เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1594 มูลเหตุแห่งความขัดแย้ง
ตอนที่ 1,594 มูลเหตุแห่งความขัดแย้ง
ลานดินหลังรั้วไม้ของกระท่อมที่พักของหลินเป่ยเฉินเป็นเสมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองชิงอวี้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อบ้านหวังจง แม้แต่เจ้าสำนักของสิบเอ็ดสำนักใหญ่ก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวเท้าเข้ามา
เมื่อข่าวได้รับการแพร่กระจายออกไป ความสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นไปทั่วเมืองชิงอวี้
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
หลินเป่ยเฉินกับท่านข้าหลวงใหญ่คุยอะไรกันด้านในกระท่อม?
ทุกคนล้วนอยากรู้คำตอบ
ในภายหลัง เริ่มมีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาว่า
“ท่านข้าหลวงใหญ่เหยียนอวี้หลงอยากจะเชิญหลินเป่ยเฉินมาร่วมงานด้วย โดยจะแต่งตั้งให้เขาเป็นตัวแทนเผ่าพันธุ์มนุษย์ออกเรี่ยไรเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนนายทหารของอาณาจักรหลิวเยวียนสำหรับต่อสู้กับกองทัพปีศาจ… แต่หลินเป่ยเฉินปฏิเสธ ไม่ยอมร่วมมือด้วย”
“การสนทนาเป็นไปไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ทะเลาะกัน”
“หลินเป่ยเฉินยังได้พูดถ้อยคำที่แปลกประหลาดออกมา อย่างเช่น เขากล่าวหาว่าท่านข้าหลวงใหญ่กำลังหลอกลวงผู้คนเพื่อหวังเงินบริจาค หรือบางคนก็บอกว่าหลินเป่ยเฉินต้องการมีส่วนแบ่งในเงินบริจาคก้อนนั้น โดยตนเองต้องการส่วนแบ่งเจ็ดส่วน และฝ่ายของท่านข้าหลวงใหญ่ก็จะได้รับส่วนแบ่งแค่สามส่วนเท่านั้น ซึ่งทำให้ท่านข้าหลวงใหญ่โกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง…”
“การเจรจาดำเนินต่อไป สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ยอมอ่อนข้อแบ่งเงินบริจาคกันคนละครึ่ง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ท่านข้าหลวงใหญ่ไม่พอใจมากไปกว่าเดิม… ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าหลินเป่ยเฉินกล้ากล่าววาจาเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร”
ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้เอง
ดูเหมือนว่ามูลเหตุแห่งความขัดแย้งจะไม่ใช่เพราะหลินเป่ยเฉินต้องการปกป้องผลประโยชน์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นเพราะเขาอยากได้ส่วนแบ่งได้เงินบริจาคก้อนโตต่างหาก
แต่วีรบุรุษแห่งเมืองชิงอวี้จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?
นี่คือเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป
ไม่น่าเป็นไปได้
ตอนแรกใครหลายคนก็ไม่อยากเชื่อ
แต่เมื่อทบทวนดูแล้วและพบว่าหลินเป่ยเฉินมีนิสัยที่หิวกระหายเงินทองอย่างแท้จริง อย่างเช่นตอนประลองระหว่างสองเผ่าพันธุ์นั่นไงล่ะ เด็กหนุ่มถึงกับขูดเลือดขูดเนื้อผู้คนจากสิบเอ็ดสำนักใหญ่… เพราะฉะนั้น การที่หลินเป่ยเฉินจะขอมีส่วนแบ่งในเงินบริจาคจึงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เฮ้อ
เหตุไฉนวีรบุรุษที่ช่วยกอบกู้เมืองชิงอวี้ จึงได้หิวกระหายในเงินทองเช่นนี้หนอ?
ผู้คนที่ไม่รับทราบความจริงมาตั้งแต่แรกจึงอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
ภาพลักษณ์นักบุญของหลินเป่ยเฉินเริ่มเสื่อมทรามลง
บรรยากาศภายในเมืองชิงอวี้เริ่มเกิดความวุ่นวายมากขึ้น
กลุ่มคนจำนวนหนึ่งเริ่มต้นออกอาละวาดสุมไฟเป่าหูผู้คน
มีการปล่อยข่าวลือเพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของหลินเป่ยเฉิน
“ฮ่า ๆๆ เจ้าทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใด เผ่าพันธุ์ปีศาจถึงหวาดกลัวหลินเป่ยเฉิน?”
“ความจริงนั้น เหตุผลที่เผ่าพันธุ์ปีศาจรีบถอนกำลังกลับออกไปก็เพราะพวกมันตรวจจับได้ถึงสัญญาณการมาถึงของเรือเหาะหยางเว่ยต่างหาก พวกมันกลัวการปรากฏตัวของท่านข้าหลวงใหญ่เหยียนอวี้หลง จึงใช้โอกาสนี้ยุติการประลองระหว่างสองเผ่าพันธุ์ มิเช่นนั้น พวกมันจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?”
อวิ้นหง หัวหน้ากลุ่มองครักษ์ประจำตัวเหยียนอวี้หลงพูดท่ามกลางงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง
นี่ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึก ‘ตาสว่าง’ ขึ้นมาโดยทันที
ข่าวลือแปลก ๆ เริ่มแพร่กระจายในกลุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ
“หลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขาจะช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่แรกก็ทำได้ แต่นี่เขากลับรอให้ท่านหวังซือเฉากับท่านหลิวอู่เหยียนและคนอื่น ๆ ถึงแก่ความตายเสียก่อน...”
“นั่นสิ มิหนำซ้ำก่อนหน้านั้น เขายังเรียกร้องเงินทองอีกด้วย”
“ไม่ใช่แต่เพียงเท่านี้นะ เมื่อการประลองจบลงแล้ว เขายังขอเพิ่มเงินอีกด้วย”
“ข้ามีสหายเป็นคนวงในอยู่คนหนึ่ง เขากล่าวว่าหลินเป่ยเฉินผู้นี้กับภูตอเวจีผู้นั้นรู้จักกันด้วยล่ะ…”
“จริงหรือ? ข้าเองก็มีสหายที่บอกว่าหลินเป่ยเฉินสามารถใช้พลังปราณปีศาจได้ด้วยล่ะ”
ไม่ทราบเลยว่าข่าวลือเหล่านี้เริ่มต้นจากที่ใด แต่พวกมันก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุด แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาก็ได้รับทราบข่าวลือเหล่านี้หมดสิ้น
สุดท้าย ข่าวลือก็ลอยมาถึงหูหลินเป่ยเฉิน
“เฮอะ ไร้สาระกันจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาสามารถปรับมวลพลังในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นี่คือช่วงเวลาพักผ่อนอย่างที่หลินเป่ยเฉินหาได้ยากยิ่ง
เมื่อผ่านไปสิบกว่าวัน หลินเป่ยเฉินก็ทำความเข้าใจกับบรรดาสุดยอดคัมภีร์ลับของสำนักต่าง ๆ ได้แทบหมดแล้ว
สุดท้าย เขาก็เลิกฝึกวิชาสำรวจจิตและวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ ก่อนจะหันมาฝึกวิชาที่เป็นคัมภีร์ลับของสำนักกระบี่เหินฟ้าอย่างคัมภีร์ซงจิน เช่นเดียวกับวิชากระบี่มนตราที่จะช่วยหลอมรวมพลังปราณและพลังจิตให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ส่วนวิชาการต่อสู้ เขาเลือกฝึกฝนวิชากระบี่ธาตุแท้เหินหาวของสำนักกระบี่เหินฟ้าเช่นกัน
วิชากระบี่ธาตุแท้เหินหาวคือหนึ่งในสาขาย่อยของวิชากระบี่ธาตุแท้ จุดเด่นของวิชานี้คือยิ่งผู้ใช้มีพลังปราณแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ จำนวนของเงากระบี่ที่ปรากฏออกมาก็จะยิ่งมีมากเท่านั้น และอานุภาพของการโจมตีก็จะรุนแรงขึ้นตามระดับพลังด้วยเช่นกัน
นี่คือวิชายุทธ์ที่สามารถสังหารได้แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 10
สำหรับหลินเป่ยเฉิน วิชากระบี่ธาตุแท้เหินหาวย่อมเหมาะสมสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ในเมืองไป๋หยุน เขาก็เคยเรียนรู้วิธีการสร้าง ‘ค่ายกลกระบี่’ มาแล้ว
หลินเป่ยเฉินจึงมีความคิดที่จะนำวิชากระบี่ธาตุแท้เหินหาวมาปรับใช้กับค่ายกลกระบี่ที่ตนเองเคยฝึกฝนมา
นี่คือการผสมผสานระหว่างวิชายุทธ์กับวิชาการสร้างค่ายอาคม
และสิ่งที่เขาคาดหวังจริง ๆ ก็คือการขอร้องให้นักพรตหญิงชินช่วยหลอมรวมวิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรให้เหลือเพียงสามกระบวนท่าเท่านั้น
นอกจากนี้ หลินเป่ยเฉินยังได้ส่งมอบคัมภีร์ลับจากสิบเอ็ดสำนักใหญ่ให้นักพรตหญิงชินช่วยพิจารณา อาศัยความรู้ความสามารถของนาง สุดที่รักของหลินเป่ยเฉินคนนี้ย่อมรู้ดีว่าจะสามารถดัดแปลงกระบวนท่าต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา เซียวปิง อากวง เสี่ยวหู หวังจง นักพรตหญิงชินและเจ้าจักจั่นทองคำต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่กระท่อมไม้บนยอดเขาหลิวหลี่
แน่นอนว่าย่อมรวมถึงคู่พี่น้องจากตลาดมืดคู่นั้นด้วย
ส่วนหลงหน่ากับองค์ชายเจี้ยนอวี่ เจ้าสำนักของพวกเขาต้องเสียชีวิตลงระหว่างการต่อสู้ ขณะนี้จึงกลับไปทำพิธีศพอยู่ที่สำนักของตนเอง
“มานี่สิ”
หลินเป่ยเฉินกวักมือเรียกคู่พี่น้องจากตลาดมืด “พวกเรามาคุยกันเถอะ”
เด็กสาวผู้มีใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบพร้อมด้วยน้องชายของนางเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
ดวงตาของทั้งสองคนจ้องมองหลินเป่ยเฉินอย่างมีความหวัง
“พวกเจ้าอยู่ตามติดข้าถึงขนาดนี้ คงอยากจะได้ใบไม้คืนวิญญาณกลับไปสินะ?”
หลินเป่ยเฉินสอบถามอย่างตรงไปตรงมา
เด็กสาวและน้องชายของนางพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวเปลือก
“ใบไม้คืนวิญญาณมีความสำคัญต่อพวกเจ้าจนถึงขนาดไม่เห็นแก่ชีวิตของตนเอง แต่พวกเจ้ากลับมาตามติดข้าเนี่ยนะ?”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกสงสัยใจเป็นอย่างยิ่ง
เขารู้ดีว่าสองพี่น้องคู่นี้คงไม่ใช่คนธรรมดา
สองพี่น้องหันมองหน้ากัน ก่อนจะก้มศีรษะ ไม่พูดคำใด
เด็กสาวและน้องชายเป็นผู้ใดมาจากไหนและเพราะเหตุใดจึงต้องการใช้งานใบไม้คืนวิญญาณ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เด็กสาวไม่เคยบอกออกมาเลย
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าข้าจะให้พวกเจ้าไม่ได้หรอกนะ แต่ข้ามีข้อแม้อยู่หนึ่งข้อ”
เด็กสาวชะงักไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
“ข้าอยากรู้วิธีใช้งานใบไม้คืนวิญญาณ”
หลินเป่ยเฉินถาม
เขาเคยใช้โทรศัพท์สแกนข้อมูลใบไม้คืนวิญญาณดูแล้ว ข้อมูลที่ได้รับกลับมาก็คือมันเป็นสมุนไพรวิเศษระดับสูง ช่วยฟื้นฟูพลังวิญญาณในร่างกาย แต่ไม่มีข้อมูลบอกเลยว่าต้องนำมาใช้งานอย่างไร
นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลินเป่ยเฉินเก็บสองพี่น้องคู่นี้เอาไว้ตลอดเวลา
เมื่อเผชิญกับคำถามของหลินเป่ยเฉิน เด็กสาวก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “ท่านต้องหลอมมันเจ้าค่ะ”
“หลอมอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามต่อ
“ส่วนประกอบในการหลอมโอสถจากใบไม้คืนวิญญาณนั้น คุณชายจำเป็นต้องใช้องค์ประกอบอีกหลายอย่าง เป็นสมุนไพรวิเศษระดับสูงไม่ต่ำกว่าสิบชนิดเลยเจ้าค่ะ และผู้ที่จะหลอมโอสถชนิดนี้ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีสายเลือดนักปรุงยาเท่านั้นอีกด้วย…”
แต่เมื่อเด็กสาวกล่าวมาถึงตรงนี้ นางกลับหยุดชะงักอย่างกะทันหัน