เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1614 หลินเป่ยเฉินผู้ไร้เทียมทาน
ปีศาจเฒ่าผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 รู้แล้วว่าการโจมตีครั้งนี้ของพวกตนเองล้มเหลวไม่เป็นท่า
ลูกสมุนตนหนึ่งของมันที่เพิ่งหลบหนีกลับมาได้สำเร็จรายงานว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีนามว่าอวี้เหวินซิวเซียนเป็นผู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่ใครเลยจะคิดว่าเด็กหนุ่มจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?
“ข้าน้อยอวี้เหวินซิวเซียนขอคารวะท่านผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็ก”
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนแผ่นหลังของอสูรดาราอย่างสง่างามและตะโกนออกมาอีกครั้งว่า “โปรดขอคำชี้แนะด้วย”
ผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กรีบหมุนตัวตีลังกาไปหลบอยู่ด้านหลังอสูรดาราที่ตนเองกำลังยืนอยู่ทันที
กระสุนปืน AK47 จากพลังปราณจอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 พลันเจาะทะลุร่างของอสูรดารา แต่อสูรดารามีผิวหนังที่หนามากเกินไป แม้จะถูกลูกกระสุนเจาะเป็นรูโบ๋ แต่ลูกกระสุนก็ไม่สามารถทะลวงผ่านชั้นผิวหนังเข้าไปทำอันตรายต่ออวัยวะภายในได้เลย
ถึงกระนั้น เจ้าอสูรดาราก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแล้ว
“พี่หลิง รีบหนีเร็วเข้า”
หลินเป่ยเฉินประทับเครื่องยิงระเบิด Type 69 อยู่บนหัวไหล่
หลังจากนั้น ลำแสงกระบี่ที่แปลกประหลาดก็พุ่งวาบ หลิงไท่ซือจำได้ดีว่าเขาเห็นลำแสงนี้ปรากฏขึ้นก่อนที่เรือเหาะของโจรสลัดปีศาจจะถูกระเบิดกระจาย เพราะฉะนั้น หลิงไท่ซือจึงรีบหลบหนีถอนกำลังกลับไปที่เรือเหาะรุ่งอรุณทันที…
ลมหายใจต่อมา…
ตู้ม!
กระสุนที่เป็นลูกระเบิดจากพลังปราณจอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 ก็ถูกยิงเข้าไปหาอสูรดาราที่ผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กกำลังหลบซ่อนตัวอยู่
ภาพที่น่าตกตะลึงในขณะนี้ประทับลงไปในหัวใจของผู้คน
หลังจากนั้น แสงสว่างก็ระเบิดเจิดจ้า
แล้วร่างกายที่มีขนาดใหญ่ยักษ์เท่ากับภูเขาลูกหนึ่งของอสูรดาราก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
ผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กที่หลบซ่อนอยู่ทางด้านหลังมีสีหน้าตื่นตระหนก
มันไม่เข้าใจเลยว่ามีวิชาการต่อสู้ที่พลังทำลายล้างรุนแรงถึงขั้นนี้ด้วยหรือ?
นี่เป็นพลังการต่อสู้ในระดับของจอมเทพจักรพรรดิแล้ว
แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กจะนำชุดเกราะที่ดีที่สุดมาสวมใส่ลงบนร่างกาย แต่มันก็ยังต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าชุดเกราะเหล่านั้นแตกสลายเป็นผุยผง และเมื่อไม่มีระบบนิเวศบนแผ่นหลังอสูรดาราให้ใช้หลบซ่อนตัว ผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กจึงต้องเผชิญกับแรงกดดันในชั้นบรรยากาศที่ค่อย ๆ บีบรัดอวัยวะภายในของมันให้เหลวแหลก...
โลหิตไหลทะลักออกปากออกจมูก
“จบกันเพียงเท่านี้ล่ะนะ”
หลินเป่ยเฉินลงมือโจมตีอีกครั้ง
“ชีวิตของเราคงจบสิ้นแล้ว”
ผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มผู้ไร้ชื่อเสียงเช่นนี้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหลิงไท่ซือ
เมื่อไม่มีผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กและหัวหน้าฝูงอสูรสิงโตทองคำ นี่ก็นับว่าเป็นความเสียหายใหญ่หลวงต่อกองทัพปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรในอาณาจักรหลิวเยวียนมากทีเดียว
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่ผู้คนอีกด้วย
คุณชายอวี้เหวินซิวเซียนผู้นี้เป็นผู้ใดมาจากไหนกันแน่?
หลิงไท่ซือกำลังยิ้มอย่างมีความสุข แต่แล้วหัวใจของเขาก็กระตุกวูบอย่างไม่มีเหตุผล
สายตาเห็นแสงสว่างเจิดจ้า
ร่างของใครบางคนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็ก มือหนึ่งของมันประคองหัวไหล่ของผู้เฒ่าปีศาจ ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
บุคคลผู้นี้สามารถปัดป้องปราณกระบี่คงกระพันได้อย่างง่ายดาย
บุคคลผู้นี้สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำ ร่างกายไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์สำหรับการเดินทางในชั้นบรรยากาศแม้แต่ชิ้นเดียว แต่มันกลับสามารถเดินทางผ่านเส้นทางดาราจักรได้อย่างสะดวกสบาย
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาในจิตใจของหลิงไท่ซือ
หรือว่าผู้ที่มาใหม่จะมีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจจักรพรรดิ?
ผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจแสดงตัวออกมาแล้วหรือ?
บัดนี้ หัวใจของหลินเป่ยเฉินก็เต้นผิดปกติเช่นกัน
เขารู้สึกขนลุก
ปีศาจที่เพิ่งปรากฏตัวออกมานั้นมีความแข็งแกร่งราวกับเป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร การปรากฏตัวของมันทำให้ผู้คนหัวใจเต้นแรง เลือดลมในร่างกายร้อนระอุ ริมฝีปากแห้งผาก ขนทุกเส้นบนร่างกายชี้ชัน สัญชาตญาณเร่งเร้าเพียงอย่างเดียวให้…
หลบหนี
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ได้มองเห็นใบหน้าของปีศาจที่สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำ
ปรากฏว่ามันเป็นปีศาจหญิง… ผู้มีร่างกายกำยำ
นางมีร่างกายสูงมากกว่ามนุษย์ปกติสองเท่า แขนขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อกำยำ ทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงนักล่าสัตว์อสูรอู๋หงแห่งเมืองหยุนเมิ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แต่เห็นได้ชัดว่าปีศาจหญิงตนนี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าอู๋หงไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
ปีศาจหญิงปรากฏตัวราวกับเป็นภูตผี ร่างกายสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำที่ตัดเย็บอย่างไม่ประณีตสักเท่าไหร่ รองเท้าที่สวมใส่ก็เก่าขาด ลักษณะแทบไม่แตกต่างไปจากชาวไร่ชาวนาที่ทำงานตรากตรำทั้งวัน แต่บนแขนขาของนางก็ยังมีอักขระโบราณปรากฏอยู่เต็มไปหมด
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เพียงยกมือโบกสะบัดเท่านั้น ปีศาจหญิงตนนี้ก็สามารถปัดป้องลูกกระสุนจากปืน AK47 ได้สำเร็จ ไม่ต่างจากโบกมือไล่ยุงหรือแมลงวัน… ช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันเกินไปแล้ว!
เมื่อพิจารณาดูจึงเห็นว่าปีศาจหญิงไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ นางสวมใส่เพียงชุดเสื้อคลุมสีดำ แต่กลับยังอยู่รอดได้ในชั้นบรรยากาศของเส้นทางดาราจักร...
นั่นหมายความว่านางจะต้องมีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจจักรพรรดิอย่างแน่นอน
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ตั้งสติได้แล้ว
“เจ้าคือหลินเป่ยเฉินใช่หรือไม่?”
ปีศาจหญิงร่างกำยำมีผิวสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาของนางเปล่งแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ รอบกายห่อหุ้มด้วยคลื่นพลังวังน้ำวนสีม่วงแผ่พลังกดดันให้ผู้คนขนหัวลุก
“เจ้า…”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง
ปีศาจหญิงตนนี้รู้ชื่อจริงของเขาด้วยหรือ?
เกิดอะไรขึ้น?
“ข้ามีนามว่าเฉาคง”
ปีศาจหญิงร่างกำยำกล่าวต่อด้วยเสียงดังกังวาน
นางต้องการสิ่งใดกันแน่?
เมื่อหลินเป่ยเฉินใช้สมองขบคิดอย่างหนักหน่วง เขาก็นึกได้ว่าปีศาจสาวตนนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เกี่ยวข้องกับการบุกโจมตีเมืองชิงอวี้ จึงทำให้นางรับทราบชื่อที่แท้จริงของเขา
แล้วจะทำอย่างไรดีนะ?
ท่าทางนางคงจัดการได้ไม่ง่ายแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สุดท้ายก็กลั้นใจถามออกไปว่า “เจ้ารู้ชื่อของข้าได้อย่างไร?”
“ไม่ต้องตกใจไป”
ปีศาจหญิงเฉาคงมีสีหน้าสงบเยือกเย็นดังเดิม นางจ้องมองหลินเป่ยเฉินไม่วางตาขณะกล่าวต่อ “ข้ารู้จักเจ้าเพราะมีใครบางคนกำชับข้าไม่ให้สังหารเจ้า”
นั่นไง
หลอดไฟในสมองของหลินเป่ยเฉินสว่างปิ๊งขึ้นมาทันที
คนแรกที่เขานึกถึงก็คือเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง
ต้องเป็นนางแน่นอน
อวี้เหวินซิวเซียนตัวจริงซื่อสัตย์ภักดีต่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถึงขนาดนั้น เมื่อหมอนั่นรู้ว่ามีผู้คนนำชื่อของตนเองไปแอบอ้างอยู่ในเส้นทางดาราจักร อวี้เหวินซิวเซียนก็คงต้องสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นแน่แท้ สุดท้าย เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจึงดำเนินการส่งคนมาขัดขวางแผนการสังหารหลินเป่ยเฉิน
“คนผู้นั้นเป็นสตรีใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความอยากรู้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
ปีศาจหญิงเฉาคงตอบเสียงเรียบตัดบทสนทนา “นางไม่ใช่มนุษย์… แต่เป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่ง เป็นจ้าวปีศาจผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นยอดอัจฉริยะหญิงที่หาไม่ได้มาหลายชั่วอายุคน... มนุษย์ที่ต่ำต้อยอย่างเจ้า ไม่มีค่าคู่ควรที่จะได้รู้ชื่อของนางแม้แต่พยางค์เดียว”
อ้าว…
นี่เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
ทำไมต้องด่ากันขนาดนี้ด้วย?
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
แต่อีกฝ่ายมีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจจักรพรรดิเชียวนะ
เขาจะกล้าไปต่อล้อต่อเถียงด้วยได้อย่างไร
“เจ้าไปซะเถอะ”
เฉาคงโบกมือไล่
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เห็นไหมล่ะ? การที่หว่านเสน่ห์ไปเรื่อยมันก็มีประโยชน์อย่างนี้นี่เอง เพราะในช่วงเวลาวิกฤตแห่งชีวิต หนึ่งในหญิงสาวที่หลงเสน่ห์เขาก็จะสามารถช่วยชีวิตได้เสมอ
เอ๊ะ?
ช้าก่อน นี่เขายึดถือเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นหนึ่งในผู้หญิงของตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่?
หลินเป่ยเฉินอมยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
เขาบินกลับไปที่เรือเหาะรุ่งอรุณ
“พวกเราไปกันเถอะ”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งเร่งเร้า
หลิงไท่ซือใบหน้าซีดขาว ร้องสั่งให้กะลาสีเรือหันหัวเรือเหาะและเตรียมตัวออกเดินทางจากไปด้วยความเร็วสูงสุดทันที