เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1602 คุณหนูหลิงหลิง
ตอนที่ 1,602 คุณหนูหลิงหลิง
หมิงเซวี่ยเฟิงและพรรคพวกถึงกับหยุดชะงัก
ไม่ได้คิดส่งพวกเขาออกไปต่อสู้อย่างนั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไรที่เด็กหนุ่มซึ่งเพิ่งเคยจะเข้าสู่ภพภูมิดาราจักรเป็นครั้งแรก กลับคิดออกไปต่อสู้ด้วยตนเอง?
เขาไม่รู้กฎแห่งการต่อสู้ของที่นี่หรืออย่างไร?
แต่นั่นก็ไม่สำคัญอีกแล้ว
ไม่ต้องถูกส่งออกไปตายคือเรื่องดีเสมอ
หมิงเซวี่ยเฟิงโบกมือส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม
“ช้าก่อน”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ส่งเสียงเรียกออกมา
กลุ่มกะลาสีเรือหัวใจกระตุกวูบ
ได้ยินหลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า “ชุดเครื่องแบบของพวกท่านดูดีมาก ไม่ทราบว่าพอจะมีเหลืออีกบ้างหรือไม่? ข้าขอยืมใส่หน่อยสิ”
“ยังมีชุดสำรองอยู่ขอรับ”
หมิงเซวี่ยเฟิงรีบสั่งลูกสมุนให้นำชุดเครื่องแบบสำรองมาส่งมอบให้หลินเป่ยเฉินโดยทันที
หลังจากนั้น กลุ่มกะลาสีเรือก็กลับไปทำหน้าที่ของตนเองตามเดิม
“พี่ใหญ่ขอรับ นายท่านผู้นี้สมองคงไม่ปกติ ดูเหมือนเขาคิดจะออกไปต่อสู้กับพวกโจรสลัดเพียงคนเดียวจริง ๆ” หนึ่งในกะลาสีอาวุโสผู้มีนามว่าจางเจิ้งพูดพลางยกมือจับคางอย่างใช้ความคิด
“นั่นสิขอรับ นายท่านผู้นี้คงไม่รอดแน่ ๆ กลุ่มปีศาจโจรสลัดกลุ่มนี้ถึงกับขวัญกล้าบังอาจปล้นสะดมเรือของคฤหาสน์ตระกูลหลิง แสดงว่าที่มาที่ไปคงไม่ธรรมดาแน่นอน...” โจวหลงอีกหนึ่งกะลาสีอาวุโสกล่าวขึ้น
หมิงเซวี่ยเฟิงยกมือลูบหนวดเคราของตนเอง ก่อนจะโบกมือกล่าวว่า “อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องออกไปตายเองนั่นแหละนะ อย่าได้สนใจอันใดอีกเลย เมื่อนำเรือเข้าไปใกล้เขตต่อสู้ พวกเจ้าก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา จะได้นำเรือเหาะลำนี้หลบหนีออกมาได้ทันเวลา… พวกเราจะรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับเรือลำนี้เอง”
กลุ่มกะลาสีเตรียมตัวอย่างเคร่งเครียด
เรือเหาะหยางเว่ยแล่นเข้าไปหากลุ่มเรือเหาะของโจรสลัดด้วยความรวดเร็ว
…
“ฮ่า ๆๆ หลิงไท่ซือ เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะว่าตนเองจะมีวันนี้กับเขาด้วย”
เสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะดังก้องกังวานไปทั่วดาดฟ้าเรือเหาะรุ่งอรุณ
ฮั่วเจี้ยนป๋อเป็นบุรุษหนุ่มผู้สวมใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬ ยามที่เขาระเบิดเสียงหัวเราะ ผ้าคลุมสีดำที่คาดอยู่ด้านหลังก็จะพลิ้วไสวเหมือนกระพือปีก ดาบยาวในมือของเขาตัดศีรษะกลุ่มองครักษ์ประจำเรือเหาะ สองเท้าเหยียบย่ำผ่านกองเลือดย่างสามขุมเข้าหาเป้าหมาย
ในเวลาเดียวกันนี้
กลุ่มลูกเรือชุดสุดท้ายของเรือเหาะรุ่งอรุณหลงเหลืออยู่ไม่ถึงร้อยชีวิต บางส่วนเป็นองครักษ์ บางส่วนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ และผู้เป็นนายท่านของทุกคนอย่างหลิงไท่ซือก็ถูกต้อนมาอยู่ที่มุมหนึ่งของดาดฟ้าเรือเหาะ เตรียมตัวที่จะต่อสู้ครั้งสุดท้าย
แต่สถานการณ์ไม่เป็นใจเอาเสียเลย
หลิงไท่ซือทั้งตกตะลึงและโกรธแค้น
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนายน้อยตระกูลหลิง หลิงไท่ซือจึงมีอายุเพียงยี่สิบปีเศษเท่านั้น เขามีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้ม ดวงตาเป็นประกาย เสื้อคลุมสีขาวทาบทับชุดเกราะสีทองคำ ลักษณะท่าทีของบุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นเหมือนบัณฑิตคงแก่เรียน แต่บัดนี้ เขาเป็นบัณฑิตคงแก่เรียนที่กำลังโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
“ฮั่วเจี้ยนป๋อ ข้าเคยยึดถือเจ้าเป็นมิตรสหาย… เหตุไฉนเจ้าถึงไปร่วมมือกับพวกปีศาจ?”
สายตาเจ็บปวดรวดร้าวของหลิงไท่ซือจ้องมองพวกของฮั่วเจี้ยนป๋อและบรรดาโจรสลัดปีศาจสังหารกลุ่มลูกเรือเหาะรุ่งอรุณ
การเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่การขนส่งสินค้าเล่นแร่แปรธาตุไปยังเมืองหลันจี๋ซิง นักเล่นแร่แปรธาตุของตระกูลหลิงหลายหมื่นชีวิตต้องรีบเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อผลิตชุดเกราะและอาวุธจำนวนมากเพื่อส่งไปสนับสนุนกลุ่มนายทหารที่กำลังต่อสู้อยู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจในเมืองหลันจี๋ซิง
เมืองหลันจี๋ซิงคือเมืองหลวงของอาณาจักรหลิวเยวียน
สินค้าจากตระกูลหลิงมีความสำคัญในการต่อสู้เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้รับอาวุธและชุดเกราะของพวกเขาไปใช้งาน กลุ่มนายทหารเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ประจำการอยู่ในเมืองหลันจี๋ซิงนอกจากจะมีพละกำลังแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มันอาจจะทำให้สถานการณ์ในการสู้รบแปรเปลี่ยนไปก็เป็นได้
ด้วยเหตุนี้ ในฐานะคุณชายตระกูลหลิง หลิงไท่ซือจึงต้องมาควบคุมการขนส่งสินค้าครั้งนี้ด้วยตนเอง
นี่เป็นปฏิบัติการลับ
ไม่มีผู้ใดรู้เส้นทางการขนส่งที่แน่ชัด
เวลาในการขนส่งยิ่งถูกเก็บเป็นความลับขั้นสูงสุด
ไม่มีทางที่จะถูกซุ่มโจมตีหรือขัดขวางการขนส่งได้เลย
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น
ปรากฏว่าคุณชายตระกูลฮั่ว ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรหลิวเยวียนกลับสมคบคิดกับกลุ่มปีศาจ
ไม่ทราบว่าฮั่วเจี้ยนป๋อเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?
“ฮ่า ๆๆ ร่วมมือกับพวกปีศาจอย่างนั้นหรือ?”
ฮั่วเจี้ยนป๋อยิ้มแย้มอย่างอำมหิต “ตระกูลของข้ากับเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นพันธมิตรกันมาหลายร้อยปีแล้ว น่าเสียดายที่เจ้ามารู้ตอนนี้มันก็สายเกินไป และเจ้าจะต้องตายเสียเดี๋ยวนี้ เพราะคนตายเปิดเผยความลับไม่ได้อีกแล้ว”
เรือเหาะรุ่งอรุณถูกกลุ่มโจรสลัดบุกควบคุมโดยสมบูรณ์ สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อย ๆ
อาวุธและวัตถุเล่นแร่แปรธาตุทุกชนิดถูกกลุ่มโจรสลัดปีศาจยึดครองไปหมดสิ้น
เสียงแห่งการต่อสู้ยุติลง
ในที่สุด ลูกเรือกลุ่มสุดท้ายที่มีไม่ถึงร้อยคนของคฤหาสน์สกุลหลิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนทำได้เพียงห้อมล้อมหลิงไท่ซืออยู่ตรงกลาง ขวางกั้นไม่ให้กลุ่มโจรสลัดปีศาจบุกขึ้นมาที่หัวเรือได้สำเร็จ
แต่พวกเขาก็ไม่มีทางหลบหนีได้เช่นกัน
“หลิงไท่ซือ จงฆ่าตัวตายซะเถอะ”
ฮั่วเจี้ยนป๋อยกมือขึ้นส่งสัญญาณ
การโจมตียุติลง
ดาดฟ้าเรือเหาะรุ่งอรุณเต็มไปด้วยซากศพ โลหิตไหลนองราวกับลำธาร
“ตระกูลหลิงก็ถือเป็นตระกูลใหญ่ในอาณาจักรหลิวเยวียนเช่นกัน เห็นแก่ที่เจ้าเคยทำดีต่อข้าเสมอมา ข้าจะรักษาซากศพของเจ้าให้สมบูรณ์และนำศพกลับไปส่งคืนตระกูลหลิงเพื่อจะได้ทำพิธีฝังร่วมกับบรรพบุรุษต่อไป”
ฮั่วเจี้ยนป๋อจ้องมองไปที่กลุ่มองครักษ์ซึ่งรายล้อมรอบตัวหลิงไท่ซือและกล่าวต่อ “แต่หากพวกเจ้ายังคิดขัดขืนดิ้นรน ศพคุณชายของพวกเจ้าก็จะต้องลอยออกไปพเนจรอยู่ในเส้นทางดาราจักรเบื้องนอก สุดท้ายก็จะแหลกสลายกลายเป็นผุยผง ไร้ซึ่งแผ่นดินกลบฝัง”
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในอาณาจักรหลิวเยวียน... โดยเฉพาะกลุ่มคนตระกูลใหญ่ให้ความใส่ใจต่อเรื่องความสงบสุขหลังความตายเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาเชื่อกันว่าหากศพต้องออกไปลอยละล่องอยู่ในเส้นทางดาราจักร สุดท้ายศพก็จะแหลกสลายกลายเป็นเศษฝุ่นผง และวิญญาณก็จะไม่มีทางได้กลับบ้านอีกเลย
หลิงไท่ซือตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ก็แค่ความตาย มีอันใดให้หวาดกลัว?”
“เจ้าไม่กลัวตาย แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะเห็นน้องสาวของตนเองถูกกระทำย่ำยีต่อหน้าต่อตาบ้างหรือ?”
ฮั่วเจี้ยนป๋อยกมือขึ้นส่งสัญญาณเล็กน้อย
แล้วองครักษ์ตระกูลฮั่วซึ่งสวมใส่ชุดเครื่องแบบของกลุ่มโจรสลัดปีศาจก็ลากตัวเด็กสาวหน้าตางดงามหมดจดผู้หนึ่งออกมาแสดงตัวเบื้องหน้าพวกเขา
“ท่านพี่…”
เด็กสาวร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“น้องหลิง เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เมื่อหลิงไท่ซือเห็นดังนั้น หัวใจของเขาก็เจ็บปวดดั่งถูกคมมีดกรีดแทง
เพราะเด็กสาวผู้นี้คือคุณหนูหลิงหลิงแห่งคฤหาสน์ตระกูลหลิง
แล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
“ฮ่า ๆๆ น้องสาวของเจ้าไร้เดียงสามากเกินไป เชื่อใจผู้อื่นง่ายดายมากเกินไป ข้าเพียงโกหกนางว่าจะพาออกมาท่องเที่ยวที่เส้นทางดาราจักร นางก็รีบไปร่ำลาบิดามารดาและติดตามข้ามาโดยทันที”
ฮั่วเจี้ยนป๋อยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหลิงหลิง
ฮั่วเจี้ยนป๋อยกมือขึ้นเชยคางเด็กสาวและกล่าวว่า “อายุเพียงเท่านี้ นับว่าหลิงหลิงมีหน้าตาหมดจดงดงามยิ่งนัก… หุหุ ต้องมาเห็นนางร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกสงสารจับใจยิ่ง”
ดวงตาของหลิงไท่ซือร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น “ฮั่วเจี้ยนป๋อ เจ้ามันไม่ใช่คน เจ้า…”
ในฐานะที่เป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ หลิงไท่ซือกับฮั่วเจี้ยนป๋อจึงเติบโตมาในสถานศึกษาด้วยกัน และหลิงหลิงน้องสาวของเขา ก็แทบไม่ต่างไปจากน้องสาวของฮั่วเจี้ยนป๋อ
คิดไม่ถึงเลยว่า…
คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ กว่าจะรู้จักธาตุแท้ของกันและกัน มันก็สายเกินไปเสียแล้ว!!