เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1622 คุณชายได้โปรดหยุดมือ
ตอนที่ 1,622 คุณชายได้โปรดหยุดมือ
ผ่านไปเนิ่นนาน
ประตูห้องพักของหลินเป่ยเฉินก็เปิดออกอีกครั้ง
นักพรตหญิงชินสวมใส่ชุดเสื้อคลุมของบุรุษ รวบผมเป็นหางม้า ก้าวเดินออกมาด้วยสีหน้าแจ่มใส
ตามหลังมาด้วยหลินเป่ยเฉินที่ก็มีสีหน้าแจ่มใสไม่แพ้กัน
นางปฏิเสธคำเชิญของหลินเป่ยเฉินที่ให้อยู่ค้างคืนด้วยกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เป็นรางวัลที่นักพรตหญิงชินตั้งใจมอบให้แก่หลินเป่ยเฉินอยู่แล้ว แต่นางจะใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาไปมากกว่านี้ไม่ได้
คำสาปแห่งความโดดเดี่ยวของนางยังคงมีผล
นักพรตหญิงชินไม่อยากจะฉุดรั้งโชคชะตาของหลินเป่ยเฉิน
แต่บัดนี้ ความรู้สึกในหัวใจของนักพรตหญิงชินได้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันแตกต่างจากตอนที่หลินเป่ยเฉินกับนางเปลือยกายถ่ายทอดพลังในแดนสุขาวดี เพราะนั่นเพื่อเป็นการปรับพื้นฐานพลังเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกของบุรุษสตรีมาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย
“แม่นางได้โปรดหยุดก่อน”
จังหวะนั้น เจิ้นหรู่อี้ซึ่งรอคอยมาอย่างเนิ่นนานก็ก้าวเท้าออกมาขวางหน้านักพรตหญิงชิน ก่อนจะยิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “นายท่านในห้องพักหมายเลขสองอยากจะพบแม่นางเจ้าค่ะ”
นักพรตหญิงชินขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินนึกถึงบุรุษหนุ่มร่างสูงที่อยู่ในห้องพักฝั่งตรงข้ามขึ้นมาทันที เขาเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ได้ บอกให้มันไปตายซะ”
เจิ้นหรู่อี้หันมาชำเลืองมองที่หลินเป่ยเฉิน
“คือว่า…”
แม้เด็กหนุ่มจะพูดจาหยาบคายก้าวร้าวใส่ แต่เจ้าหน้าที่สาวก็ยังคงกล่าวด้วยความเยือกเย็นต่อไป “สิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ที่แม่นางท่านนี้นะเจ้าคะ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณชายตรงไหนกัน?”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก
นี่หมายความว่าอะไร?
ทันใดนั้น ประตูห้องพักฝั่งตรงข้ามก็เปิดออกพอดี
ฮั่วหานซานก้าวเดินออกมาจากด้านในห้อง
เมื่อสายตาพบเข้ากับร่างของนักพรตหญิงชิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายแวววาว
ครั้งสุดท้ายที่เขาพบเห็นสตรีนางนี้ ฮั่วหานซานรู้สึกได้ถึงความเย้ายวนใจอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ผมสีเงินของนางเป็นประกายราวกับหิมะน้ำแข็งอย่างหาได้ยากยิ่ง และทรวดทรงองค์เอวนั้นอีกเล่า เพียงจ้องมองก็ทำให้ผู้คนแทบละลายตายแล้ว
บัดนี้ นางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ ชุดเสื้อคลุมบุรุษดูจะหลวมไปสักเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่อาจซ่อนเร้นเสน่ห์อันสมบูรณ์แบบของเรือนร่างงามได้แม้แต่น้อย ผมยาวของนางรวบเป็นหางม้ายกสูง ทำให้นางดูทะมัดทะแมงและมั่นใจในตนเอง ก่อให้เกิดความรู้สึกที่บุรุษหนุ่มอยากจะครอบครองหัวใจให้จงได้
นี่คือยอดหญิงงามในใต้หล้าที่แท้จริง
ฮั่วหานซานก้าวเดินออกมา
เขาถอนสายตาออกจากร่างของนักพรตหญิงชินอย่างยากลำบาก เพื่อหันมาพูดกับหลินเป่ยเฉินด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “ข้ารู้จักเจ้า ชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังไม่เบาเลยนี่ แต่ว่า… สำหรับข้านั้นมันหาได้มีความหมายใดไม่ เพราะว่าข้าเป็นนายทหารแห่งกองทัพหลิวเยวียน ข้าคือวีรบุรุษที่ถูกกองทัพแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ”
“ก็เพราะเช่นนั้นไงล่ะ เจ้าถึงยังไม่กลายเป็นศพ หากเจ้าไม่ได้มีสถานะเป็นคนของกองทัพและใช้สายตาเช่นนั้นจ้องมองสหายของข้า ป่านนี้เจ้าคงหมดลมหายใจไปนานแล้ว”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“สหายของเจ้าหรือ?”
ฮั่วหานซานหัวเราะเยาะในลำคอ “เจ้าเรียกสตรีจากหอนางโลมว่าเป็นสหายเนี่ยนะ? หากข้าจะมองนาง แล้วเจ้าจะทำไม?”
ทันทีที่คุณชายตระกูลฮั่วกล่าวออกมาเช่นนั้น บรรยากาศในโถงทางเดินก็แปรเปลี่ยนไป
ดวงตาของนักพรตหญิงชินเป็นประกายวาวโรจน์ นางเงยหน้าขึ้น เส้นผมสีเงินปลิวไสวตามแรงลม ดวงตาจ้องมองฮั่วหานซานเขม็ง
“มีอะไร?”
ฮั่วหานซานไม่ได้ซ่อนเร้นกิริยาดูถูกดูแคลนของตนเองแม้แต่น้อย “ข้าพูดผิดตรงไหน? ข้าเคยเห็นสตรีอย่างเจ้ามามากแล้ว ฮ่า ๆๆ ภายนอกดูสูงส่ง…”
แต่คำพูดยังไม่ทันจบประโยค
“เจ้าคงอยากตายมากสินะ!”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิด
มือขวาของเด็กหนุ่มยื่นออกมาข้างหน้า ปรากฏแสงสว่างวูบวาบ แล้วปืนอินทรีหิมะก็มาอยู่ในมือของเขา
หลินเป่ยเฉินเหนี่ยวไกยิงโดยไม่ลังเล
พรึ่บ!
แขนข้างหนึ่งของฮั่วหานซานระเบิดกระจาย
โลหิตและเศษกระดูกสาดกระจายไปรอบทิศทาง
กำแพงของโถงทางเดินที่เป็นสีขาวสะอาดตาบัดนี้เต็มไปด้วยคราบสีแดงของโลหิตซึ่งกำลังไหลหยดลงมาจากกำแพงนั้น…
“อ๊ากกกก...”
ฮั่วหานซานส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด “นี่หรือคือปราณกระบี่คงกระพัน? เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาอาละวาดที่นี่ เจ้า… อ๊ากกกก”
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่ายามที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมใหญ่แห่งนี้ หลินเป่ยเฉินจะถึงกับกล้าทำร้ายผู้คนโดยไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง
ฮั่วหานซานคิดไม่ถึงเลยว่าจากข้อมูลที่เขาได้รับทราบมานั้น พลังปราณกระบี่คงกระพันที่แท้จริงกลับมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงมากกว่าข้อมูลที่เขาเคยได้ยินได้ฟังมาหลายเท่า
ฮั่วหานซานไม่เคยพบกับความเจ็บปวดหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้มาก่อน
“คุณชายได้โปรดหยุดมือ”
เจ้าหน้าที่สาวเจิ้นหรู่อี้ร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
อย่างไรก็ตาม เจิ้นหรู่อี้เป็นถึงทหารหญิงระดับสูง นางจึงตั้งสติได้อย่างเร็วไว ร่างกายเคลื่อนไหวเพียงวูบเดียวก็มาปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าฮั่วหานซานแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้ คนอื่น ๆ ก็รับรู้ถึงความวุ่นวายแล้วเช่นกัน
อี้ซูหนานกับลู่เชาสองเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกส่งตัวมารับใช้หลินเป่ยเฉิน ต่างก็รีบปรากฏกายขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งสถานการณ์อันร้อนระอุ
“คุณชายอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม”
อี้ซูหนานรีบส่งเสียงร้องเตือน
ลู่เชาขยับเท้าออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าบังอาจนัก!”
เมื่อองครักษ์อีกหนึ่งคนที่ถูกส่งมาอารักขาฮั่วหานซานเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เขาก็ชักกระบี่ออกมาพุ่งเข้าหาลู่เชาด้วยความดุดัน
การทำร้ายแขกผู้เข้าพักในโรงเตี๊ยมต้าเฟิงถือเป็นความผิดขั้นรุนแรง
อาจมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต
แต่หลินเป่ยเฉินจะปล่อยให้ผู้คนมีโอกาสอยู่รอดได้อย่างไร?
ลูกกระสุนถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง
ปัง! ปัง! ปัง!
ลำแสงจากวิชาปราณกระบี่คงกระพันทะลุผ่านชายเสื้อของเจิ้นหรู่อี้ทะลวงเข้าไปสู่แขนและขาทั้งสองข้างของฮั่วหานซาน
“วันนี้เจ้าต้องตาย!”
เมื่อมังกรถูกขอดเกล็ด มันจึงบ้าคลั่ง
จิตสังหารของหลินเป่ยเฉินแรงกล้า ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว
“อ๊ากกก หลินเป่ยเฉิน เจ้ามันเสียสติไปแล้ว เจ้า…”
ฮั่วหานซานส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ขณะพยายามกระเถิบตัวถอยหลังหนีไปอย่างน่าอนาถ
เขารู้แล้วว่าแผนการของตนเองล้มเหลวไม่เป็นท่า
วิชาปราณกระบี่คงกระพันคือสิ่งที่เขาไม่อาจต่อกรได้
และเขาก็ประมาทหลินเป่ยเฉินมากเกินไป
“คุณชายหลิน ได้โปรดหยุดมือก่อน ไม่งั้นมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ”
สีหน้าของอี้ซูหนานแปรเปลี่ยนไป นางรีบเดินเข้ามาจับแขนหลินเป่ยเฉินและพยายามฉุดรั้งเขาเอาไว้ พร้อมกันนั้นก็พยายามเกลี้ยกล่อมว่า “โรงเตี๊ยมต้าเฟิงอยู่ในการดูแลของกองทหาร โดยเฉพาะนับตั้งแต่ชั้นที่ยี่สิบห้าขึ้นมา หากมีการฆ่าคนเกิดขึ้นที่นี่ นั่นเท่ากับเป็นการฝ่าฝืนกฎทหารโดยตรง…”
ลู่เชาก็พยายามช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรงหนึ่งว่า “คุณชายอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าน้อยจัดการเอง”
ขณะนี้
ใบหน้าของเจิ้นหรู่อี้ขาวซีดปราศจากสีเลือด
ลำแสงจากวิชาปราณกระบี่คงกระพันพุ่งทะลุผ่านชายเสื้อของนางไปเมื่อสักครู่ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความตายที่เฉียดผ่านไป วิญญาณของนางแทบหลุดออกจากร่างด้วยความตื่นกลัว บัดนี้ เจิ้นหรู่อี้ยังไม่อาจส่งเสียงพูดหรือเคลื่อนไหวร่างกายได้ด้วยซ้ำ…
หลินเป่ยเฉินไม่กลัวตายหรืออย่างไร?
องครักษ์หนุ่มที่ปะทะกระบี่กับลู่เชาเมื่อสักครู่ บัดนี้ขยับเข้ามายืนขวางหน้าเจิ้นหรู่อี้พร้อมด้วยโล่ทองคำ ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ร้องตะโกนออกมาว่า “รีบพาคุณชายฮั่วหนีไป… เดี๋ยวนี้!”
ฉับพลันนั่นเอง เจิ้นหรู่อี้จึงรู้สึกเหมือนตนเองสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน!