมาย
หลินเป่ยเฉินมั่นใจในการยิงนัดนี้ของตนเองเป็นอย่างยิ่ง
แรงกระสุนถึงกับทำให้ปืนสไนเปอร์ AWM เกิดแรงถีบเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย
ร่างของหลินเป่ยเฉินไถลไปด้านหลังเล็กน้อยจากแรงถีบของตัวปืน
โป๊ะเชะ!
เท่านี้ก็เรียบร้อย
หลินเป่ยเฉินมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อเงยหน้ามอง รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่มก็จางหายไป
เพราะภูตอเวจีปริศนายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ลำแสงกระสุนทะลุผ่านร่างกายของนาง แต่กลับไม่มีโลหิตไหลซึมออกมาจากรูขนาดเท่าฝ่ามือซึ่งปรากฏบนเสื้อคลุมของนางเลย…
เสื้อคลุมตรงส่วนนั้นของนางฉีกขาด เผยให้เห็นถึงผิวกายที่ขาวเนียนไร้ตำหนิ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
กระสุนเข้าเป้าอย่างแม่นยำถึงขนาดนั้น แต่กลับทำอะไรผิวหนังของนางไม่ได้เลยหรือ?
หลินเป่ยเฉินอ้าปากเหวอ
มันต้องมีวิธีเล่นงานบ้างสิ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“การโจมตีของเจ้าสิ้นสุดลงแล้ว”
ภูตอเวจีกล่าวออกมาเสียงเรียบ “บัดนี้เป็นการโจมตีของข้าบ้าง”
มือที่เรียวยาวขาวเนียนยื่นออกมาจากใต้เสื้อคลุมสีม่วง ฝ่ามือนั้นค่อย ๆ กระแทกออกมาข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
นี่คือกระบวนท่าเดียวกับที่ใช้จัดการหลิวอู่เหยียน
หลินเป่ยเฉินยังคงมีสีหน้าสงบสุขุม รีบเก็บอาวุธทุกชนิดเข้าสู่แอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์และโคจรพลังปราณในร่างกาย สีผิวของเขากลับมาเป็นสีม่วงเหลื่อมทองและมือซ้ายของเขาก็สวมถุงมือเทวฤทธิ์ค่อย ๆ ยกขึ้นตั้งรับการกระแทก
หลินเป่ยเฉินอยากจะทดสอบดูว่าร่างกายของตนเองสามารถรับการโจมตีได้หรือไม่
มือทั้งสองข้างของเขายกขึ้นมาไขว้กันบริเวณหน้าอก
พลั่ก!
ฝ่ามือที่ขาวเนียนนั้นกระแทกเข้ามา
ตู้ม!
คลื่นแรงระเบิดแผ่กระจายไปรอบทิศทาง โดยที่มีจุดศูนย์กลางของแรงระเบิดคือร่างของบุคคลทั้งสองบนเวทีประลอง
ได้ยินเสียงสายฝนโปรยปรายลงมา
หลินเป่ยเฉินแสดงสีหน้าประหลาดใจ
เพราะพลังทำลายล้างจากฝ่ามือของภูตอเวจีผู้นี้มีความหนักหน่วงน้อยกว่าที่คิดมากทีเดียว หากมีพลังทำลายล้างเพียงเท่านี้ ก็ไม่น่าจะสามารถทำอันตรายหลิวอู่เหยียนได้ด้วยซ้ำ
“โอ๊ย…”
แว่วเสียงร้องครางแหบต่ำในลำคอด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่โลหิตจะไหลซึมออกมาจากมุมปากของภูตอเวจีผู้ลึกลับ
ฝ่ามือของนางเจอพลังสะท้อนกลับ
คลื่นพลังรอบกายปั่นป่วนโกลาหล
นั่นทำให้หมวกคลุมศีรษะเผยอเปิดออกเล็กน้อย เปิดเผยให้เห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริง
ในหัวใจของหลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด
เป็นนางเองหรือ?
เขาตกตะลึง
เป็นไปไม่ได้!!!
หลังจากนั้น ฝ่ามือที่ขาวเนียนของภูตอเวจีก็กระแทกออกมาข้างหน้าด้วยพลังทำลายล้างหนักหน่วงมากกว่าเดิม
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ถุงมือเทวฤทธิ์ถูกกระแทกจนแตกสลายเป็นผุยผง
ในที่สุด ฝ่ามือสีม่วงเข้มของหลินเป่ยเฉินก็ต้องปะทะเข้ากับฝ่ามือสีขาวเนียนข้างนั้น
คลื่นพลังระเบิดตัวออกไปอย่างรุนแรงน่าหวาดกลัว
เสื้อคลุมท่อนบนของหลินเป่ยเฉินฉีกขาดกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ผิวหนังสีม่วงเหลื่อมทองเปล่งประกายระยิบระยับอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่รับการโจมตีจากฝ่ามือขาวเนียนนั้น
ในขณะนี้ คลื่นพลังที่ปั่นป่วนรอบกายก็ทำให้หมวกคลุมศีรษะของภูตอเวจีหลุดออกไป
ใบหน้าที่สวยงามทรงเสน่ห์ปรากฏขึ้นในสายตาของหลินเป่ยเฉิน
เป็นนางจริง ๆ ด้วย!
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง!!
นางไปเป็นภูตอเวจีของพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อย่างไร?
มิหนำซ้ำ นางยังมีหน้าออกมาต่อสู้กับพวกเขาอีกด้วย!!